กรณีหนังไทยที่ถูกเซ็นเซอร์..คนไทยใช้อารมณ์ตามกระแสกันเกินไปหรือเปล่า
ได้มีโอกาสโฉบไปในห้องเฉลิมไทย เห็นกระทู้แนะนำเรื่องปัญหาการเซ็นเซอร์.. ยึดฟิล์มของหนังเรื่อง แสงศตวรรษ ของ ผู้กำกับอภิชาติพงศ์ (เจ้ย) ด้วยบรรยากาศที่ดูฮ็อตกระหน่ำกว่าสงกรานต์ปีนี้ ก็ให้รู้สึกงงๆ อยู่
.
ความรู้สึกแรก...คือ..ตกลงหนังมันมีปัญหาเรื่องอะไรกันแน่??
หลังจากอ่านกระทู้จนตาลาย ก็เห็นมีแต่บรรดาแฟนคลับเข้ามาแสดงความเคียดขึ้งถึงขั้นด่าพ่อล่อแม่กองเซ็นเซอร์ไปยันกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งๆ ที่ 99 % ยังไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้สักคน...
ก็มีบางคนไปควานข้อมูลมาโพสต์ประมาณว่า มีอยู่ 4 ฉากที่ต้องถูกตัด..บลา บลา... โดยอธิบายคร่าวๆ ซึ่งก็คงตัดสินอะไรไม่ได้ เนื่องจากหนังแต่ละเรื่องมันมีประเด็นการนำเสนอที่แตกต่างกัน ด้วยเจตนาที่แตกต่างเช่นกัน.. จะมาดูแค่ฉาก 4 ฉาก ก็คงบอกไม่ได้ว่าควรตัดหรือไม่ควร ก็คงต้องดูให้เข้าใจทั้งเรื่อง...
ก็เลยหันไปถามเพื่อนในวงการ พาลแว่วๆ มาว่า มันกลายเป็นไม่ใช่แค่หมิ่นสถาบันแพทย์ หรือสถาบันศาสนา แต่หากมันไกลไปจนถึงสถาบันสูงสุดที่คนไทยนับถือ ก็เลยยิ่งเง็งเพิ่มไปอีกว่า..อารายมันจาขนาดน้าน..
เรื่องของเรื่อง..ก็เพราะยังไม่ได้ดูนั่นแหละ... พูดไปก็เหมือนพายเรือในอ่างจากุซซี่
เขาก็บอกต่อว่านั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งของการต้องยึดฟิล์ม ซึ่งหากต้องเป็นความกัน ทางกองเซ็นเซอร์จะต้องมีหลักฐานในการที่จะสู้คดี คือ ก็อปปี้หนังนั้นต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน เพราะหากถ้าคืนกลับไปอาจจะเกิดปัญหาการตัดทอนแก้ไข... ฟังดูมันก็น่าเป็นกฏเกณฑ์ที่เขาต้องทำกันมา (นานแล้ว)
แล้วเราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้สร้าง (หรือแฟนคลับ) ต้องเดือดร้อนอะไรมากมายกับก็อปปี้นั้น เพราะตนเองก็ยังคงมีต้นฉบับที่ใช้พิมพ์ฟิล์มอยู่ และหนังก็ฉายมาแล้วหลายประเทศรอบโลก
ที่น่าสังเกตคือ สมาคมภาพยนตร์ในประเทศไทย ดูเหมือนจะไม่มีใครจะเข้ามาเป็นตัวแทนในการเจรจา หรือ take action แต่ประการใด ฟังข่าวแมงเม้าท์ทั้งหลาย ก็ประมาณว่า ผู้กำกับอินเตอร์แกไม่ค่อยมีความสัมพันธ์อันดีกับสมาคมหนังไทยๆในบ้านเราเท่าไร....อันนี้ก็มิทราบได้
พอเข้าใจอยู่ว่าหนังแนวอินดี้นี้มักจะมีประเด็นการนำเสนอที่คาบลูกคาบดอกอยู่เสมอ แม้กระทั่ง สุดเสน่หา ของผู้กำกับคนเดียวกันซึ่งเซอร์ๆ และฮาร์ดคอร์ด้วยฉากร่วมรักอันโจ่งแจ้งระหว่างป้ากับคนขับรถอ้วนๆ ขนาดนั้น..ก็ยังมีแผ่นวางขายตามท้องตลาดทั่วไป หากแสงศตวรรษนี้ถูกเซ็นเซอร์ ก็คงน่าจะมีประเด็นอะไรบางอย่างที่ sensitive อย่างมั่กๆ
แล้วกองเซ็นเซอร์ก็ทำตัวเอี้ยมเฟี้ยม ไม่เห็นออกมาแถลงอะไรให้เข้าใจเป็นเรื่องเป็นราว ปล่อยให้เป็นปริศนาอักษรไขว้ ให้ชาวบ้านออกมาฟัดกันเองในเว็บ จนกลายเป็นสงครามอารมณ์กันมากกว่าเหตุผล
ที่น่าสนใจกว่าประเด็นเซ็นเซอร์ คือ..ทำไมชาวพันทิพเราถึงช่างจะเจ้าอารมณ์ฟุ่มเฟือยกันขนาดนั้น การออกความเห็นแบบคนที่มีการศึกษา พูดจาภาษาดอกไม้ใส่กันมันไม่มันสะใจหรือกระไร คนที่มีความเห็นต่างไปจากกระแสที่โหมอยู่ ก็ประมาณอาจถูกรุมจนแบนคาบอร์ดไปได้ง่ายๆ
เหมือนกับว่า ถ้าไม่ตอบกระทู้แบบเหน็บแนม ประชดประชัน ขย้ำกันเลือดซิบ อาจจะนอนไม่หลับ...สงสัยเข้าข่าย S&M...(ต้องไปเปิดตำราจิตเพศเอานะจ๊ะ หุๆๆ)
เหมือนอย่างในห้องแจ๊สส์ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของคนที่มีสุนทรีย์ทางดนตรี ก็เคยเป็นสนามรบกันมาแล้วด้วยเหตุแห่งอัตตาอันล้นเกินขนาดของผู้ที่ (คิดว่า) รอบรู้ดนตรีไปหมดทุกเรื่องในโลกนี้ แล้วมองคนที่คิดไม่เหมือนกันกลายเป็น สัตว์ประหลาด (คนละเรื่องเดียวกันกับหนังของคุณเจ้ยจ้ะ)
อะไรๆ มันก็คงต้องรอให้ข้อเท็จจริงมันเฉลยตัวเองออกมา ก็ได้แต่หวังว่าคงจะมีโอกาสได้ดู แสงศตวรรษ ครบถ้วนทั้งเรื่อง (หรอกนะ)... เหมือนกับที่เราเคยกังขากับหนัง Anna and the king มาก่อน ว่าทำไม๊..ถึงต้องซีเรียสขนาดห้ามฉาย พอได้ไปดูเข้าจริงๆ ก็ถึงบางอ้อว่า เออ... มันก็สมควรอยู่หรอก ประเทศกรูไม่ได้ดูขนมผสมน้ำยาขนาดนั้น...
Create Date : 14 เมษายน 2550 |
|
30 comments |
Last Update : 14 เมษายน 2550 23:19:47 น. |
Counter : 2148 Pageviews. |
|
|
|
อย่าง Anna and the King ผมก็ได้ดูแล้วเหมือนกัน รู้สึกว่าอุบาทว์ไปหน่อย ทำรำไทยโมเดิร์นไม่สวยเลย