Bloggang.com : Bkkbear : Super 8 ต่อให้ผู้กำกับเทพมาจากไหนก็หาได้หลุดพ้นอิทธิพลสปีลเบิร์กไปได้

Super 8 ต่อให้ผู้กำกับเทพมาจากไหนก็หาได้หลุดพ้นอิทธิพลสปีลเบิร์กไปได้

เคยดูตัวอย่าง Teaser ของ Super 8 ในเน็ตด้วยความรู้สึกระทึกชวนติดตาม แถมพะด้วยยี่ห้อของ J.J. Abrams ผู้กำกับ Star Trek ฉบับล่าสุดและยังเป็นผู้สร้างทีวีซีรี่ส์ Lost และ Fringe เลยรู้สึกว่ายังไงต้องตามไปดู

ใจนึงก็อยากรู้ว่าผู้กำกับระดับนี้จะมีโอกาสแหวกแหกสไตล์สปีลเบิร์กไปได้กี่มากน้อย

หลังๆ นับครั้งได้ที่ยอมจ่ายตังค์เข้าไปนั่งดูในโรง (หลังจากเข็ด Thor เวอร์ชั่น 3 มิติ ที่มีแต่ความมืดมัวปวดลูกกะตาพาให้หนังลงเหว) ครั้งนี้โรงเมเจอร์ที่ฉายก็ดูเป็นโรงใหญ่ไว้ประเดิมโปรแกรมยอดนิยม

แต่แล้ว...จากหนังตัวอย่างที่เคยดูแจ่มๆ แบบ HD ในเน็ต กลับต้องมาดู Super 8 ในรูปลักษณ์ฟิล์มเกรนแตกๆ สีตุ่นๆ เสียงผลุบๆ โผล่ๆ กันทั้งเรื่อง (เอ..หรืออยากให้สมจริงคล้ายถ่ายด้วยหนัง 8 มม.กันหนอ 555)

ยิ่งพ่อเจเจถ่ายหนังด้วยสไตล์คล้ายทีวีซีรี่ส์ เน้นการใช้ Long Lens โคลสอัพหรือถ่ายด้วย Perspective ที่ตื้นอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งทำให้มิติของหนังแนวผจญภัยแฟนตาซีดูตันๆ ขาดความลึกและบรรยากาศพิกลอยู่

คุณภาพของก็อปปี้ฟิล์มที่นำมาฉายชุดนี้ เสมือนย้อนยุคไปดูหนังสมัยมิตรเพชรา ค่าตั๋วก็ขึ้นเอาขึ้นเอาแต่คุณภาพการฉายถอยหลังลงคลอง ก็น่าหรอกที่ให้คนดูเขาด่า

นึกถึงสมัยโรงหนังมัลติเพลกซ์เพิ่งจะเฟื่อง ระบบเสียงแปลกๆ เช่น THX, SDDS, DTS สารพัดสรรจะนำมาเสนอ แต่เดี๋ยวนี้ฟังทุลักทุเลราวกับแผ่นเสียงตกร่อง ยิ่งข้าพเจ้าเคยเห็นคุณภาพฟิล์มต้นฉบับ 70 มม.จากนอกสมัยโน้นอยู่หลายเรื่อง ซึ่งทั้งเสียงทั้งภาพนั้นแจ่มกว่าสมัยนี้มากมายนัก ยิ่งหมดอารมณ์กับรสนิยมเจ้าของโรงเมเจอร์เจนเนอเรชั่นนี้

หนังดีๆ มีสิทธิ์หัวทิ่มกลายเป็นหนังห่วยๆ ได้ทันที เพราะก็อปปี้ฉายไร้คุณภาพนี่แหละ ส่วนดิจิทัล 3 มิตินั้น ถ้าไม่ใช่ไอแมกซ์ ข้าพเจ้าเห็นจะต้องขอลา คิดว่าคุณภาพโปรเจ็กเตอร์บ้านเราคงเป็นรุ่นเก่าสว่างไม่พอ ไม่ทราบว่าโละของเชียงกงมาจากเมกาหรือไร

แวะมาดูเนื้อหนัง Super 8 ที่ย้อนกลับมาสู่ความเป็นสปีลเบิร์กจ๋าเหมือนสมัยยุค"อีที"ยังเฟื่อง นี่คือการย้อนร้อยกลับไปสู่สิ่งที่เขาชอบทำมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเด็กๆ ที่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอการผจญภัยที่มหัศจรรย์พันลึกเช่นนี้

เลยกลายเป็นขนมผสมน้ำยาพอควรกับสไตล์ของผู้กำกับเจเจที่ยังแฝงความโหดในทีกับความฝันวัยเด็กของสปีลเบิร์ก

เรื่องราวย้อนสู่ยุคดิสโก้ยังเฟื่อง ซึ่งฝรั่งถนัดและทำได้ดีอยู่เสมอ จากเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบกลับกลายมาเป็นสมรภูมิการผจญภัยกับกลุ่มเด็กๆ ที่บ้าการทำหนังด้วยกล้องซูเปอร์ 8 มม. วันดีคืนดีรถไฟที่บรรทุกของ(ลึก)ลับจากหน่วยทหารดันมาล้มคว่ำขะมำหงายต่อหน้าต่อตา กลายเป็นที่มาของสิ่งประหลาดที่ตามมาอาละวาดในชุมชน (ตามสไตล์สูตรสำเร็จ)

เล่าเรื่องมากเดี๋ยวก็โดนถล่มว่าสปอยล์ ไปหาอ่านเอาในเว็บหรือตามไปดูสดๆ จะได้ความประทับใจมากกว่า

หนังยังคงความสนุกสนานในดีกรีของผู้กำกับระดับนี้ได้ตามมาตรฐาน แต่อารมณ์ขันแบบเจเจดูจะร้ายๆ กว่าสปีลเบิร์กอยู่ไม่น้อย ก็เลยทำให้เด็กๆ วิกนี้ดูห่ามๆไม่ค่อยจะน่ารักเหมือนแนวอีที กระนั้นเรื่องราวก็ลื่นไหลได้ดีไปตามเพลง

J.J. Abrams เป็นทั้งผู้กำกับและเขียนบท หนังของเขามักซับซ้อนและขมวดปมได้ชวนพิศวงอยู่เสมอ แต่ที่แน่ๆ จังหวะจะโคนช่วงไคลแมกซ์ช่างจะเป็น"สปิลเบิร์ก"ซะไม่มี.. จงใจบิลท์จนบางทีดูล้นๆ แปลกใจว่าผู้กำกับอย่างเจเจยอมอยู่ใต้อาณัติของสปีลเบิร์กขนาดนั้นเลยเชียวหรือ?

ที่สำคัญ เมื่อได้ดูหนังเต็มเรื่องกลับไม่ได้ความรู้สึกระทึกชวนติดตามเหมือนดูตัวอย่างข้างบน ถึงฉากสำคัญตอนเปิดเรื่องจะดูสมจริงวินาศสันตะโร ทำได้ดีในระดับเทพเช่นเคย แต่ความรู้สึกลึกลับชวนติดตามกลับกลายพันธุ์ไปไหนไม่ทราบ

ความรุนแรงในเรื่องก็ไม่น้อยหน้าอยู่ เห็นเป็นหนังเด็กๆ เล่นก็เหอะ เรตติ้ง น.13+ นะจ๊ะ

ตัวอย่างฉบับเต็ม น่าเศร้าที่สีสันสดใสแบบนี้หาดูไม่ได้ในโรง

Create Date : 11 มิถุนายน 2554

Last Update : 11 มิถุนายน 2554 9:42:55 น.

5 comments

Counter : 1490 Pageviews.

เขากำกับหนังเรื่องนี้เพื่อ Tribute สปิลเบิร์ก ผู้กำกับที่เขารักครับ หาได้ยอมอยู่
ใต้อาณัติไม่

โดย: Tk IP: 182.53.121.69 วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:10:48:55 น.

ความเห็นส่วนตัวนะครับ คนที่เป็นผู้กำกับทุกคนมักจะมีลายเซ็นตัวเองชัดเจน โดยเฉพาะคนอย่างเจเจ วิธีการเล่าเรื่องของเขาถึงดูแรงกว่าสปีลเบิร์กอยู่ไม่น้อย ส่วนที่พูดถึงการตามใจโปรดิวเซอร์คือสไตล์ของฉากจบ ซึ่งมักจะเป็นจุดอ่อนของหนังสปีลเบิร์กแทบทุกเรื่อง ดูเหมือนรวบรัดความเป็นดราม่าอยากให้ลงตัวกับสถานการณ์ไคลแมกซ์เร็วๆ แต่ก็มักจะรู้สึกไม่ขาดก็เกินทุกครั้ง

สำหรับคนที่ได้ไปชมแล้ว คงนึกออกถึงฉากจบที่พ่อขับรถมาเจอลูกพอดิบพอดี แล้ววิ่งมากอดลูกทำซึ้งแบบง่ายๆ อะไรทำนอง ขณะที่ปูบทความขัดแย้งในความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกมาไม่น้อย ความที่อยากเน้นบทเด็กๆ เลยทิ้งบทพ่อไปเอามาปะตอนจบง่ายๆ จริงๆ ให้พ่อทั้งสองพยายามจนเข้ามาช่วยลูกจนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง อาจจะดูเข้าทีมีน้ำหนักดราม่ากว่าให้เด็กสองคนใช้วิธีง่ายๆ ในการต่อกรกับมนุษย์ต่างดาว

โดย: หมีบางกอก (Bkkbear

) วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:16:18:08 น.

อรุณสวัสดิ์ครับพี่หมี

ผมดูหนังแนวมนุษย์ต่างดาวไม่รู้เรื่องเลยครับ แหะๆๆ

หนังของสปีลเบอร์กเรื่องเดียวที่ผมชอบ
น่าจะเป็นพลทหารไรอันนี่ล่ะครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:6:21:34 น.

อรุณสวัสดิ์ครับพี่หมี

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:6:21:09 น.

อรุณสวัสดิ์ครับพี่หมี

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:6:22:12 น.