1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
ซิทคอม เป็นต่อ กับนโยบายโคตร..สะนา แอบแฝง..
เพิ่งดูซิทคอมเรื่องดังของซีนารีโอ เป็นต่อ เมื่อคืนไป เป็นตอนที่มีหลากรสชาติคล้ายยำรวมมิตรอยู่ไม่น้อย มีทั้งบทตลกที่เริ่มเลยขีดความสุภาพ.. ไปจนถึงฉากซึ้งๆ ระหว่างความรักของพี่น้อง จริงๆ ก็เคยชื่นชมซิทคอมเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยในความพยายามที่จะสร้างสไตล์คอมเมดี้แบบไทยๆ ให้เกิดขึ้นได้สำเร็จ แล้วก็ดูจะเป็นซิทคอมเรื่องเดียวที่ดูแล้วไม่ขัดหูขัดตาเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่บริษัทเดียวกันทำ แถมยังพยายามแฝงบทดราม่าแนวชีวิตๆ ให้ดูไม่เบาโหวงจนเกินไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป วัตถุดิบในการเขียนบทคงจะร่อยหรอไปตามลำดับ หากจะลากยาวต่อไป ยังนึกไม่ออกว่ามุกทั้งหลายแหล่จะขุดมาจากไหนได้
. ความสนุกในแต่ละตอนของ เป็นต่อในปัจจุบัน ก็เลยดูลุ่มๆ ดอนๆ ไปตามบท (ที่เริ่มโลกแตกเป็นตลกคาเฟ่) และตามความว่างของนักแสดงที่บางทีมาไม่ตรงกัน แล้วที่เห็นกันจนชินตาคือ สไตล์การแฝงโฆษณาประชาสัมพันธ์ผสมผเสเข้าไปในเนื้อเรื่อง ตั้งแต่ป้ายโฆษณา สินค้าที่ใช้ในฉาก เสื้อผ้า ไปจนถึงยัดเยียดเข้าไปในบทพูดกันกระหน่ำ ยิ่งช่วงหลังๆ มีการโปรโมทละครเวทีในสังกัด ก็ใส่กันเข้ามาทุกตอน ถึงขนาดเน้นคำชื่อละครกันแทบทุกประโยค โดยเฉพาะตอนเมื่อคืนนี้ ที่พยายามเอาละครมิวสิคัล แคทส์ ที่กำลังจะลงโรงในเดือนหน้า มาแฝงในตัวบทชนิดเป็นประเด็นสำคัญอีกต่างหาก นอกจากจะทำทีล้อเลียนเพลง Memoryในเรื่อง (ไม่รู้ว่าจะช่วยโปรโมท หรือช่วยทำลายกันนิ..เหอๆ) ก็ยังนำตัวละครมาผูกกับเรื่องอย่างเป็นจริงเป็นจัง จริงๆ ก็ทำได้ไม่เลวอยู่หรอก หากแต่มันเล่นแฝงไว้ทุกตอนในช่วงนี้ ก็เลยสร้างความรำคาญให้คนดูอยู่ไม่น้อย จริงๆ สไตล์แฝงโฆษณาในทีวีซีรี่ส์เนี่ย น่าจะเริ่มมาจากหนังทีวี Sex and the City ก่อนเป็นแน่แท้ เนื่องจากความดังของซีรี่ส์ชุดนี้ แล้วเรื่องราวก็เกี่ยวพันกับแฟชั่นอยู่มากหลาย โอกาสที่สินค้าแบรนด์เนมดังๆ จะไปเผยตัวจึงเป็นไปได้มาก แต่ที่น่าสนใจคือ เขาทำมันอย่างดูกลมกลืนไม่ยัดเยียด ได้ความรู้สึกไฮคลาสไม่ล้นจนคนดูอึดอัด เลยกลายมาเป็นสไตล์ให้ซิทคอมบ้านเราเอามาเป็นแบบอย่าง (ชนิดที่แทบกระเด้งออกมานอกจอ) เลยนึกเสียดายว่า ในความคิดสร้างสรรค์ที่ได้พยายามสร้างซิทคอมชุดนี้ให้ดูกลมกลืนไม่เว่อร์เหมือนเรื่องอื่น ด้วยกลุ่มนักแสดงที่เข้าขากันอย่างดี สิ่งเหล่านี้กลับกำลังกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ตามกระแสทุนนิยมและการตลาดที่แรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงขั้นทำลายคุณค่าของตัวเอง และเข้าใจดีว่า เมื่อเรื่องดำเนินไปมากขึ้นเรื่อยๆ มุกต่างๆ ในบทก็ย่อมวนเวียนไม่มีอะไรใหม่ๆ นี่อาจเป็นสัญญาณ..ว่าถึงเวลาหรือยังที่ควรจะต้องจบซีรี่ส์นี้ แล้วสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ขึ้นมาแทนที่ ขนาด Sex and the City ซึ่งกำลังดังถึงขีดสุด ก็ยังต้องถึงบทจบ นั่นเพราะฝรั่งเขาเข้าใจถึงธรรมชาติของสื่อ และเป้าหมายของเขาคือคุณภาพและความประทับใจที่ทิ้งไว้ให้ผู้ชม และที่ไม่เข้าใจอยู่อย่าง ทำไมซิทคอมทุกเรื่องของวิกนี้ จะต้องมีเสียงหัวเราะของคนดูแซมให้เป็นที่กระเทือนรูหู การลอกเลียนสไตล์ของฝาหรั่ง ด้วยเสียงหัวเราะแหกโค้งแบบไทยๆ ดูมันจะหาความกลมกลืนไม่ได้มากกว่า แทนที่จะได้อารมณ์ขำๆ เลยกลายเป็นอารมณ์ทำลายมุกไปซะงั้น...
Create Date : 05 ตุลาคม 2550
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 5:51:27 น.
10 comments
Counter : 1285 Pageviews.
โดย: มาดามอุ้ย วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:12:56:30 น.
โดย: ปีศาจรองเท้า (ShoesMonster ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:13:15:10 น.
โดย: null (jipnaja ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:13:49:41 น.
โดย: นุนิก วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:14:48:35 น.
โดย: น้องเท่ (Fight_on ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:55:34 น.
โดย: มะเหวงโหวง IP: 111.84.66.46 วันที่: 28 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:02:56 น.
โดย: เเ IP: 124.122.65.135 วันที่: 28 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:26:03 น.
โดย: คนรักเป็นต่อ IP: 10.0.3.114, 61.7.177.179 วันที่: 8 เมษายน 2554 เวลา:0:35:15 น.
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [? ]
งานเขียนบทความ บทหนัง เรื่องสั้น และนวนิยายในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย Bkkbear (หมีบางกอก) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
อยู่เมกาไม่ค่อยได้ดูหรอกค่ะ
ส่วนมากจะดูผ่านยูทูบน่ะค่ะ
เห็นจะจริงอย่างที่ว่าค่ะ