|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กระทู้เวียนวนในเฉลิมไทย..ละครเกาหลี..ละครไทย..ไหงมาลงที่ TCDC

เห็นกระทู้เรื่องการยุบ TCDC ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบฯ มาพักใหญ่ มีทั้งสมาชิกและไม่สมาชิกเข้ามาถล่มกันตรึม เนื่องจากศูนย์นี้กำลังถูกยุบย้าย... ก็น่าเห็นใจอยู่ ใครที่หลวมตัวไปเป็นสมาชิก(แพงๆ) ก็ย่อมเซ็งเป็นธรรมดา
เราเคยเลียบๆ เคียงๆ เข้าไปถาม ดูๆ ไม่ค่อยต้อนรับยังไงไม่ทราบ สงสัย look ของเรามันตี๊ดดสไม่พอกระมัง พอเห็นราคาแล้วก็.. เอ่อ... นโยบายเขาคงหวังพัฒนาคนที่พร้อม(ด้วยงบ)อยู่แล้วให้พร้อมยิ่งขึ้นกระมัง ส่วนตาสีตาสาอย่างเราก็..แหะๆ
ส่วนกิจกรรมในแง่ให้ความรู้อื่นๆ ก็ดูลอยๆ พิกล เคยเข้าไปชมนิทรรศการ (ซึ่งแต่ละงานก็ลงทุนไม่น้อย) คนดูก็โหรงเหรงๆ แล้วก็เซอร์ซะจนไกลตัว สถานที่ก็หลบเข้าไปซะขนาดนั้น โอกาสที่คนทั่วไปจะได้พบเห็นและรับรู้อะไรใหม่ๆ แทบจะไม่มี
จริงๆ ศูนย์ที่ว่าเนี่ยมันน่าจะมีมานานแล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องหรูเริ่ดบานเบิกด้วยค่าใช้จ่ายอย่างที่เห็น เท่าที่ทราบเงินเดือนของ ผอ. ประมาณ 300,000 บาท บวกกับผลประโยชน์อื่นๆ ก็เกือบสี่แสน นี่ยังไม่นับบรรดากรรมการบริหารและพนักงานอีกสารพัน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายประจำและค่าเช่าซึ่งเดือนละหลายล้านอยู่แร้น
ฟังดูแล้วหนาวสุดๆ เงินเดือนและค่าใช้จ่ายขนาดเนี้ยะ หากแต่ได้ผลงานหน่อมแน้มเท่าที่เห็น แถมยังเป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงผลประโยชน์ (Non-Profit Organization) ซึ่งสมควรจะบริหารจัดการอย่างพอเพียง ไม่ใช่ผลาญงบกันวินาศสันตะโร...ถ้าเป็นอย่างสมัยเราทำงานกับบริษัทโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยตอนนั้น คงถูกไล่ออกไปตั้งแต่ยังไม่พ้น Probation
เราก็มานั่งนึกดูว่า เงินที่ลงทุนขนาดนั้น..ผลพวงที่ได้รับน่าจะสะท้อนถึงส่วนรวมเป็นวงกว้างกว่านั้น ไม่ใช่แค่กลุ่มดีไซเนอร์ในเมืองหลวง มันควรจะเป็นโครงการที่สร้างบุคลากรด้านดีไซน์ใหม่ๆ จากทุกท้องถิ่นทั่วประเทศ ฝึกฝนนักออกแบบไทยๆ ให้รู้จักผลิตงานต้นแบบของตัวเอง
แว่วๆ ว่าจะมีกิจกรรมโน่นนี่ แต่ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน และจากค่าใช้จ่ายมหาศาลขนาดนั้น..ก็น่าหรอกที่จะถูกเพ่งเล็ง และต้องมาลงเอยกับปัญหาเช่นนี้
อ่าว..ว่าจะมาคุยเรื่องละครเกาหลี เกาหลัง..ดันไปว่าเรื่อง TCDC ท้ายสุดซะก่อน

ครือ..เนื่องจากกระทู้ต่อเนื่องเขาวิจารณ์เรื่องเกาหลีมีละครที่สร้างสรรค์กว่าเรามาก(ถึงมากที่สุด) แถมเน้นเรื่องวิทยาการความรู้ ไม่ใช่เอาแต่วนเวียนเรื่องบนเตียงแย่งผัวแย่งเมีย แล้วก็เลยโยงมาถึง TCDC ว่า นี่ไง..อยู่ดีๆ ก็มายุบองค์กรที่ให้ความรู้ให้ประโยชน์ แทนที่จะหนับหนุน ...แถมด้วยความคิดเห็นอีกมากมายตามมากระหน่ำกันไปคนละทิศละทาง ..ไอ้เราอ่านแล้วก็เง็งๆ อยู่
ก็เลยอยากจะบอกว่า ..มันน่าจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันดอกหนา...
ไอ้เรื่องละครเกาหลีดีกว่าละครไทยนั้น อย่าไปเปรียบเทียบอะไรให้เมื่อยตุ้ม... เพราะเงื่อนไขต่างกันราวฟ้ากับเหว เราไม่ต้องพูดถึงรสนิยมคนดู (ซึ่งไม่แฟร์ด้วยวัฒนธรรมพื้นฐานนั้นต่างกัน) หากแต่สิ่งที่ควรพูดถึงก็คือ วิสัยทัศน์ของทั้งภาครัฐและเอกชนของเขาต่างกับเราไปคนละสุดขอบฟ้า
รัฐบาลเกาหลีนั้น เขาเห็นคุณค่าของหนังและละครว่าเป็นศิลปะที่มีส่วนส่งเสริมทัศนคติและพัฒนาชื่อเสียงของชาติสู่ตลาดโลกได้ เขาจึงลงทุนกับภาคธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ทั้งหนัง ทั้งละคร ทั้งการ์ตูน เขาส่งคนไปเรียนรู้จากสุดยอดของโลกทั้งยุโรปและอเมริกา เพื่อมาพัฒนาบุคลากรของเขาให้ก้าวสู่ระดับโลกอย่างเร็วที่สุด
รัฐบาลของเรามีวิสัยทัศน์อะไรแบบนี้บ้างไหม...นอกจากคอยเซ็นเซอร์นม หรือป้ายยาหม่องฉากสูบบุหรี่กินเหล้า
ไม่ต้องไปนึกถึงเอกชน...ไม่ว่าช่อง 3 ช่อง 7 ช่องเฮ็ดอันหยังอะไรก็ตาม เพราะพวกนี้ล้วนกำเนิดมาจากเศรษฐีใหม่ ไม่ใช่คนในวงการหนังละครที่รักวิชาชีพและมีจิตสร้างสรรค์เป็นวิญญาณ
ทำให้พาลนึกไปถึงฮอลลีวู้ด ถึงมันจะ Commercial จ๋า ขนาดไหน คนอย่างลูคัส สปีลเบิร์ก บรัคไฮเมอร์ หรือปีเตอร์ แจ็กสัน ก็ยังผลิตงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ ออกมาควบคู่กับงานการค้าตลอดเวลา นั่นเพราะเขากำเนิดจากคนในวงการแท้ๆ
คนในวงการที่หลงเหลือก็มีแต่คนที่(พยายาม)คิดแบบเดียวกับนายทุนเหล่านั้น คนเก่งๆ มีไอเดียใหม่ๆ น่ะเหรอ...ยากส์ กว่าจะฝ่าด่านสิบแปดอรหันต์ก็ลมแด๊กสสส...
มันก็เหมือนร้องเพลงจุดเทียนเวียนวน (ของมานี มณีวรรณ..เอ.. มีใครยุคนี้รู้จักมั้ยเนี่ย หุๆ) รัฐบาลต้องหันกลับมาสนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิงของบ้านเราให้จริงจังอย่างเป็นรูปธรรม มิฉะนั้น หนังละครและเพลงบ้านเราก็จะถอยหลังลงคลอง(น้ำเน่า)ชนิดกู่ไม่กลับ แล้วรังแต่จะสร้างทัศนคติอุบาทว์ให้กับคนรุ่นใหม่ แถมด้วยภาพลักษณ์เน่าๆ ให้กับสากลโลก
TCDC จึงเป็นแค่ผลงานตำน้ำพริกละลายอ่าวไทย และเป็นผลพวงเฟคๆ ของภาครัฐที่คิดว่ารู้ดีเรื่องการออกแบบ ... เฉกเช่นรสนิยมเรื่องหนังละครไทยนั้นแล
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 13:21:30 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1322 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: baconbkk IP: 58.8.92.33 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:36:24 น. |
|
|
|
โดย: น้องเท่ (Fight_on ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:08:27 น. |
|
|
|
โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:42:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

|
งานเขียนบทความ บทหนัง เรื่องสั้น และนวนิยายในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย Bkkbear (หมีบางกอก) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
|
|
|
|
|
|
|
ที่พี่หมีพูดถึงวิสัยทัศน์ ในเมืองไทยนั้น ไม่ใ่ช่แค่เรื่องวงการภาพยนตร์ แต่เมืองไทย ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ชอบพูดว่า จะตอบโจทย์ จริงแล้ว ยังไม่ได้ตั้งโจทย์ขึ้นมาด้วยซ้ำ