BlogGang.com : : อาจารย์สุวิมล : เพื่อนขอนแก่นพาเที่ยว อีสาน ตอนที่ 4

คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง

กรกฏาคม 2560

						1
2	3	4	5	6	7	8
9	10	11	12	13	14	15
16	17	18	19	20	21	22
23	24	25	26	27	28	29
30	31

13 กรกฏาคม 2560

เพื่อนขอนแก่นพาเที่ยว อีสาน ตอนที่ 4

เพื่อนขอนแก่นพาเที่ยว อีสาน ตอนที่ 4

เพื่อนขอนแก่นพาเที่ยว อีสาน ตอนที่ 4
ทริปอีสาน ได้ดำเนินเล่ามาถึงตอนที่ 4 แล้ว ซึ่งเป็นตอนที่ฉันจะปิด ทริปอีสาน แล้ว นะคะ
วันที่ 25 ธันวาคม 59 เช้านี้ เรามีอาหารเช้าทานจากที่พักของเรา ไม่ต้องลำบากไปหาร้านทานมื้อเช้ากันเหมือนทุกวันฉันกับวัชร์ ตื่นแล้ว แต่ทางที่พัก ยังจัดอาหารเช้าไม่เสร็จ เราจึงออกไปเดินเล่นบริเวณที่พักช่วงเช้านี้อากาศดีมาก ไม่ค่อยหนาวอะไรมากนัก มาชมบรรยากาศ ค่ะ

หน้าที่พักที่พวกเรามาพัก

บรรยากาศตอนเช้าตรู่ ริมน้ำโขง

ท้องฟ้ายามเช้าที่ริมโขง

บริเวณใกล้ ๆ ที่พัก

โฮมสเตย์ ครูกนกรัตน์

ถ่ายรูปบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักแล้ว เราก็กลับเข้าไปที่พัก ซึ่งขณะนั้น อาหารเช้าเสร็จแล้วเป็นข้าวต้มเครื่อง มีกาแฟ ด้วย วันนี้ เอก ตื่นสาย กว่าทุกวัน ได้ข่าวว่าตื่นมายังเช้าอยู่ เลยนอนต่อ คราวนี้เลยตื่นสาย ฮ่า ฮ่า พวกเราทานข้าวมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกเดินทาง
เราแวะเที่ยวที่ตลาดอินโดจีนก่อนที่จะไปพบน้องนางแก้ว แต่เนื่องจากยังเช้าอยู่ บริเวณข้างบนมีขายเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก เอก เดินไปซื้อพวงมาลัยรถมาได้ 1 อัน ส่วนวัชร์ได้เสื้อมา 1 ตัวจากนั้น เป้าหมายเช้า ฉันนัดกับน้อง นารีรัตน์ (นางแก้ว) ซึ่งเราจะผ่านมุกดาหาร น้องเขาอยู่ที่นี่เลยถือโอกาสไปเยี่ยมน้องเขาด้วย ยังไม่เคยเห็นตัวจริง น้องเปิดร้านขายอาหาร ร้านอยู่ริมโขง เป็นคนอัธยาศัยดี มีแขกมาทานอาหารที่ร้านเขาเยอะ น่าเสียดาย เขาขายกลางคืน เลยไม่ได้อุดหนุน ในที่สุดก็ถามทางจนเจอบ้านเขา ดีใจกันใหญ่ ร้านอยู่ติดริมน้ำโขง บรรยากาศดีมากเลยเจอหน้ากัน เราดีใจกันใหญ่ ทักทายกันยังกับรู้จักกันมานาน ห้าห้า ฉันแนะนำ เอก และ วัชร์ให้น้องเขารู้จักด้วย เขาเอาน้ำเย็นมาบริการ คุยกันไป สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ เราต้องถ่ายรูปกัน ค่ะ มาชมกันเลยค่ะ

น้องนารีรัตน์ (นางแก้ว)

ด้านหลังของร้าน ติดลำน้ำโขง ฝั่งตรงข้าม คือประเทศลาว สุวรรณเขต

น้องแก้ว อุดหนุนหนังสือที่ฉันเขียนไปอ่านด้วย จ้ะ

รวมรูปหมู่ครบทีมเลย

ตัวอักษรด้านบน เป็นชื่อร้านของน้องแก้ว

แดดยามเช้า ช่วงนี้ แรงไม่น้อย น้ำในลำโขง สะท้อนแสงระยิบระยับ
หลังจากที่ฉันได้คุยกับน้องนางแก้วได้น่าจะครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว พวกเราก็ต้องล่ำลาจากกันไปตามวิถีทางของชีวิต เพราะพวกเรายังต้องมุ่งหน้าไปเที่ยวอีกหลายแห่ง เพราะพรุ่งนี้ เราต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว
เอก ขับรถพาพวกเราเดินทางต่อไป จุดหมายปลายทาง คือ วัดถ้ำภูผาขาว (ถ้ำวัดโส้ม) ระหว่างทางที่จะไปที่วัดนี้ ถนนหนทางที่รถผ่านไปนั้น ธรรมชาติสวยสดงดงาม ร่มรื่นมากทีเดียวถนนหนทางที่จะเข้าถึงตัววัด ค่อนข้างทุรกันดาร ถนนยังเป็นดิน บางที่มีหลุมด้วย ถ้าหน้าฝนคิดว่าคงลำบากมากทีเดียว เรามาทราบประวัติความเป็นมาของวัดนี้ คร่าว ๆ กันก่อนไปชมวัด ค่ะ
วัดถ้ำภูผาขาว หรือ ในภาษา ภูไท เรียกว่า วัดถ้ำโส้ม ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านเป้า อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เดิมชื่อ วัดถ้ำโส้ม เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เงียบสงบ ตั้งอยู่บนเขาหน้าผาหินที่สูงชันชื่อว่า ภูเขียว อยู่ทางทิศตะวันตกของ ตำบล บ้านเป้า ตัววัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเราจะมองเห็นทิวทัศน์ของหมู่บ้านในตำบล บ้านเป้า ซึ่งอยู่เบื้องล่าง เป็นภาพที่งดงามมาก
บนหน้าผาสูง แกะสลักพระพุทธรูปสีทอง เหลืองอร่าม สองข้างของพระพุทธรูปมีพระพุทธรูปองค์เล็กรองลงมา อยู่ข้างละองค์ พระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผานี้ เป็นพระประธานของวัด กุฏิของพระสงฆ์ จะปลูกอยู่ที่หน้าผา กุฏิทำด้วยไม้สวยงามมาก ทางขึ้นสู่ยอดเขาสร้างด้วยคอนกรีตทำเป็นขั้นบันได เป็นบางช่วง บริเวณหน้าผา ปลูกสร้างอาคารยื่นออกมา เป็นจุดชมวิวมองไปเบื้องล่าง จะเห็นเป็นหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน อากาศเย็นสบาย หน้าหนาว อากาศจะหนาวมาก ลมแรง เหมาะกับการศึกษาธรรมชาติ เป็นป่าดงดิบผสมปาไม้ เบญจพรรณเปิดให้เข้าชมวัดได้ ตั้งแต่ 8.00-17.00 น. พระอาจารย์สวัสดิ์ โกวิโท พระอริยสงฆ์ ใช้ถ้ำโส้ม จำพรรษาที่นี่ ชาวบ้านใช้วัดนี้ เป็นที่ปฏิบัติธรรม เพราะมีความศรัทธา ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่เป็นคนแถวนี้ และผู้มีจิตศรัทธาแถวอีสานเนื่องจากเป็นวัดที่เงียบสงบ มีธรรมชาติที่งดงาม เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก

ทางที่เข้าวัด ถ้ำภูผาสูง

ขั้นบันไดทางขึ้นสู่วัด ค่ะ

น่าจะเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ พวกเราก็ไม่กล้าถาม อิอิ แต่เห็นมีพระรูปนี้รูปเดียว มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมากราบไหว้และพูดคุยอยู่ที่ลานกว้างตรงนี้ ซึ่งมีพระพุทธรูปอยู่ที่ผนังด้วย

พระพุทธรูปที่แกะสลักอยู่บนผนังถ้ำ

ทิวทัศน์ที่ถ่ายจากจุดชมวิว เป็นหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน

เป็นพระพุทธรูปแกะสลักบนผาหิน เป็นพระประธานของวัด

เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก

เป็นพระพุทธรูปที่เจ้าภาพมาให้แกะสลัก องค์ละ 1 หมื่นบาท และอยู่ในช่วง แกะสลักบนหินผาแห่งนี้

ที่มีตัวเลขกำกับนั้น แกะสลักตามความต้องการของเจ้าภาพเสร็จแล้ว

พวกเราอยู่ที่วัดถ้ำโส้มถึง 11 โมงกว่า ก็อำลาจากไป เพื่อเดินทางต่อไปอีกวัดหนึ่ง คือ วัดมหาเจดีย์ชัยมงคล

วัดมหาเจดีย์ชัยมงคล งดงามมาก
ก่อนที่จะชื่นชมภาพ ของวัดมหาเจดีย์ชัยมงคล เรามาทราบประวัติความเป็นมาของวัดนี้สักเล็กน้อย
วัดมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่ในบริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์ บนยอดเขาเขียว แนวเทือกเขาภูพาน อำเภอหนองพอก ที่ใกล้กัน มีผาสูงชัน มีน้ำไหลตลอดปี เรียกว่า ผาหินย้อย
เจดีย์มหาชัยมงคล เป็นศิลปะร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน เป็นการผสมผสานระหว่างองค์พระปฐมเจดีย์กับองค์พระธาตุพนม ผู้ออกแบบ คือ กรมศิลปากร ภายในโบสถ์ มีรูปเกจิอาจารย์มากมาย
องค์เจดีย์ มีความกว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร และมีความสูง 101 เมตร เช่นกัน ตั้งอยู่ในเนื้อที่ 101 ไร่ (เลขนี้น่าสนใจ นะเนี่ย อิอิ) ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 3,000 ล้านบาท ผู้ดำเนินการ คือ พระอาจารย์ศรี มหาวิโร ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัมภายในตัวเจดีย์ งดงามราวกับวิมานบนสรวงสวรรค์
องค์มหาเจดีย์ชัยมงคล มีหลายชั้น ดังนี้
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ มีรูปปั้น หลวงปู่ศรี มหาวิโร ผู้ก่อตั้ง มหาเจดีย์ ชัยมงคลชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่เช่นกัน ใช้เป็นห้องประชุมสงฆ์ได้ 2,000-3,000 รูป ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานเกจิ พระอาจารย์ นักปราชญ์ อีสาน ในอดีต เป็นรูปเหมือนเป็นชั้นที่สวยที่สุด มี 101 องค์ ชั้นที่ 4 เป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติธรรม วิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรีเคยบำเพ็ญธรรม ด้านนอกจัดเป็นทางเดิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามได้รอบทิศชั้นที่ 5 เป็นชั้นที่เป็นบันไดเวียน คดเคี้ยว มีทั้งหมด 119 ขั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยม เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาชมความงามที่พวกเราถ่ายภาพมาฝาก ค่ะ

นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมตัวมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นช่วงเที่ยง แดด เปรี้ยงร้อนจนแสบผิว

บันไดทางขึ้น งดงาม มาก

ห้องโถงกว้างใหญ่ใช้เป็นที่ประชุม บำเพ็ญธรรม

มุมงดงามส่วนหนึ่งของมหาเจดีย์

รูปหลวงปู่ศรี มหาวิโร ผู้ก่อตั้งวัดนี้

ความงดงามอันวิจิตรภายในของเจดีย์

ลวดลายสลักเสลาบนต้นเสาแต่ละต้นงดงาม ยิ่งนัก

ความงดงามวิจิตรพิสดารที่หาดูได้ยากจริง ๆ

รูปเกจิอาจารย์ นักปราชญ์อีสานในอดีต ที่ชั้น 3 ของมหาเจดีย์ เป็นชั้นที่ถือว่าสวยที่สุด

พระพุทธรูปที่งดงามภายในมหาเจดีย์ ชัยมงคล

กราบสักการะพระแล้ว ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย

ด้านบนเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งต้องขึ้นบันไดเวียน 119 ขั้น เป็นบันไดที่บางช่วงแคบมากเดินสวนกันไม่ได้เลย เอก กับ วัชร์ ไม่ยอมขึ้น เพราะเหนื่อยแล้ว ฉันเลยขึ้นไปคนเดียวเลยได้โอกาสกราบพระบรมสารีริกธาตุ และวานให้คนที่มากราบพระบรมสารีริกธาตุช่วยถ่ายรูปกับพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นความปลื้มปิติมากที่ได้กราบพระบรมสารรีริกธาตุและเดินขึ้นบันไดคดเคี้ยวถึง 119 ขั้น ขึ้นลง ก็เป็น 238 ขั้น อิอิ
ฉันเดินลงบันไดมาแล้ว เอกและวัชร์ นั่งรออยู่ชั้นล่าง เมื่อครบคนแล้ว เราก็เดินลงมาชั้นล่างและอำลา วัดมหาเจดีย์ชัยมงคล เพื่อเดินทางต่อไป ตอนนี้ เลยเที่ยงไปมากแล้ว ท้องไส้เริ่มโหยหาอาหาร
เอกขับรถไปเรื่อย ๆ เพื่อหาร้านอาหารที่คิดว่า น่าจะอร่อย มื้อนี้พวกเราอยากกินไก่ย่างส้มตำ
ในที่สุดก็เจอร้านไก่ย่าง ส้มตำ สมความต้องการ พวกเรารีบจอดรถ และสั่งอาหาร ทันทีเลย มีปีกไก่ย่าง สัมตำไทย ข้าวเหนียวและ ต้มแซบ ก้มหน้าก้มตาทานกันอย่างอร่อยมาก

มื้อกลางวัน วันนี้ อิ่มตื้อเอาตอนบ่ายสองกว่า จากนั้น เอกก็บึ่งรถกลับขอนแก่นเลยและแวะไปรับหมัยที่พักของ ม. ขอนแก่น แล้วแวะตลาดซื้อกับข้าว เป็นอาหารมื้อเย็น เลี้ยงฉันกับวัชร์อีกมื้อหนึ่ง เพราะพรุ่งนี้เราต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว อาหารที่ตลาดแถวบ้านก็มีของขายมากมาย หมัยซื้อปลาเผา 1 ตัว ซื้อผัก หมู เพื่อทำสุกี้ทานกันมื้อเย็นนี้ เอก ซื้อ เบียร์ หิ้วไปด้วย มีวัชร์เป็นเพื่อนคอเบียร์ ดื่มด้วย สนุกสนานกัน ฉันดื่มไม่เป็น ดูคนดื่มเป็น ก็เพลินดี อิอิ
วันที่ 26 ธันวาคม 59
เช้านี้ เราตื่นสายนิดหน่อย เพราะเหลือสถานที่เที่ยวเพียงที่เดียว คือ การจัดสวนดอกไม้เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่อยู่ในขอนแก่นเพียงแห่งเดียวเอกไปส่งหมัยที่ทำงานก่อน แล้วจึงย้อนกลับมารับพวกเราขึ้นรถไปเที่ยว พร้อมกับสัมภาระต่าง ๆ อัดเต็มกระเป๋าเดินทาง แถมมีถุงห้อยอีรุงตุงนังอีก ก่อนไปเที่ยวก็แวะไปซื้อของฝากที่ร้านขายน้ำพริกปลาทู ของฝากอื่น ๆ ของร้านที่หมัยเคยซื้อไปทานกัน ที่คานาสือ ซึ่งทุกคนถูกใจในรสชาติ ของร้านนี้ วันนี้เอกเลยพามาอุดหนุนร้านนี้ ด้วย จากนั้น จึงไปเที่ยวสวนดอกไม้ เป็นการจัดงานสวนดอกไม้เพื่อรำลึกถึงพ่อหลวงของเรา มาชมภาพที่พวกเราเก็บมาฝาก ค่ะ

ทางที่เดินเข้าชมสวนสาธารณะ

ความสวยงามส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะ

การแข่งขันจัดสวนเทิดพระเกียรติ พ่อหลวง ของโรงเรียนต่าง ๆ

ความสวยงามของดอกไม้ในสวนสาธารณะ งดงามมาก ๆ

ส่วนหนึ่งของการจัดสวนเพื่อเทิดพระเกียรติพ่อหลวง

แปลงดอกไม้นานาพันธุ์ ในสวนสาธารณะ

พวกเราอยู่ชื่นชมสวนสาธารณะแห่งนี้ถึง 11.00 น. ได้ ก็อำลาจากสวนสาธารณะแห่งนี้ไป เอก พาไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยของขอนแก่น เป็นมื้อสุดท้ายก่อนที่จะขับรถไปส่งพวกเราที่สถานีขนส่ง
ตั๋วขากลับของเรา บ่ายสองโมง กะว่าถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ขากลับ ทางรถทัวร์ก็มีน้ำ มีอาหารแจกเหมือนตอนขามาเช่นกัน พวกเราก็กินอิ่มนอนหลับกันอย่างสบายกับแอร์เย็น ๆ
มาถึงกรุงเทพฯ ก็ประมาณ สองทุ่มครึ่งได้มั้ง ลูกชายของวัชร์ไม่มารับพวกเรา เขาจะไปรับวัชร์แม่ของเขาที่บ้านฉัน คือ พวกเรานัดแท็กซี่จากสถานีรถขนส่งมาถึงบ้านฉัน ลูกชายของวัชร์ก็มารับที่บ้านฉัน เพื่อกลับบ้านไป
การเที่ยวอีสานทริปนี้ ก็สนุกสนาน ได้รับการต้อนรับและพาเที่ยวจาก เอก เพื่อนที่รู้จักกันตอนไปเที่ยว ย่าติงและคานาสือ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสองทริป สนุกสนานกันมากมาย ต้องขอขอบใจ น้องเอกและน้องหมัย ที่ให้การต้อนรับและพาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ มากมายด้วยอัธยาศัยไมตรีของเพื่อนที่ดี และน่ารักตลอดทริป จ้ะ ขอขอบใจมาก ๆ อีกครั้งหนึ่งนะจ๊ะ

Create Date : 13 กรกฎาคม 2560

Last Update : 15 กรกฎาคม 2560 23:29:23 น.

103 comments

Counter : 2450 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณKavanich96, คุณmambymam, คุณtoor36, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณชีริว, คุณอุ้มสี, คุณmariabamboo, คุณClose To Heaven, คุณThe Kop Civil, คุณSai Eeuu, คุณRinsa Yoyolive, คุณnewyorknurse, คุณtuk-tuk@korat

ขอบคุณที่แบ่งปัน

โดย: Kavanich96

วันที่: 16 กรกฎาคม 2560 เวลา:5:23:33 น.

มาชมทริปอิสานตอนจบค่ะครู
ชอบบรรยากาศริมน้ำโขงยามเช้าตรู่จังค่ะ แสงสีทองปนสีส้มเฉิดฉายอยู่บท้องฟ้าสวยมมากกกก
คณได้เจอเพื่อนรุ่นน้องด้วย ดีจังเลยค่ะ เค้าเปิดร้านอหารอยู่ริมของ บรรยากาศต้องดีสุดๆเลย
วัดถ้ำภูผาขาว เคยได้ยินชื่อมาบ้างค่ะ เพิ่งเห็นเต็มตาวันนี้
พระพุทธรูปแกะสลักบนผนังถ้ำ สวยงามดีค่ะ ใครหนอเป็นคนแกะสลัก
วัดมหาเจดีย์ชัยมงคลก็ง๊ามงาม ทั้งภายนอกภายใน
ยิ่งภายในเจดีย์งามวิจิตรตระกาะตาจริงๆ
ปิดท้ายด้วยสวนสาธาณณะมีดอกไม้นานาพรรณ ถูกใจหนูจัง
นี่ถ้าหนูได้ไปชมคงถ่ายรูปไม่หยุดค่ะ อิอิ

ขอบคุณครุที่แวะส่งข่าวเรื่องอัพบล็อกค่ะ
รู้สึกว่าครูจะไม่ได้ตั้งหน้าหลักนะคะ หนูคลำทางมาเช่นเคยค่ะ อิอิ

โดย: mambymam

วันที่: 16 กรกฎาคม 2560 เวลา:12:27:39 น.

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

วัดมหาเจดีย์ชัยมงคลสวยงามจริงๆ มีได้ไปชมดอกไม้ด้วย

อาจารย์รอบคอบดีครับสะพายเป้ด้านหน้า เดี๋ยวนี้พวกโจรขโมยเยอะต้องระวังไม่ประมาท

โดย: คุณต่อ (toor36

) วันที่: 16 กรกฎาคม 2560 เวลา:19:04:51 น.

สวัสดีค่ะ อาจารย์สุ

เรื่องไปคุยที่บล๊อก เพื่อนที่เปลี่ยนไป ก็น่าคิดนะคะ จริงๆ ในชีวิตไม่เคยเจอนะคะ เพื่อนแบบนี้ เคยบ้างนิดหน่อย ที่เขาไม่รู้ว่าเราทำอะไรยังไง ก็ทักทายแกนๆ ไม่จี๋จ๋าเหมือนก่อน ซึ่งก็ไม่คิดอะไรมากนะคะอาจารย์ ก็ต่างคนต่างอยู่ไป เราก็ดี กับคนที่ดีกับเราไปค่ะ

ทริปนี้ สุดท้ายของภาคอีสาน กลับบ้านคงเหนื่อยนะคะ แต่ประสบการณ์ที่ได้เที่ยว มีค่ามากมายแน่นอน สถานที่ไป ไม่สำคัญเท่ากับคนที่ไปด้วยกันแล้วถูกคอ ถูกใจ ทำให้การเดินทางมีความสุขนะคะ

สุขสันต์ทุกๆ วันเกษียรค่ะ อาจารย์ สุขภาพแข็งแรงๆ ค่ะ

โดย: Sai Eeuu

วันที่: 16 กรกฎาคม 2560 เวลา:20:39:00 น.

สวัสดีค่ะอาจารย์

ทริปนี้เป็นทริปที่น่าสนุกมากๆค่ะ ได้ไปที่สวยๆทั้งนั้นเลย
วัดมหาเจดีย์ชัยมงคลก็งดงามมากจริงๆค่ะอาจารย์

โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน

วันที่: 16 กรกฎาคม 2560 เวลา:20:42:48 น.

จองที่ก่อนค่ะอาจารย์
ไว้กลับมาจ้อตอนไม่ง่วง อิอิ

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า

) วันที่: 16 กรกฎาคม 2560 เวลา:22:48:46 น.

สวัสดีค่ะอาจารย์
บรรยากาศช่วงเช้าสดชื่นดีนะคะ และยิ่งอยู่ใกล้ริใโขงด้วยน่าเดินเล่นมากค่ะ
ทางไปวัดถ้ำภูผาขาวสมบุกสมบันมาก อย่างอาจารย์ว่าถ้าไปหน้าฝนเละแน่
เป็นวัดที่เงียบสงบมาก เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ตอนกลางวันก็โอเค แต่กลางคืนคงวิเวกวังเวก แหะๆ
วัดมหาเจดีย์ชัยมงคลงดงามอลังการมากค่ะ กาญต้องหาโอกาสไปเที่ยวบ้างแล้ว
ทริปนี้ได้ไปไหว้พระหลายวัดเลยนะคะ ถึงจะหนื่อยแต่ก็อิ่มใจอิ่มบุญและสนุกสนาน

อาจารย์สุวิมล Travel Blog

โดย: ข้ามขอบฟ้า

วันที่: 17 กรกฎาคม 2560 เวลา:1:48:04 น.

อีสาน มีที่เที่ยวอีกเยอะครับ ยินดีต้อนรับทุกเมื่อครับ

โดย: เอก IP: 124.121.197.195 วันที่: 17 กรกฎาคม 2560 เวลา:8:56:34 น.

สวัสดีครับอาจารย์

ผมเพิ่งกลับมาจากเชียงราย
สังเกตว่าวัดในยุคใหม่จะมีความคล้ายกันในเรื่องการสร้างนะครับ
คือสร้างให้สวยงามและใหญ่โตมากขึ้นๆเรื่อยๆ

มีความเป็นพุทธศิลป์ที่ดึงดูดใจได้ดีเลยครับ