|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
 |
|
เที่ยวสวนผักปลอดสารพิษ ราชบุรี ควบด้วยดู คาบาเร่ โชว์ |
|
เที่ยวสวนผักปลอดสารพิษ ราชบุรี ควบด้วยดู คาบาเร่ โชว์ ที่แมมโบ้
ท่านผู้อ่านที่รัก
ความสุขใจของคนที่มีอาชีพเป็นครู ก็คือ การมีโอกาสได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองและการประสบความสำเร็จในชีวิตของลูกศิษย์ที่เราได้อบรมสั่งสอนไป และยิ่งสุขใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว เขาก็ยังไม่เคยลืมครูที่เคยสอนเขามา หมั่นมาเยี่ยม มาพาครูไปเที่ยวเมื่อเขาจัดงานพบปะสังสรรค์กัน ดังเรื่องที่ฉันจะเล่าให้ท่านฟัง (อ่าน) ดังต่อไปนี้ค่ะ
กอเซ็ม เป็นนักเรียนรุ่นแรกในชีวิตข้าราชการครูของฉัน ซึ่งฉันบรรจุเป็นข้าราชการครูที่ อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และสอนห้องวิทย์ ม.ศ. 5 เขาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ผิวขาว ริมฝีปากแดงระเรื่อเหมือนทา ลิปติคสีชพูอ่อน ๆ ตัวป้อม ๆ เรียนเก่ง ฉันสอนเขาเพียงปีเดียว เขาก็สอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมา ฉันก็ย้ายโรงเรียนมาสอนที่ โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ด้วยเหตุผลที่บ้านกับโรงเรียนไกลกันมากเหลือเกิน ประกอบกับพบกับมรสุมชีวิตด้วย เราไม่ได้เจอกันหลายสิบปี จนกระทั่ง ฉันได้รับเชิญให้ไปงานอิสลามคืนถิ่น โดยเพื่อนฉัน นิทรา ที่เราบรรจุปีเดียวกันและเป็นเพื่อนสนิทกัน ได้เป็นผู้ดำเนินการเชิญครูเก่า ๆ ที่ย้ายไปและเกษียณไปจากอิสลามวิทยาลัย ฯ เพื่อให้มางานอิสลามคืนถิ่น จึงทำให้ได้มีโอกาสพบเจอลูกศิษย์ที่เคยสอน และมาช่วยกันอุดหนุนหนังสือที่ฉันเขียนอีกด้วย และนี่เป็นเหตุที่ทำให้เจอ กอเซ็มและลูกศิษย์อิสลามคนอื่น ๆ อีกหลาย ๆ คน
กอเซ็ม ถือเป็นลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากคนหนึ่งในจำนวนลูกศิษย์หลาย ๆ คน ข้อสำคัญที่ฉันดีใจมาก เพราะถึงฉันจะจากพวกเขาไปนานมากสามสิบกว่าปี แต่พวกเขาก็ยังจำฉันได้ เขาบอกว่า หน้าตาฉันไม่เปลี่ยนไปมากมายเลย สวยกว่าเก่าอีก (จริงเหรอ) กอเซ็ม มีธุรกิจสวนผักปลอดสารพิษ มีโรงละคร แมมโบ ที่จัดแสดงรำไทย การแสดงโชว์ของเหล่าหญิงประเภทสอง ที่เราเรียกว่า คาบาเร่ โชว์ อะไรประมาณนั้น (ฉันก็เรียกไม่ค่อยถูก) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกทัวร์ต่างประเทศมาเข้าชม เขาเชิญชวนอาจารย์เสริมจิตมาชมนานแล้ว โดยมีสุชาติอาสาจะมาพาพวกเราไปชม แต่ปรากฏรอแล้วรอเล่า หลายปีแล้ว สุชาติก็ยังไม่มาพาไปสักที จนพี่เสริมคิดว่า หมดหวังที่จะไปชมแล้ว บ่นกับฉันทางโทรศัพท์เป็นประจำ ติดต่อกับกอเซ็มตามเบอร์โทรที่เคยให้ไว้ ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ (มารู้ภายหลังว่า กอเซ็มเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี โทรศัพท์ที่เคยมีเบอร์พี่เสริมไว้ ก็ทำหาย เลยติดต่อกับพี่เสริมไม่ได้) โชคดีเป็นของพี่เสริมและฉัน เพราะสมปรารถนา ลูกศิษย์ห้องเดียวกันมาเยี่ยมฉันที่บ้าน ฉันนึกถึงเรื่องไปชม โชว์ของกอเซ็มได้ จึงถามเบอร์โทรศัพท์ของกอเซ็ม จึงได้คุยกับกอเซ็มและนำไปสู่เรื่องของการไปเที่ยวในครั้งนี้ได้ ทำให้พี่เสริมสมปรารถนาได้ไปดูโชว์เสียที ไม่ต้องอกหักเหมือนที่พี่บำเพ็ญเคยเย้าเล่นบ่อย ๆ อิอิ
การไปครั้งนี้ สมปรารถนาไปบอกให้ อดิเรก (ลูกศิษย์ประจำชั้น ม.ศ. 4 ปี 17 ) ซึ่งมีอาชีพขับรถแท็กซี่ ไปรับเขาแล้วไปรับ พี่เสริม แล้วจึงมารับฉันที่บ้าน (ฉันถามสมปรารถนาแล้วว่า เราต้องให้ค่าน้ำมันกับเขาด้วย สมปรารถนาบอกว่า เขาให้ไปแล้ว แต่อดิเรกไม่ยอมรับ เขามีน้ำใจเอื้อเฟื้อมารับเพื่อนฝูง และครูอาจารย์ เสียดายที่เขาไม่ได้ไปกับพวกเราด้วย เพราะต้องรับลูกที่โรงเรียนตอนเย็น) อดิเรก เป็นลูกศิษย์ที่น่ารักอีกคนหนึ่ง หน้าตาเขาจะอมยิ้มอยู่เป็นประจำ ใจเย็น หน้าตาดี แต่งงานช้าหน่อย ลูกเลยยังเล็กอยู่ไปไหนมาไหนลำบากหน่อย อิอิ
พวกเรานัดพบกันที่ โรงละคร แมมโบ ไปถึงยังจุดนัดหมาย ยังไม่มีใครมาถึงเลย พักใหญ่ ๆ กอเซ็ม ก็ขับรถมาพร้อมภรรยาคนล่าสุดและเพื่อนร่วมห้องกับเขาอีก 3 คน คือ สมศักดิ์ (ไม่ได้เรียนต่อ ม.ปลาย ฉันเลยไม่ได้สอนเขา ) สุไลมาน และ วีรพันธุ์ สองคนนี้ ได้สอนเป็นเด็กวิทย์ ห้องเดียวกันหมด จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ ซึ่งมาจอดรอพวกเรา (เรามาก่อนรถตู้อีกนะ) คณะเรารวมแล้วก็มี 8 คน รวมคนขับก็ 9 คน นั่งสบาย ๆ
ตลอดทางก็เม้าส์กันทุกคน ส่วนใหญ่ก็จะคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตสมัยที่เรียน ครูคนนั้น ครูคนนี้ เจ้าสุไลมาน เป็นคนความจำดีมาก เล่าได้เป็นฉาก ๆ ฉันกับพี่เสริม ก็ฟังและคุยถึงอดีตเช่นกัน การได้ย้อนไปรำลึกถึงเรื่องราวในอดีตสมัยสอนพวกเขา ก็ทำให้เรามีความสุขเหมือนกันนะ เด็ก ๆ (ที่จริงก็ไม่เด็กนะ พวกนี้ ห้าสิบกว่า อีกไม่กี่ปีก็ 60 แล้ว อิอิ) ก็ยังน่ารักเหมือนสมัยที่ฉันสอนเขานั่นแหละ เฮ้อ ! มีความสุขเหลือเกิน ลองชมภาพบรรยากาศในรถสักภาพ ซิคะ

น่าจะประมาณ 11.00 น. เรามาถึง ดอนหอยหลอด ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีร้านอาหารทะเลขายมากมาย กอเซ็ม พาพวกเรามาทานที่ร้านอาหารที่มีชื่อว่า "ร้านนกเอี้ยง 2" เป็นร้านประจำของกอเซ็มเวลาที่เขามาที่สวนผักของเขา พนักงานรีบออกมาต้อนรับถึงที่รถ (คงมีการสั่งอาหารไว้ล่วงหน้า เพราะไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ)
โต๊ะที่นั่ง ต้องเอาสองโต๊ะมาต่อกัน อาหารที่สั่ง มีปลากระพงทอดน้ำปลา หลนปู ปลาหมึกทอดกระเทียม (รายการของพี่เสริม) ต้มส้มปลาทูมั้ง กินแล้วออกรสเปรี้ยว ๆ ีอะไรอีก จำไม่ได้แล้ว ไปดูรูปที่ฉันถ่ายมาฝากดีกว่า ค่ะ อิอิ

ขณะที่ทานอาหารมื้อเที่ยงกัน กินกันไป คุยกันไป กอเซ็มก็คุยโทรศัพท์ไปถึงเพื่อน ปรากฏว่า มีเพื่อนห้องเดียวกับเขา ชื่อ วิภาค เป็นครูสอนอยู่เทคนิคสมุทรสงคราม ซึ่งคงไม่ไกลจากร้านอาหาร นกเอี้ยง 2 น่ะ กอเซ็ม จึงชวนเขามาทานข้าวและเจอพวกเราด้วย ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1 คน และชวนเขาไปเที่ยวสวนผักปลอดสารพิษของกอเซ็มด้วย วิภาค ฉันจำเขาไม่ได้เลย เขาก็อาจจะจำฉันไม่ค่อยได้เหมือนกันนะ เพราะดูเขา งง ๆ อยู่ เนื่องจากเขาจบจาก อิสลามวิทยาลัยไปแล้ว ก็ไม่เคยติดต่อเพื่อนฝูงเลย จนกระทั่ง บังเอิญเหลือเกิน เมื่อเร็ว ๆ นี้ กอเซ็ม ไปเจอเขา เลยได้สมาชิก อ.ว.ท. เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง เขาเป็นคนเงียบ ๆ (น่าจะเป็นคนจีน ผิวขาว แต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเป็นผ้าไหม สี ฟ้า ๆ ) ไม่ค่อยพูด ยิ้มลูกเดียว เป็นครูสอนวิชา คณิตศาสตร์
อิ่มข้าวแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถกันเพื่อเดินทางต่อไปที่ราชบุรี เพื่อชมสวนผักปลอดสารพิษของกอเซ็ม
เมื่อไปถึง ฉันก็ได้เห็นถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของสวนผักของเขา เขาบอกว่า เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่กว่า การทำสวนผักปลอดสารพิษของเขาไม่ได้ปลูกที่พื้นดิน เขาอธิบายให้ฟังว่า จะต้องมีการเพาะเมล็ดผักชนิดที่ปลูกก่อน น่าจะสองสามวัน ก็จะเริ่มงอกเป็นต้นอ่อน พอได้ต้นอ่อนเหล่านี้ โตพอสมควรแล้ว ก็ย้ายไปยังถ้วยที่จะปลูกต่อไปซึ่งทำเป็นรางน้ำ เมล็ดที่เพาะนี้ จะเพาะใส่ฟองน้ำ พองอกเป็นต้นอ่อน ก็จะตัดฟองน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยม (หรือตัดก่อนเพาะก็ไม่รู้) แล้วเอาไปใส่ยังถ้วยที่อยู่ในรางน้ำที่ยาวไปเป็นห้า-สิบ เมตร ใต้ถ้วยนี้ จะมีน้ำปุ๋ยอยู่ในราง เพื่อทำให้ผักเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์สวยงาม ด้านบนจะมีพลาสติดคลุม ซึ่งสามารถชักรอกเปิด ปิดได้ เมื่อฝนตก หรือแดดจัดไป อะไรประมาณนั้น รองจากพลาสติด จะมีผ้าที่เป็นตะแกรงอีกด้วย กรรมวิธีก็ไม่น้อยเหมือนกัน แปลงผักที่ปลูกมีเยอะมาก สุดลูกหูลูกตา เขียวขจี เป็นแปลง ๆ ไป บางแปลงเป็นผักกาดสีม่วง บางชนิดคล้ายคะน้า แต่ที่ฉันชอบมากกว่าเพื่อนและเห็นว่าสวยมาก คือแปลงที่เป็นผักกาดเขียวตองอ่อน ใบหยิก ๆ เรียกว่า กรีนโอต (ถามกอเซ็ม เขาบอกอย่างนี้ ส่วนสีม่วง เรียกว่า เรดโอต ) ฉันตื่นตา ตื่นใจกับแปลงผักเหล่านี้ เพราะดูเขียวขจีสดใสไปหมดเลย ด้านหลังของแปลงผักมากมายนี้ เป็นภูเขา มีลำธารไหลผ่านด้วย กอเซ็มบอกว่า เขากรองน้ำจากลำธารนี้มาใช้ในสวนผักและดื่มกิน ท่านลองชมภาพที่ฉันเก็บมาฝากได้ นะคะ


หลังจากชมสวนผักเสร็จแล้ว เขาก็พาไปชมบ้านพักของเขา และบ้านพักรับรองอีกหนึ่งหลัง บ้านพักคนงาน เขาก็สร้างให้สวยงาม มีความสะดวกสบาย เครื่องซักผ้าก็มีให้พร้อม เป็นการเลี้ยงคนด้วยใจจริง ๆ ทำให้กิจการเขาเจริญรุ่งเรือง บริเวนสวนอันกว้างใหญ่ เขายังเลี้ยงแพะไว้ประมาณ 10 ตัว แต่ปัจจุบันตายไป 2 ตัว เหลือ 8 ตัว ยังมีต้นมะม่วงที่มาพร้อมกับตอนที่เขาซื้อที่ดินเพื่อทำสวนผักปลอดสารพิษอีกหลายต้น มีต้นขนุน ต้นมะขาม อีก มาชมเสร็จพร้อมกับมะม่วงน้ำดอกไม้สองจานใหญ่มาเลี้ยงพวกเรา มีขนุนอีก 1 จาน นั่งพักและคุยกันในห้องของเขา ท่านชมภาพที่ฉันนำมาฝาก ซิคะ


ตอนนั้นประมาณบ่ายสามโมงน่าจะได้ พวกเราก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปชม คาบาเร่โชว์ ที่โรงละครแมมโบ ของกอเซ็ม ตามกำหนดการเดิม โดยต้องขับรถไปดอนหอยหลอดอีกครั้ง เพราะรถของวิภาคจอดไว้ที่ร้านอาหารนี้นั่นเอง ก่อนกลับก็ล่ำลากัน กอเซ็มฝากผักถุงใหญ่ให้กับวิภาคกลับบ้านไปด้วยตามน้ำใจที่เผื่อแผ่เพื่อนเป็นประจำของเขา นั่นแหละ จากนั้น ก็ตีรถกลับกรุงเทพฯ ระหว่างทาง กอเซ็มโทรศัพท์ถึงเพื่อน ๆ ของเขาที่ สามจังหวัดภาคใต้ เช่น มะรุดิง ซาปา อีกตั้งหลายคน แล้วก็ส่งโทรศัพท์มาให้คุยกับพวกเราด้วย (เขาเล่าให้เพื่อนที่โทรถึงว่า พาฉันและ พี่เสริมมาเที่ยว) ทำให้พวกเราได้คุยกับลูกศิษย์เหล่านี้ เลยได้ข่าวว่า ลูกศิษย์ที่ใต้จะจัดพบปะสังสังสรรค์กันที่กระบี่ ประมาณเดือนพฤศจิกายน กอเซ็มก็ชวนพวกเราไปด้วย พี่เสริมดีใจมาก บอกว่าไปแน่ อิอิ จากนั้น รถก็มุ่งตรงไปที่โรงละครแมมโบ ถึงที่หมายประมาณ 17.30 น.น่าจะได้ มีรถทัวร์จอดไว้หลายคัน รถตู้รับแขกอีกหลายค้น แน่นสนามไปหมด กอเซ็มพาพวกเราไปที่ห้องอาหารไทยซึ่งมีรำไทยให้ชมด้วย โต๊ะในห้อง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมาทานอาหารกันเต็มทุกโต๊ะ โต๊ะเรานั้นก็ต้องขึ้นป้ายจองไว้เช่นกัน ห้องอาหารนี้ เป็นห้องสองสเต็ป คือชั้นล่างและชั้นบนซึ่งก็ไม่สูงกว่ากันเท่าไรนัก อาหารที่เรียกว่า ออเดิฟ มีอยู่บนโต๊ะแล้ว คือ ผักทอดและข้าวเกรียบ กอเซ็มพาพวกเรามานั่ง และถามเรื่องน้ำว่า จะรับน้ำอะไร เขาไปสั่งให้เสร็จ รอเด็กมาเสิร์ฟให้ งานเขาเป็นระบบดี เรานั่งกัน 4 คน สมศักดิ์กับวีรพันธุ์กลับไปก่อนโดยไม่บอกกล่าวกันเลย กอเซ็มต้องโทรตามจึงรู้ว่ากลับไปแล้ว
อาหารเย็นนี้เขาเสิร์ฟทีละอย่างใส่ถ้วยที่ีมีขาตั้งด้วย มีผัดผักกะหล่ำ ผัดเปรี้ยวหวานปลา แกงมัสมั่นไก่ ต้มยำกุ้งรสชาติฝรั่งกิน เพราะแทบจะไม่เผ็ดเลย อิอิ พักใหญ่ ๆ สุชาติก็มาสมทบ ก่อนจะเข้าชมคาบาเร่ โชว์ ดร.สมัน ลูกศิษย์สมัยฉันสอนเขาตอนเขาอยู่ ม. 1 ก็มาสมทบอีกคน คนนี้น่ารักนะ ตอนไปงาน อิสลามคืนถิ่น เขามาสวัสดีและแนะนำตัวเลย บอกว่า เคยเรียนกับฉันตอนเขาอยู่ ม.1 ตั้งแต่วันนั้น ฉันเลยจำเขาได้ เมื่อเจอกัน เล่าเรื่องหนังสือฉันให้เขาฟัง เขาก็อุดหนุนทันทีเลย อิอิ น่ารักมาก
ทานข้าวมื้อเย็นไป ก็ชมการแสดงรำไทยชุดต่าง ๆ ไป มีวงดนตรีไทยเล่นด้วย อยู่มุมของเวที การรำมีหลายชุด เช่น รามเกียรติ์ตอนทศกัณฑ์กับพระรามรบกัน ตอนหนุมานเกี้ยวนางสุวรรณมัจฉา ท่านผู้อ่านลองชมภาพที่ฉันถ่ายมาให้ชมซิคะ



หลังจากชมรำไทยเรียบร้อยแล้ว กอเซ็มก็พาพวกเราไปอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องขึ้นบันไดไป เหล่าลูกศิษย์ ช่วยกันจูงคนแก่ คอยบอกให้จับราวบันได อิอิ น่ารักดี ดร.สมันก็คอยจูงฉัน สุชาติไปจูงพี่เสริม กอเซ็มนำหน้าพาพวกเราเบียดผู้คนเข้าไปในโรงละคร ซึ่งมีความสว่างสลัว ๆ มองไม่ชัด แถมมีบันไดลงไปด้วย เหมือนโรงหนังนั่นแหละ กอเซ็มจองที่ให้พวกเรานั่งค่อนไปด้านหน้าเวทีแสดงประมาณน่าจะแถว 5-6 ประมาณนั้น ใกล้ไปก็ไม่ไหว ต้องแหงนหน้าดู อิอิ เราดูเป็นรอบแรก คนแน่นโรงไปหมดเลย แสดงว่ากิจการดีทีเดียว นี่ขนาดวันจันทร์นะ ทัวร์ก็ลงเยอะพอควร เขามีเพียงคืนละสองรอบเท่านั้น เราดูรอบแรกน่ะดีแล้ว จะได้ไม่กลับบ้านดึกไงล่ะ กอเซ็มมาถามว่าจะเอาน้ำดื่มอะไร ส่วนใหญ่ทุกคนขอเป็นน้ำส้มคั้น
การแสดง ฉาก แสง สี เสียง ไฟ ใหญ่โต โอ่อ่ามากทีเดียว ดูอลังการกับฉากต่าง ๆ แสดงการโชว์เป็นชุด ๆ เช่น ไทย อินเดีย จีน เวียดนาม ฝรั่ง มีการเต้นอย่างเร่าร้อนด้วย มีญี่ปุ่น มีตัวตลกสลับฉาก นับว่าตื่นตาตื่นใจดี ฉันไ่ม่ได้ดูคาบาเร่โชว์มานานมากเหมือนกัน แต่ละคน สวยสดงดงามเกินกว่าจะพรรณนาให้เห็นจริง เครื่องแต่งกายก็แหว่ง เว้า น้อยชิ้น ตามสไตล์ของการโชว์ เต้น ส่าย ดูลายตากันไปหมด หุ่นนางโชว์แต่ละคน หญิงแท้ ๆ อย่างเราอายเลยทีเดียวนะ หุ่นเขา เชฟเขา ขาวสะโอดสะโองกันเหลือกินจริง ๆ ท่านชื่นชมจากภาพเองดีกว่านะคะ




ดูการแสดงโชว์ คาบาเร่จบแล้ว กอเซ็มบอกให้รอกันก่อน เขาจะเรียกพวกนักแสดงมาถ่ายรูปกับพวกเรา แต่พวกเราต้องรอพวกนักแสดงก่อน เพราะนักแสดงกำลังเชิญชวนแขกต่างชาติที่มาดูการแสดงนั้นมาถ่ายรูปกับตน เพื่อที่จะได้ทิปจากแขกบ้าง อันเป็นธรรมเนียมที่ไหน ๆ ก็คงปฏิบัติกันเช่นนี้มั้ง ประมาณสัก 15 นาที ได้มั้ง พวกเราก็ได้ถ่ายรูปกับเหล่านางโชว์ทั้งหลาย น่าจะประมาณ 10 กว่าคนมั้ง ท่านผู้อ่านนับเอาเองนะคะ อิอิ

หลังจากถ่ายรูปและไปเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ฉันและพี่เสริมจะต้องลาจากลูกศิษย์เพื่อกลับบ้านใครบ้านเขาเสียแล้ว กอเซ็มสั่งลูกน้องขับรถตู้มาส่งฉัน พี่เสริมและสมปรารถนา ส่วนสุไลมานจะกลับกับกอเซ็มเพราะบ้านใกล้กัน สุชาติกับ สมัน นั้นเอารถส่วนตัวมา ลูกศิษย์ไหว้ลาพวกเรา พวกเราก็ขอบอกขอบใจกอเซ็มที่บริการพาเราเที่ยวและเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ แถมตัดผักปลอดสารพิษของเขาให้เราคนละ 2 ถุงใหญ่ แถม สละลอยแก้วอีกคนละ 2 กระป๋อง วันนี้กอเซ็มคงจ่ายไปหลายตังค์ทีเดียว เลี้ยงครูอาจารย์และเพื่อน ๆ อีกหลายคน อิอิ
รถมาส่งฉันก่อน แล้วจึงไปส่งพี่เสริม ส่งคนสุดท้าย คือ สมปรารถนา คนขับก็น่ารัก หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสดี
ฉันมาถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ จัดแจงแบ่งผักให้เพื่อนบ้านไปทาน 3 บ้าน มีบ้านเหมียว บ้านพี่สุจิตรา และบ้านพี่นพรัตน์ ฉันยังเหลือ ถุงกว่า ๆ ผักที่ตัดมาให้พวกเรา สดมาก มี 4 ชนิด มีเรดโอตกับกรีนโอตมากที่สุด อีกสองชนิด คือ เคส กับ บัตเตอร์ มีน้อยหน่อย แต่อร่อยทุกชนิด นอกจากแจกให้เพื่อนบ้าน 3 บ้านแล้ว ฉันยังแบ่งไปให้ ก๋วยอีกถุงใหญ่ ก็ขอให้การแบ่งปันครั้งนี้ ส่งผลให้เจ้าของผัก คือกอเซ็ม มีความสุข ร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นนะจ๊ะ อิอิ
ก่อนอำลาจากบล็อกไป ฉันขอฝากหน้าตาของผักปลอดสารพิษ (Hydroponics) มาให้ท่านผู้อ่านได้ชื่นชมหน่อยนะคะ







ความสุข ความชื่นใจ ที่ได้รับจากลูกศิษย์ในวันนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตโสดของฉันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น มีความสุข สดชื่นยิ่งขึ้น เหมือนดังต้นไม้ได้น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตให้ชื่นบาน ยืนยาวอยู่ในโลกนี้ต่อไป อย่างสุขใจ ที่ได้เห็นผลผลิตของฉันเขามีความสุข ความเจริญในชีวิต ฉันก็ได้แต่ภาวนาให้พวกเขามีความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน กิจการงาน มีแต่ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ค่ะ
 
Create Date : 19 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2556 10:03:31 น. |
|
12 comments
|
Counter : 3626 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Nepster วันที่: 23 มิถุนายน 2556 เวลา:17:27:38 น. |
|
|
|
โดย: Nepster วันที่: 29 มิถุนายน 2556 เวลา:22:18:23 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 3 กรกฎาคม 2556 เวลา:12:47:40 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 6 กรกฎาคม 2556 เวลา:3:27:35 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 6 กรกฎาคม 2556 เวลา:3:31:58 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 6 กรกฎาคม 2556 เวลา:3:38:24 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 11 กรกฎาคม 2556 เวลา:4:02:42 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 22 กรกฎาคม 2556 เวลา:1:40:54 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 6 สิงหาคม 2556 เวลา:13:33:48 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:4:50:39 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 18 สิงหาคม 2556 เวลา:1:02:53 น. |
|
|
|
โดย: อาจารย์สุวิมล (อาจารย์สุวิมล ) วันที่: 25 กันยายน 2556 เวลา:11:54:08 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|
หนูเข้ามาเจิมบล็อกค่ะ ฮ่าๆๆ