Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
No Country for Old Men นี่หรือหนังออสการ์? / Jumper นี่หรือหนังที่บ่นกันว่าแย่?




ฤาความคาดหวังจะเป็นตัวทำลายสุนทรียภาพในการชมภาพยนตร์?

ทั้งฝรั่งทั้งไทยชมนักชมหนาว่าหนังรางวัลออสการ์ปีนี้เจ๋ง พี่น้องโคเอนถือได้ว่าเป็นผู้กำกับขึ้นหิ้ง...

หรือเพราะข้าพเจ้าต้องชม No Country for Old Men โดยไร้ซับ (ทั้งไทยแลอังกฤษ) กันแน่ก็ไม่ทราบ

ต้องทนตะแคงหูฟังพ่อนายอำเภอ ทอมมี่ ลี โจนส์ ทำหน้ายับๆ หน่ายชีวิต คุยสำเนียงคาวบอยในลำคองึมงัมๆ เหมือนวัวคุยกันทั้งเรื่อง…

หนังดูเซอร์ๆ เหมือนไม่มีที่มาที่ไป หรือนี่คือสไตล์หนังเกร๋ร่วมสมัย? ..ก็เหลือจะเดา...

เอาเวลาไปให้ตาฮาเวียร์ บาร์เด็ม เดินไล่ฆ่าผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองราวเป็นงานอดิเรก แถมทำหน้าขาวราวกับใช้สมูทอี (แข่งกะจอห์นนี่ เด็ปป์ ซึ่งได้ชิงออสการ์จาก Sweeny Todd ในบทฆาตกรเหมือนกัน)

เอ.. หรือมันเป็นแฟชั่นฆาตกรแอ๊บแมนยุคนี้ 5555...ที่เหวอกว่านั้นคือทรงผมบ๊อบลีบๆ ของเจ้าหล่อน...กรี๊ดดด

สมแล้วกับบทมือสังหารสติแตกซึ่งไม่มีที่มาที่ไป เพราะเธอยอมแบกถังแก๊สปิคนิค (LPG หรือ NGV ก็ไม่ซับซาบ) เอาไว้เป่าลูกบิดประตูเป็นอาจิน (สงสัยอาชีพหลักเป็นนักย่องเบาป่าวฟระ) ส่วนกิจกรรมเสริมก็คือเอาไว้เป่าขมองเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่...

พฤติกรรมหลักของคุณท่านคือทำท่าเท่ๆ ลึกลับๆ พูดจาเรื่องเวรอะไรไม่รู้ ด้วยลีลาข่มขู่ชาวบ้านเอ๋อๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ...





เป็นมือสังหารที่น่าเห็นใจอยู่ เพราะมือนึงยังต้องแบกปืนลูกซองสวมกระบอกข้าวหลามหนองมน (เก็บเสียง) หนักอึ้ง และอีกมือนึงหิ้วถังแก๊สปิคนิค กระเตงไปทั้งเรื่อง...อ๊ากกสส (น่าเปลี่ยนบทให้นักมวยปล้ำ WWF มาเล่นน่าจะดีกว่า..)

ส่วนตาพระเอกจอช โบรลิน ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าทำมาหากินอะไร หน้าตาขมุกขมอมพอๆ กะพวกโจร เดินไปเจ๊อะกลุ่มโจรค้ายาฆ่ากันตายเป็นเบือกลางทะเลทราย ด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สม หยิบโน่นหยิบนี่ไป แถมทิ้งคนกำลังจะตายพะงาบๆ อยู่ในรถปิคอัพไว้อย่างไม่แยแส ..แล้วยังอุตส่าห์เดินตามไปจิกเงินค้ายาจากโจรที่นอนตายซากอยู่ ด้วยท่าทีที่คุ้นเคยกับงานมิจฉาชีพ...

จู่ๆ ก็เกิดจริยธรรมยามดึก บังเอิญนึกขึ้นได้ว่าทิ้งคนที่ยังไม่ตายพะงาบๆ อยู่ในรถ... ยอมกลับไปคิดจะช่วย...โอ มายกร๊อดด มันคงมีชีวิตรออยู่หรอกนะจ๊ะ อย่างนี้ต้องเรียกว่าคุณธรรมล้ำเลิศในหมู่โจรหรือป่าวง่ะ..

ซึ่งนับเป็นความฉลาดล้ำในการพาตัวเองไปให้อีพวกค้ายามันไล่ล่า..วิ่งหนีทั้งคนทั้งหมาหัวซุกหัวซุน สมน้ำหน้ามัน...เหอะๆๆ

ทั้งเรื่องตามล่ากันไปล่ากันมา ด้วยฉากต่อสู้ที่จังหวะแหม่งๆ ไม่ใช่แค่สไตล์เกร๋ที่พยายามทิ้งความนิ่งและอึดอัดให้กับคนดู แต่ยังเป็นความรู้สึกฉงนฉงายว่า..มานทามอารายโง่ๆ ของมาน 5555

อย่างช่วงตาพระเอกค้นเจอกล่องสัญญาณตามล่าในกระเป๋าเก็บเงิน แล้วก็ยังเอามาวางข้างๆ ตัว นั่งเซอร์รอมือสังหารตรงหน้าประตูห้อง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาตรงหน้าประตู แต่ก็ยังนั่งเอ๋อถือปืนรออยู่ตรงนั้น

ขนาดเราเป็นแค่คนดูโง่ๆ ก็ยังรู้สึกว่ามรึงนั่งตรงนั้นทำไมฟระ เป็นตำแหน่งที่อันตรายที่สุดแล้ว เพราะถ้ามันซัลโวเข้ามาก็ไม่มีทางหลบทัน หากแต่พ่อพระเอกเธอก็ยังนั่งชมเงากุกกักๆ นอกประตู จนอีตามือสังหารเอาถังแก๊สปิคนิคเป่าลูกบิดกุญแจกระเด็นมาทิ่มพุง ถึงได้นึกออกว่า..อ้อ กรูต้องทำอะไรซักอย่าง... เฮ้อ...




นึกออกแล้ว..ต้อง (หลับตา) ยิงใส่มันเร้ยยย...(เอ..ทำไมลูกบิดมันยังติดประตูอยู่ง่ะ?)


หลังจากที่คุณพระเอกจอชวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีไปตามถนน (ตอนกลางคืน) มือสังหารฮาเวียร์ ก็ยิงไล่ตามหลังได้ราวกับมีตาอินฟราเรด แต่พระเจ้ายังเข้าข้างคนผิด เหอๆ เลยไม่ถูกสักนัด ดันไปถูกชาวบ้านขับรถมาเซ่อซ่าตายไปอีก

แล้วตาพระเอกอยู่ดีๆ ยิงตอบไปมั่วๆ เสือกโดนอีเวรฆาตกรซะนี่ ต้องตะกายหนีหัวซุนไปทำแผลตัวเอง (อย่างชำนาญ) ราวกับจบแพทย์ศิริราช...

ทั้งเรื่องที่ไล่ฆ่ากันตายเป็นเบือนี้ ตำรวจทั้งเมืองก็ไปมุดหัวอยู่ไหนไม่ทราบ ส่วนตานายอำเภอแก่ทอมมี่ ก็จะโผล่มาในซีนที่แยกจากกันเป็นระยะๆ พูดเรื่องอะไรไม่รุงึมงัมๆ 5555 นับเป็นความทรมานรูหูของข้าพเจ้ายิ่งนัก

สงสัยจะต้องกลับมาควานหาดีวีดีซับไทยดูฉากคนแก่งึมงัมคุยกันตอนจะจบ..ว่ามันบ่นอารายของมาน จะได้รู้ว่า ทำไมถึง No country for คนแก่ซะที เพราะจนบัดนี้ก็ยังไม่เก็ต

ดูไปเอ๋อไปจนอยู่ดีๆ มันก็จบไปซะงั้น...ใครดูรู้เรื่องช่วยมาเล่าหน่อยเหอะ..ไหว้ละ

หมายเหตุ - หนัง No Country for Old Men ได้รับรางวัลออสการ์ 4 ตัวด้วยกัน หนังยอดเยี่ยม ผกก.ยอดเยี่ยม บทยอดเยี่ยม?? มือสังหารยอดเยี่ยม..เอ๊ย..ผู้แสดงสมทบยอดเยี่ยม..ฮาร์เวียร์ บาร์เด็ม

สงสัยจริงว่า..Atonement ดีน้อยกว่าตรงไหน หรือเพราะเป็นหนังอังกฤษ?



........................................................................................................





ส่วนหนัง Jumper …ไม่มีไรหรอก...เห็นบ่นกันจั๊ง....พอๆ กับ 10000 BC นั่นแหละ

ตอนเห็นหน้าหนังแต่แรก เราก็สนใจอยู่เพราะเป็นคนชอบดูหนังแฟนตาซีแนวนี้อยู่แล้ว ถึงโปสเตอร์มันจะออกแบบได้ห่วยก็เหอะ…หลายคนก็รีวิวซะไม่น่าดูเอาเลย...เกือบจะไม่ดูอยู่แล้วละ

แต่อดใจไม่ไหว อยากรู้ว่ามันเป็นไง ก็เลยพบว่า..ในความไม่คาดหวัง หนังเรื่องนี้สนุกเกินคาด ได้ความบันเทิงแนวไซไฟแฟนตาซี..พร้อมไปกับโปรดักชั่นตื่นตาที่ทำได้ถึงตามแนวฮอลลีวู้ด

สิ่งที่ชอบคือ ฝรั่งมันช่างคิดเรื่องแนวมหัศจรรย์พวกนี้ แล้วทำให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้

แต่น่าเสียดายอยู่บ้างที่บทหนังไม่ได้ให้รายละเอียดระหว่างตัว Jumper กับผู้ล่ามากเท่าที่ควร ถ้าลงลึกถึงความเป็นมาในอดีตมากกว่านี้ แคแรกเตอร์ตัวละครอาจจะดูมีน้ำหนักชวนติดตามมากขึ้น ความรู้สึกตอนนี้มันลอยๆ ไม่อินกับตัวละคร หรือว่าพ่อเฮเดนเล่นหนังลอยๆ เป็นกิจวัตรอยู่แล้วก็ไม่รู้ หุๆๆ

แล้วก็ชอบที่ใช้โลเคชั่นทั่วโลกให้เป็นประโยชน์ได้คุ้มกับคอนเซปต์ของหนัง แต่ถ้าคนดูไทยๆ ไม่ค่อยเก็ตกับไอเดียแฟนตาซีพวกนี้ ก็คงดูไม่สนุกเท่าไร อาจจะไปอินกับ Live action แนวดายฮาร์ดอะไรพวกนั้นมากกว่ากระมัง...

เหมือนกับ 10000 BC นั่นแหละ ที่ทำดูเป็น commercial จ๋า ให้คนเถื่อนพูดภาษาประกิตกันปร๋อ ก็เลยดูเหวอๆ อยู่ ถ้าทำแบบ Apocalypto ไปเลย พูดภาษาอินคามันทั้งเรื่อง ก็ยังดูได้บรรยากาศชวนติดตามกว่า (จริงๆ เรื่องมันก็เว่อร์ๆ พอกันแหละ)

ในแง่มุมของประวัติศาสตร์ ถ้าใครสนใจความเป็นมาของยุคช่วง 10000 BC ซึ่งน่าจะก่อนวัฒนธรรมกรีกและอียิปต์โบราณ รวมไปถึงการค้นคว้าความเป็นมาของ Atlantis ก็จะจินตนาการถึงเหตุการณ์ช่วงก่อสร้างปิระมิดได้สนุกสนานยิ่งขึ้น เผอิญข้าพเจ้ากำลังอ่านนิยายเรื่อง Atlantis ของ David Gibbins ซึ่งลงลึกเรื่องรายละเอียดทางโบราณคดีจนมึนอยู่ ก็เลยปะติดปะต่อเข้ากับเรื่องนี้ได้ไม่น้อย

เอ๊ะ คุยเรื่อง No Country for Old Men กับ Jumper ไหงมาจบที่ 10000 BC ได้ไงกันเนี่ย....





Create Date : 19 มีนาคม 2551
Last Update : 19 มีนาคม 2551 13:53:28 น. 11 comments
Counter : 3453 Pageviews.

 
ยังได้ดูแค่ atonement เลยบอกอะไรไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง

แต่เอาว่า Atonement เรื่องนี้ทำเอาสะอึกอึ้งช๊อคพร้อมน้ำตากันไปเลย


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:12:30:36 น.  

 
ผมว่า No Country ก็ดีนะครับ มีแง่คิด ต้องดูลึกๆ ว่าเขาพยายามสื่อถึงอะไร ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้ว เหมาะแล้วครับที่ได้รางวัล

ปล.ไอ้ตอนที่ปืนอัดแกสยิง มันยิงตรงไอ้ปุ่มกดหลุดไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้หลุดมาทั้งลูกบิด


โดย: Thales of Miletus วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:22:00:19 น.  

 
น้องดองรีบไปดูซะ ได้ข่าวว่ามีดีวีดีลิขสิทธิ์ออกมาแล้ว แล้วมาเล่าให้พี่หมีฟังหน่อย.. แต่ยังไงพี่ว่าเรื่องนี้สมควรดูในโรงนะ ไม่งั้นมันจะทำให้สมาธิหลุดตลอด ยิ่งถ้าเราไม่เชื่อในแคแรคเตอร์ตัวละครด้วยแล้ว

ขอบคุณที่ช่วยอธิบายนะคับ คุณ Thales เหอๆ ดูไม่ค่อยรู้เรื่องก็หยั่งงี้แหละ ขนาดมันแบกถังปิคนิคเป่าลูกกุญแจกันทั้งเรื่อง..

ก็เชื่อว่าเรื่องมันคงดีแหละ ไม่งั้นคงไม่หยิบนิยายนี้มาทำ หากแต่ Style มันอาจจะเด่นเกิน Content ไปหน่อย

บทของมือสังหาร น่าจะถือได้ว่าเป็นตัวนำได้เลย หากแต่คงหารางวัลแจกผู้ร้ายลำบากหน่อย ก็เลยตกเป็นบทสมทบไป บางคนที่ชอบก็คงปลื้มดีอยู่ หากแต่เราดูแล้วผู้กำกับตีความมันล้นๆ พิกลอยู่กับบทของฮาเวียร์ บาเด็ม ไม่ค่อยอินเหมือนดูแอนโธนี่ ฮอปกินส์เล่น Silence of the lambs ทั้งๆ ที่บทก็ผิดมนุษย์มนาพอกัน แต่เราดูแล้วกลับเชื่อในความซับซ้อนของบุคลิกมากกว่า

วิธีเล่าแบบดิบๆ ทิ้งให้คนดูปะติดปะต่ออารมณ์เอาเองก็ถือได้ว่าเป็นสไตล๋เด่นอีกอย่างหนึ่ง เหมือนหนังอินดี้ชอบทำกัน หากแต่เผอิญเราไม่ค่อยอินกับแคแรกเตอร์ และเหตุผลของ situation ในหนัง อารมณ์มันก็เริ่มดิ่งลง แล้วเจอปัญหาเรื่องสำเนียงเท็กซัสอันแสนลำเค็ญอีก..ก็เลยแอ่นแอ๊น..

ส่วน Atonement นั้น นับว่าเป็นหนังในรอบหลายปีที่ดูแล้วประทับใจมาก ก็เลยลำเอียงเอาใจช่วยอยู่มาก (ถึงมากที่สุด) ไม่แปลกใจว่าทำไมน้องดองถึงอึ้งไปทั้งน้ำตา.. เพราะหลังจากหนังจบ พี่หมีก็ยังนั่งอึ้งไปพักใหญ่ๆ กว่าจะรู้ว่าทั้งโรงเหลือแค่เราคนเดียว...แต่ก็ยังดีนะ ที่เขาปล่อย end credit ให้เราดูไปเรื่อยๆ หุๆๆ


โดย: หมีบางกอก IP: 58.10.84.50 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:14:19:03 น.  

 
ตามมาเพราะคำว่า Atlantis เลยนะคะเนี่ยเลยติดใจคุณหมีบางกอก แบบว่าจุดประกายปิ๊งๆ ขึ้นมาในสมองเลยล่ะค่ะ

ที่จริงก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะคะเรื่อง 10000 BC ที่เค้าพูดภาษาอังกฤษกัน แต่ถ้าไม่พูดอังกฤษก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน่าจะเป็นภาษาอะไร เพราะยุคหินตามที่เรียนมาหนังสือมันไม่บอกภาษามาด้วยสินะคะ ดูแล้วจินตนาการได้ดีค่ะ ชอบแบบนี้มากเลยมันเหมือนให้เราได้ใช้ความคิดหาความหมายของเรื่องทำนองนั้น หุหุ

No Country for Old Men ก็อยากลองดูเหมือนกัน ที่จริงก็ชอบลองหนังออสการ์อยู่ อยากรู้ว่าเราจะเข้าถึงมันขนาดไหน บางครั้งหนังที่เราคิดว่าสนุกคนอื่นอาจเห็นว่าไม่สนุกก็ได้ เพราะลางเนื้อก็ชอบลางยา

ชอบที่คุณหมีบางกอกรีวิวจังเลยเพราะมันออกมาจากความคิดของตัวเอง เลยคิดว่าน่าอ่านดี หามานานแล้วล่ะค่ะสำหรับคนที่จะแชร์ประสบการณ์ตามทัศนคติอย่างคุณ เพราะเจอมาแต่คนที่ลอกรีวิวมาจากเวปไซต์

งั้นขอแอดบล็อคไว้แล้วกันนะคะ แล้วจะแวะมาเยี่ยมเยียนอีกค่ะ




โดย: cloveruntitle2 วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:0:52:48 น.  

 
no country for old men
ดูมันดี ตื่นเต้น หนังไม่บอกรายละเอียดให้คนดูจินตนาการเอาเองว่าเดี๋ยวจะพบอะไร
คนเขียนบทเก่งไม่ต้องนำเสนอมาก
บอกเป็นนัยๆว่าถ้าโลภมาก แล้วไปยุ่งกับสิ่งผิด ก.ม จะเจอบุรุษลึกลับไม่ต้องบอกที่มาหรอก
ยมบาลจัดให้ เหมาะให้คนดูเยอะๆ
แล้ววิจารณ์กันให้สนั่น
โดยเฉพาะเมืองไทยดินแดน ยาเสพติด
นี่ล่ะฆ่าตัดตอน


โดย: gout IP: 118.172.123.47 วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:20:01:20 น.  

 
ยินดีที่แวะเวียนมาเยี่ยมนะครับ คุณ cloveruntitle2...

จริงครับ..ตอนดู 10000 BC เนี่ย นึกถึงตำนาน Atlantis ก่อนเลย เพราะเรื่องปิระมิดนี่แหละ เนื่องจากวิทยาการในการสร้างของมันน่ะล้ำเกินยุค (ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยุคเรามักจะเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดว่าคนสมัยก่อนต้องโง่กว่าคนสมัยนี้)

แล้วเชื่อว่าคนสร้างก็ต้องคิดคล้ายกัน เพราะยุคนั้นวัฒนธรรมอียิปต์ยังไม่เริ่ม.. คงพยายามบอกว่า คนที่สวมบทเทพเจ้ามาสร้างปิระมิดนั้น ต้องมีเชื้อสายมาจากชนชาติไกลโพ้นที่มีวิทยาการล้ำยุค (โดยเฉพาะตัวประกอบหน้าตาแบบเอเลี่ยนที่คอยแต่งตัวให้เทพเจ้า น่าจะเป็นตัวบอกได้ดี)

แล้วก็มีอยู่หลายฝ่ายที่เชื่อว่าวัฒนธรรมแอดแลนติสนั้นมาจากอะไรทำนองนี้เช่นกัน...ส่วนหนังสือ Atlantis ที่อ่านนั้นก็น่าสนใจอยู่ เพราะให้ข้อมูลทางโบราณคดีที่แน่นหนามาก จะให้ดีต้องกางแผนที่อ่านไปด้วย กระนั้นก็ยังเข้าใจไม่ถึงครึ่ง...เพราะไม่รู้จักสถานที่อีกมากมายที่เอ่ยถึง

ส่วนภาษาอังกฤษที่พูดในหนังนั้น ก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะมันเป็นหนังฮอลลีวู้ด ซึ่งจะต้องใช้กลยุทธการตลาดนำ หากแต่ตัวหนังไปตั้งชื่อไว้ 10000 BC ซึ่งดูเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่แฟนตาซี ก็เลยทำให้คนรู้สึกไปอีกแบบ แต่แนวหนังกลับกลายเป็นอะไรเซอร์ๆ แฟนตาซีแนวนั้นไป ต่อให้พูดภาษาประหลาดๆ อะไรไปก็คงดูดีกว่าภาษาอังกฤษกระมังครับ

ขอบคุณที่ชอบรีวิวนะครับ เผอิญเป็นคนขี้เกียจค้นข้อมูลรีวิวของคนอื่นอยู่ด้วย ก็เลยเขียนจากความรู้สึกตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ เหมือนเล่าสู่กันฟังมากกว่าที่จะมาตั้งหน้าวิจารณ์หนังอย่างพวกมืออาชีพเขาทำกัน

ส่วนเรื่อง No country นั้น อาจมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบปนเปกันอยู่ เพราะสไตล์หนังมันไม่ได้ Universal ชนิดที่คนทั่วไปจะรู้สึกคล้ายๆ กัน

อย่างตัวเอง..ก็เห็นโลกมาอีกแบบต่างจากคนยุคนี้ ก็เลยอาจจะมีมุมมองแตกต่างออกไป ลองไปดูสิครับ เผื่อจะมีความเห็นที่แตกต่างออกไปอีก...

ขอบคุณคุณ gout สำหรับความคิดเห็นนะครับ ก็จริงนะ ดูๆ ไปน่าจะเข้ายุคกับเรื่องจริง(ที่ไม่ต้องผ่านจอ) ของบ้านเราได้ดีอยู่ทีเดียว


โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:11:21:39 น.  

 
ลืมเล่าไปอีกนิด....

คือเนื้อหาในหนังสือ Atlantis ของ David Gibbins จะเล่าถึงปรากฏการณ์ช่วงยุค 10000 BC นั่นแหละครับว่า โลกมีความเปลี่ยนแปลงอะไรมั่ง ตำนานแอตแลนติสที่ Plato เล่านั้น เกี่ยวข้องกับปัญหาความผันผวนของน้ำในทะเลดำและเมดิเตอร์เรเนียนอย่างไร..หลักฐานที่ได้จากเกาะครีต..ภูเขาไฟเธรา มาเกี่ยวพันกับข้อมูลพวกนี้อย่างไร..โฮ้ย ร้อยแปดพันเก้า..มึนไปแปดสิบตลบคะรับผม

แล้วสมมติฐานเรื่องการอพยพของชาวแอตแลนติสที่รู้ตัวแล้วว่าแผ่นดินกำลังจะจมลง ซึ่งต่างก็พากันหนีกันไปในดินแดนที่เป็นไปได้ที่ไหนบ้าง และกลายเป็นต้นตระกูลของเผ่าพันธุ์ในท้องที่นั้นๆ ทั้งเมโสโปเตเมีย อียิปต์ เกาะครีต ฯลฯ ซึ่งก็อาจจะสอดคล้องได้กับตำนานการสร้างปิระมิดซึ่งมีอายุมาก่อนวัฒนธรรมอียิปต์


โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:11:44:22 น.  

 
ต้องหามาอ่านซะแล้วสำหรับ Atlantis แล้วหนูจะอ่านรู้เรื่องมั้ยล่ะเนี่ย ต้องลองดู เมื่อก่อนก็เคยดูสารคดีผ่านๆ แต่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว อารยธรรมโลกนี่น่าค้นหาจริงๆ เลยนะคะ ขอบคุณคุณหมีบางกอกอีกครั้งค่ะ


โดย: cloveruntitle2 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:12:21:32 น.  

 
พี่หมีครับ

ผมไปดู No Country for Old Men มาแล้ว ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก โหดจริง ๆ

แต่ทว่าผมกลับชอบ Fargo มากกว่า อาจจะด้วยมีความ irony อยู่เยอะดี (ซึ่งดูในโน คันทรีฯ ก็มี หรือเราหาไม่ค่อยเยอะ)

ยิ่งตอนจบ ซึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบ ทำเอาอึ้งแดกไปพอ ๆ กับ Atonement เลย เพียงแต่คนละอารมณ์กัน

สรุปผมชอบ Atonement มากกว่า เออ อีกอย่าง ผมว่า Theme ของ โน คันทรี่ฯ ไปออกทะเลไปหน่อยครับ ่อย่างคุณ gout ว่ามามันก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมว่ามันยังไม่ใช่ธีมหลัก โดยเฉพาะเมื่อยิ่งดูจากชื่อเรื่องแล้ว ธีมมันควรเป็นตาแก่หง่ำเหงือกไร้น้ำยาตามล่าโจรแบบขำ ๆ มากกว่า


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:20:53:30 น.  

 
น้องดอง..พี่หมีคิดว่าน่าจะตั้งชื่อหนังว่า No country for good men มากฝ่า...เหอะๆ

เพราะทุกคนในเรื่องล้วนสะสมกิเลศมนุษย์อันชั่วร้ายไว้ครบถ้วน...

ผกก.หนังเลือกเรื่องนี้มาทำคงเพราะเข้าสไตล์เสียดสีชะตากรรมตัวละครในแบบเขาชอบนั่นแหละ เพียงแต่มันไม่เด็ดเท่าเรื่องก่อน

หากแต่วิธีเล่ามันออกทะเล dead sea ไปหน่อย มันเลยไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลือให้เข้าใจ 5555

มีอยู่หลายตอนในเรื่องที่ดูแล้วไม่เก็ตว่ามันทำอะไรของมัน อย่างเช่นนักฆ่าทำไมมันไม่เอาชีวิตนายอำเภอทั้งๆ ที่จะทำก็ได้ (สงสัยเห็นว่าแก่งั่กแล้วเลยเก็บไว้ดูเล่น)

..จนบัดนี้ก็เลยหมดอารมณ์อยากรู้ไปแระ...

เป็นหนังที่ดูแล้วไม่ได้มีความประทับใจติดตามมาเหมือน Atonement แนวธีม No country for old men มันไม่ได้ลึกล้ำอย่างที่ควรจะเป็น โฟกัสมันกระเด็นไปที่การไล่ล่าฆ่ากันตายเป็นเบือซะมากกว่า

ที่แน่ๆ เหตุการณ์ในหนังไม่ได้มีอะไรพันลึกไปกว่าชีวิตในโลกที่สามแบบบ้านเรา (ยกเว้นตอนมือปืนแบกถังแก๊สปิคนิค..555) แถมการไล่ล่ากันก็มิได้พิศดารไปกว่าหนังเรื่องอื่น

และที่สำคัญ ทนบุคลิกมือสังหารไม่ได้เรย 555 เน้นจนเว่อร์ซะไม่มี..


โดย: พี่หมี IP: 124.120.199.88 วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:10:36:14 น.  

 
อยากดู ยังไม่ได้ดูเลย


โดย: คนขับช้า วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:21:55:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bkkbear
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




งานเขียนบทความ บทหนัง เรื่องสั้น และนวนิยายในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย Bkkbear (หมีบางกอก) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

Friends' blogs
[Add Bkkbear's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.