1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
ไปเที่ยวเกาะเซจู กัน (ต่อ)
ไปเที่ยวเกาะเซจู กัน (ต่อ) บล็อกนี้ ฉันจะพาเพื่อน ๆและผู้ที่สนใจเที่ยว เกาะเซจู ของประเทศเกาหลี ต่อจากบล็อกที่แล้ว ค่ะ วันที่ 14 มีนาคม 61 วันนี้ถือเป็นวันที่ 3 ของทริปนี้ ที่มาเที่ยว เกาะเซจู วันนี้ ฉันกับแดงตั้ง นาฬิกาปลูกไว้ กลัวตื่นผิดเวลา อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว แดงลงข้างล่างก่อน เขาจะไปเก็บวิวรอบ ๆ โรงแรม ฉันแต่งตัวเสร็จก็ลงไปชั้นล่าง และเข้าไปที่ห้องอาหารของโรงแรม เขามีอาหารเช้าให้เราด้วย มี ข้าวต้มด้วย กับข้าวก็ไม่พ้นกิมจิ อาหารค่อนข้างน้อย ไม่มีตัวเลือกมากนัก ผัดผักบ้าง มีไข่คน แต่ฉันไม่ ชอบกินไข่ อยู่แล้ว ก็กินแต่ผัดผัก อิ่มแล้ว ยังมีเวลาเหลือ เข้าห้องน้ำห้องท่ากันแล้ว ก็ไปเดินชมทะเล ซึ่ง อยู่ด้านหลังของโรงแรม ทะเลยามเช้าก็สวยดี ทะเลหลังโรงแรม มีความสวยงามดี สถานที่แรก ที่จะไปเที่ยว คือ ซอฟจิโกจิ เป็นทุ่งหญ้ากว้าง ติดกับทะเล แต่ยังไปไม่ถึงเลย รถที่นั่งมาก็เสีย วิ่งต่อไม่ได้ เสียเวลาในการโทรเรียกรถคันใหม่มาเปลี่ยน เป็นชั่วโมงกว่าได้ จึงได้ ออกเดินทางมายังทุ่งหญ้านี้ เป็นท้องทะเลสวยงามมาก น้ำทะเลสีฟ้า สดใส หาดทราย ขาว พวกเราถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน มาชมรูปทะเลที่สวยงาม ค่ะ ท้องทะเล สีฟ้า หาดทรายขาว งดงาม ลีลา แต่ละท่าของนางแบบ อิอิ ชาวบ้านแถวนี้ มีอาชีพชาวประมง ถ่ายกับปลาหมึกที่เขาตากไว้ หึหึ ทิวทัศน์ บริเวณชายทะเล ร้านค้าแถวนี้ ก็มีมากมาย จากที่นี่ ก็พาไปชมโบสถ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเขา แต่ไม่สูงนัก เดินไปตามทาง เป็นโบสถ์คริสต์เล็ก ๆ พวกเราไม่ได้เข้าไปชม เดินถ่ายรูปสองข้างทาง ที่มีทิวทัศน์งดงาม มีคนเลี้ยงม้า คิดว่า น่าจะ ให้เช่าขี่ม้าชมวิวด้วย มั้ง มาชมรูป ค่ะ ทางเดินไปชมโบสถ์คริสต์ ไม่ลำบากนัก เป็นทางเรียบ ๆ บริเวณนี้ ติดกับทะเลด้วย เย็นสบายดี รูปโบสถ์ แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปชมเลย มุมสวยของบริเวณรอบ ๆ นี้ จากนั้น ก็พาเข้าร้านขายสมุนไพรสนเข็มแดง ไอวี่ ก็โฆษณาสินค้าตัวนี้ ว่ามีสรรพคุณดีอย่างไร แก้โรคอะไรบ้าง รวมแล้ว ก็สารพัดโรค พวกเราก็ถูกเกณฑ์เข้าไปนั่งฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่า เบื่อหน่ายของลูกทัวร์ ไม่ว่าคณะไหน ก็ไม่มีใครชอบ แต่ไกด์ ก็ต้องมีการขอร้องลูกทัวร์ว่า กฎเขา เป็นเช่นนี้ ขอให้เห็นใจ ไปนั่งฟัง ๆ ไป จะซื้อไม่ซื้อ ไม่ว่ากัน เมื่อพอใจ ก็ซื้อไป ไม่พอใจก็ฟังเท่านั้น ซึ่งในคณะเรา ก็มีคน ซื้อไปเหมือนกัน เขาบอกว่า เคยซื้อไปแล้ว ทานแล้วได้ผลดีเหมือนกัน มาครั้งนี้ ก็เลยซื้อไปอีก เออ! บางที ลางเนื้อก็ชอบลางยา เมื่อกินแล้วได้ผล ก็เห็นด้วยที่ควรซื้อไปกินกันต่อ น่ะนะ แล้วก็ถึงเวลาอาหารกลางวันซึ่งก็เลยเวลามามากพอสมควร เนื่องจาก เราเสียเวลาไปกับเรื่องรถเสียเมื่อเช้านี้เป็นชั่วโมง อาหารมื้อกลางวัน ก็ไปกินที่เดิมกับเมื่อวานตอนเย็น อาหารมื้อนี้ มีชื่อ ว่า "แทจีพลูแบ็ก" มันก็คือ หมูสามชั้น สไลค์บางมาก ๆ แล้วก็นำมาต้มแช๋ในหม้อน้ำซุป สุกแล้ว มากินกับกิมจิ มีผักกาดหอม ห่อกิน กินกับข้าวสวยด้วย มีกิมจิ ที่มีรสเผ็ดและเปรี้ยว แก้เลี่ยนไปในตัว อาหารมื้อเที่ยง ที่เห็นคือ เครื่องเคียงทานกับหมูสามชั้นต้ม ค่ะ ช่วงบ่ายหลังทานมื้อเที่ยง (กินเอาบ่าย) แล้ว ไอวี่ ก็พาไปเที่ยวชม หมู่บ้าน วัฒนธรรม "ซองอึบ" (SONGEUB FOLK VILLAGEX เป็นหมู่บ้านโบราณ มีอายุมากกว่า 300 ปี ที่ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่จริง มาถึง ก็มีหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งเป็นผู้หญิง แนะนำตัวเองว่า อายุ 60 กว่าแล้ว (แต่ยังสาวมาก หน้าตาน่าจะประมาณ แค่ 50 กว่า ๆ เท่านั้น พูดบรรยายเก่งมาก อารมณ์ดี หัวเราะตลอดเวลา พูดเล่าเรื่องสนุกสนาน (ฟังไม่ออกหรอก อาศัยการแปลของ ไอวี่ ) เขาได้เล่าถึงประเพณีต่าง ๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้ บนเกาะนี้ มีผู้ชายน้อย มาก ดังนั้น พวกผู้ชายจึงสามารถ มีภรรยาได้หลาย ๆ คนรวมทั้งสามีของ มัคคุเทศก์ที่มาบรรยายให้พวกเรา ฟังด้วย ว่า เขาต้องทำงานหนักมาก เพื่อเลี้ยงดูสามี สามีไม่ต้องทำอะไรเลย เฮ้อ! ปัจจุบันนี้ ยังมีเรื่อง แบบนี้อีกเหรอ นะเนี่ย อย่าได้เกิดเป็นหญิงเซจูเลยนะ ใจกลางหมู่บ้าน มีต้นไม้อายุหลายร้อยปีขึ้นอยู่ คือต้นเซลโคล่า ซึ่ง เป็นต้นไม้โบราณ เป็นเหมือน จุดศูนย์กลางของหมู่บ้านที่ชาวเซจูให้ความสำคัญอย่างมาก (ไม่รู้ต้นไหนแล้วซี อิอิ) นี่คือ หัวหน้าหมู่บ้าน ซองอึบ เขาบอกว่า เขาอายุ 62 ปีแล้ว ดู หน้าตาอ่อนกว่าอายุมากเลยเชียว ตุ๊กตาหินนี้ เขาอธิบายว่า เป็นตุ๊กตาหินศักดิ์สิทธิ์ มีเป็นตุ๊กตา ตาและ ตุ๊กตายาย ใครที่ต้องการมาขอ ลูกผู้ชาย ต้องมาลูบที่จมูก ถ้าไปลูบที่ปาก จะได้ลูกผู้หญิง อิอิ เขาเล่า แล้วก็หัวเราะ ว่า ให้สังเกตว่า ถ้าลูบ ที่จมูกจะได้ผู้ชาย เพราะจมูกมีรูปร่างคล้ายกับอะไรล่ะ แล้วถ้าอยากได้ ลูกผู้หญิงให้ลูบที่ปาก เพราะปากคล้ายอะไร ทำเอาคนฟังหัวเราะกันเสียงดังเลย อิอิ แล้วมัคคุเทศก์เกาหลีก็พามายังอีกที่หนึ่ง มีที่ให้นั่งฟังด้วย แกก็นั่ง อยู่บนแคร่ไม้ เล่าเรื่องของชีวิตหญิงบนเกาะเซจู ว่า น่ารันทดมาก เพราะมีผู้ชายน้อย ผู้ชายจึงสามารถมีภรรยาได้หลาย คน แถม ให้ผู้หญิงเลี้ยงดูด้วย ผู้หญิงลำบากมาก ต้องทำงานในบ้านทุกอย่าง เลี้ยงลูก หมักน้ำ เบอรรี่ ทำกระดูกม้า ขาย ดำน้ำหาหอย หาปลาหมึกขาย ส่วนผู้ชายก็นอนอยู่กับบ้าน กิน ๆ นอน ๆ เล่นไพ่ เที่ยวเล่น เฮ้อ ! แก เล่าแล้วก็ทำท่าเซ็งเป็ด ห้าห้า พวกเรานั่งฟัง มัคคุเทศก์กัน จากนั้น ก็พาเข้าห้องบรรยาย สรรพคุณของสินค้าที่เขาจะขาย บอกว่า เป็นสินค้าโอท้อปของเกาะเซจู มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะกระดูม้า จะไปช่วยบำรุงกระดูก พวกผู้หญิง ต้องกินเป็นประจำ เพราะทำงานหนัก พวกเขาเลยดูแข็งแรง สามารถทำงานได้มากมาย และแข็งแรง ดูไม่แก่ ซื้อ 1 ขวดใหญ่ แถม ขวดกลาง 1ขวด และแถมน้ำบอร์รี่หมัก ขวดใหญ่ 1 ขวด ราคา แสนเก้าพันวอน คิดเป็น เงินไทยประมาณ 6000 บาท เขาให้ชิมดูด้วย ตามสไตล์ของการขายของโดยทั่ว ๆ ไป นั่นแหละ น้ำหมักเขา แช่เย็น รสชาติเข้มข้นดี ลูกทัวร์นั่งฟังกันแบบตั้งใจนะ เพราะเธอพูดเก่งมาก ไอวี่ก็ช่วยเชียร์ ขายได้หลายชุดอยู่ ก็ต่อรอง จนได้ของแถมกระดูกม้า ขวดเล็กอีก 1 ขวด ฉันเห็นว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับ กระดูก ฉันเองก็เป็นคนกระดูกกร่อน เปราะบาง ก็เลยตัดสินใจซื้อสักชุดมาลองกินดู ไม่มีเงินสดของเกาหลีหรอก เลย ต้องใช้วิธีรูดบัตรเครดิตการ์ดเอา อิอิ เสียเงินจนได้ หลังจากที่ได้ซื้อกันหลายคนแล้ว พวกเราก็แยกย้ายไปถ่ายรูปตามมุม ต่าง ๆ ที่เราเห็นว่า แปลกดี หินตา หินยาย ทรงบ้านของ หมู่บ้าน ซองอึบ จากที่หมูบ้าน ซองอึบแล้ว พวกเราก็พากันไปเที่ยว ทุ่งดอกไม้ที่มีชื่อ ว่า ทุ่งดอกยูเซ หรือ ทุ่งดอกเรป ดอกไม้ชนิดนี้ เป็นดอกสีเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง มีการสร้างมุมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย ค่ะ ดอกยูเช มีลักษณะเหมือนดอกประเทืองของเมืองไทยเรา มาชมรูป ที่ฉันกับแดงถ่ายมาให้ชม ค่ะ ทุ่งดอก ยูเช หรือ ดอกเรป ที่เหลืองอร่าม ทำสถานที่ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกัน ค่ะ มุมสวยอีกมุมหนึ่งของ ทุ่งยูเช เพื่อนร่วมทริปช่วยถ่ายรูปคู่ให้พวกเรา ค่ะ จากที่นี่แล้ว เราก็ไปเที่ยว ปล่องภูเขาไฟซองซานอลจูบัง ซึ่งเป็น ภูเขาไฟที่ดับแล้ว ปากปล่องภูเขาไฟลูกนี้ มีลักษณะเหมืองมงกุฎ จึงได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ ใหม่ทางธรรมชาติของโลก ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปชมยังปากปล่องภูเขาไฟลูกนี้ มีทิวทัศน์ที่ สวยงามมากอยู่ มองจากเบื้องบน จะเห็นทะเลอยู่เบื้องล่างด้วย แต่ทางที่ขึ้นไปนั้น มีพันกว่าขั้น การเข้าชม ต้องมีการซื้อบัตรเข้าชมด้วย มีคนตรวจบัตร มาถึงที่นี่ มัคคุเทศก์ของรถอีกคัน ได้อธิบายให้ลูกทัวร์ถึงสถานที่และ ทางที่จะเดินขึ้นไปชม ปล่องภูเขาไฟ ที่นี่มีทิวทัศน์ระหว่างทางสวยงามมาก มีสัญลักษณ์ของ ยู เนสโก้ ให้ นักท่องเที่ยวถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ถ้าไม่มีรูปสัญลักษณ์เหล่านี้ เขาว่า มาไม่ถึงที่ปล่องภูเขานี้ ค่ะ ฉันเดินขึ้นไป ได้เพียงครึ่งทาง ดูเวลาแล้วไม่น่าจะไหวแล้ว สุขภาพเท้า ของฉันก็ยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยเดินกลับ ปล่อยให้แดงไปชมปากปล่องภูเขาไฟเพียงคนเดียว ระหว่างทาง ฉันก็ถ่ายวิวสวย ๆ เอาไว้ เจอนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ก็ขอให้เขาช่วยถ่ายรูปให้บ้าง ก็ได้รูปมาหลายรูปอยู่ เหมือนกัน มาชมกัน ค่ะ มัคคุเทศก์ ของรถอีกคัน กำลังอธิบายให้ลูกทัวร์ฟัง ไอวี่เลยสบาย ให้ พวกเราไปฟังด้วย จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ บริเวณทางที่จะเดินขึ้นไปชมปล่องภูเขาไฟ ภาพเหล่านี้ ถ่ายจากทางเดินขึ้นไปชมปล่องภูเขาไฟ ถ่ายลงไป ข้างล่างซึ่งเป็นทะเล เป็นเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตก สวยงามมาก มุมสวยอีกมุมหนึ่งจ้ะ บันไดที่ให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมปล่องภูเขาไฟ พันกว่าขั้น ค่ะ ฉันเดินขึ้นมาถึงบริเวณนี้แล้ว มองไปข้างบน น่าจะยังเหลืออีกครึ่งทาง กว่าจะขึ้นไปถึงปล่องภูเขาไฟ ฉันคงลิ้นห้อย อีกอย่างเขาก็ให้เวลาน้อยด้วย มุมนี้ให้แฟนคู่หนึ่งที่มา เที่ยว ช่วยถ่ายให้ ค่ะ ทิวทัศน์ สวยงามอีกมุมหนึ่งค่ะ ทิวทัศน์ที่งดงาม ที่ถ่ายจากมุมสูงลงไป นี่คือสัญลักษณ์ ยูเนสโก้ ที่ไอวี่บอกว่า ต้องมาถ่ายไว้เป็นที่ระลึก ลงมาถึงข้างล่าง เจอเพื่อนร่วมทริปที่เป็นแม่ลูก ช่วยถ่ายให้ ค่ะ อยู่ที่ด้านล่าง ใกลักับสัญลักษณ์ยูเนสโก้ มาถึงด้านล่าง เจอสองสามีภรรยาร่วมทริป เขาเลยถ่ายให้หลายรูป ค่ะ คงเป็นป้ายชื่อบอกสถานที่เนาะ สำหรับสถานที่เที่ยวของวันนี้ ที่นี่ก็เป็นที่เที่ยวสุดท้าย จากนี้ ก็ไปทาน อาหารมื้อเย็น ร้านเก่าอีกเช่นเคย ไม่มีการเปลี่ยนร้านอาหารเลย สงสัยร้านนี้ราคาถูกที่สุด ผูกขาดกรุ๊ปทัวร์ แน่นอน แถม ชั้นล่างก็เป็นร้านขายของ ดูดเงินของนักท่องเที่ยวอีกด้วย ห้าห้า แถมมีการหักภาษีคืนผู้ซื้ออีก อาหารมื้อเย็นของวันนี้ คือ เมนู ซีฟูัดนึ่ง สไตล์เกาะเซจู ไม่มีน้ำจิ้มแบบ แซ้บ ๆ อย่างของไทยหรอก ให้จิ้มน้ำหวาน ๆ ไม่ได้รสชาติถูกปากคนไทยเลย ค่ะ มื้อนี้ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย เพราะ เปิดซึ้งขึ้นมา ก็เจอหอย น่าจะเป็นหอยเชล ได้คนละ 2 ตัว ซึ้งชั้นสอง ดูเหมือนจะเป็นกุ้ง แบ่งกันได้คนละ 2 ตัว เหมือนกัน ซึ้งชั้นต่อไป ก็เป็นปลาหมึก ตัวเล็ก ๆ มีหัวโต ๆ ตัวมันเล็กนิดเดียว ตัวหนึ่งกิน 1 คำ ห้าห้า น่าจะได้ กินคนละ 2-3 ตัว แต่ไม่มีใครชอบนัก เพราะไม่มีน้ำจิ้มเหมือนอย่างของไทยเรา นั่นเอง มีแต่เครื่องเคียง คือ กิมจิ พอกลัอมแกล้มกันไป กินกับข้าวสวย หลังอาหารมื้อเย็น ขณะขึ้นรถกลับโรงแรม ไอวี่ ก็เริ่มขายของ ค่ะ มีทั้ง ขนมกิน สาหร่าย กิมจิ กิมจิ สองกิโลกรัม คิดเป็นราคาเงินไทย 450 บาท ส่วน สาหร่ายที่กินเล่น ห่อใหญ่ ห่อละ 1200 บาท มีห่อเล็ก ในห่อใหญ่ห้าห่อ ห่อละมีอีก 4 ซอง ฉันสั่งเพียงเท่านี้ ไม่ได้สั่งขนม เพราะเงินวอนไม่มีแล้ว ส่วนรูปที่ ลู่ลู่ ถ่ายแล้วไปทำไว้ในผืนผ้า ซึ่งไอวี่ ได้บอกให้ลูกทัวร์ช่วย เหลือเขา ให้เขาถ่ายรูป จะซื้อเขาหรือไม่ ก็ไม่ว่ากัน ถ้าช่วยเหลือเขาได้ ก็ช่วยเถิด เพราะเขาตกงานอยู่ มาช่วยพวกเรา ช่วย ยกกระเป๋าลงจากรถ และ ยังสามารถช่วยเหลือ เรื่อง น้ำหนักเกิน ตอนขากลับเมืองไทยได้อีกด้วย สำหรับ 700 บาท ที่เราทุกคนต้องจ่ายนั้น ไอวี่บอกว่า เป็นของไกด์เกาหลีและคนขับรถ เขากับ ลู่ลู่ ไม่ได้เงินค่าทิปนี้เลยนะ กล่าวโดยนัย ก็คือ อย่าลืมทิปไกด์ไทยด้วยนั่นเอง อิอิ ฉันก็เห็นใจ ลู่ลู่ ตกงาน และดูแล้ว เขาก็มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เห็น เขาทำงาน ยกกระเป๋าของลูกทัวร์ ออกจากใต้ท้องรถ ให้ทุกคน แถม ยังรับจ้างล้างถ้วย ชาม ภาชนะใน ร้านที่เราไปทานอาหารด้วย ฉันอุดหนุนซื้อเขาสองภาพ สองพันบาท ไม่มีเงินวอนจ่ายเขา ต้องจ่าย เขาเป็นเงินดอล เขามาอ้อนว่า ไม่มีเงินดอลทอนให้ ขอทอนเป็นเงินวอนได้ไหม ที่จริงเงินวอน กลับมาเมืองไทย ค่าของเงินก็ตกต้องไปแลกคืน แต่ถ้า เป็นเงินดอล เรายังเก็บไว้ใช้ในประเทศอื่น ๆได้ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อจะช่วยเขาแล้ว ก็ช่วยให้ถึงที่สุด ส่วนแดง ก็ช่วย ซื้อไป 1 รูป คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว ก็ซื้อไป 1 รูปบ้าง มีน้อยมากที่จะซื้อ 2-3 รูป เพราะราคาค่อนข้างสูง ทั้ง นี้เป็นเพราะเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือ วัสดุที่ใช้ ก็น่าจะหลายตังค์อยู่ สามารถม้วนเก็บได้ มีเชือก ไว้สำหรับให้ แขวนรูปด้วย บางคนก็ไม่อุดหนุนเขาเลยก็มีหลายคน ลูลู่ทำมาทั้งหมด 50 ใบ แต่เขาขายได้เพียง 30 ใบ แสดงว่าต้องมีคน ไม่อุดหนุนเขาหลายคน เพราะลูกทัวร์ มี 39 คน บางคนก็ซื้อสองรูป 3 รูป (น้อยคน) เขาจึงเหลือ ตั้ง 20 ใบ เป็นการเสียอุปกรณ์การทำรูปไปหลายตังค์อยู่ เห็น ไอวี่บอกว่า คงไม่ได้กำไรอะไรมากนัก ถ้าขายเหลือเยอะขนาดนั้น คืนนี้ พวกเรา ต้องจัดกระเป๋า ให้เรียบร้อย เพราะพรุ่งนี้เช้า เราต้องนำ กระเป๋ามาขึ้นรถ เย็นนี้เราต้องขึ้นเครื่องกลับไทยแล้ว วันที่ 15 มีนาคม 61 เช้านี้ เราตื่นสบาย ๆ หน่อย มีที่เที่ยวเพียงแห่ง เดียวเท่านั้น จากนั้นเขาจะพาไปละลายทรัพย์ ตามร้านค้าต่าง ๆ ค่ะ ทานข้าวมื้อเช้า ซึ่งก็เป็นอาหารเหมือนเมื่อเช้า ของเมื่อวานนี้เลย สถานที่เที่ยวเพียงที่เดียวของวันนี้ คือโขดหินรูปหัวมังกร หรือ ยงดูอัมร็อค ในภาษาเกาหลี เรามาชมภาพที่ฉันกับแดง ถ่ายมาฝาก ค่ะ หน้าตาของ โขดหินหัวมังกร ค่ะ เหมือนไหม คะ ถ่ายกับโขดหินหัวมังกร เสียหน่อย ค่ะ ขออีกสักรูป ค่ะ บริเวณรอบ ๆ รูปโขดหินหัวมังกร ก็มีที่ถ่ายภาพสวย ๆ เงือกเกาหลี ค่ะ ดอกไม้ ชื่อไร ไม่ทราบ แต่เห็นว่าสวยเลยถ่ายมาฝาก ค่ะ จากที่เที่ยวนี้แล้ว ไอวี่ ก็พาไปละลายทรัพย์ร้านสมุนไพร คือ เป็น สมุนไพรเมล็ดฮอตเก ทางการแพทย์ เรียกว่า ผลไม้ทอง มีรสเปรี้ยว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มเหล้า ชา กาแฟ น้ำอัดลม เมล็ดฮอตเก จะช่วยในการล้างสารพิษ ที่ตกค้าง หรือไขมันที่สะสมอยู่ในผนังของตับ หรือ ไต ช่วยให้ตับหรือไต แข็งแรงขึ้น ก็มีคนอุดหนุนไปบ้าง จากนั้น ก็พาไปละลายเงินวอน ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่มีขนมพื้นเมืองของ เกาหลีหลายชนิด มีการ ลด แถม เช่น ซื้อสอง แถมหนึ่ง เป็นต้น ฉันก็อยากซื้อแต่หาคนช่วยกันมาเฉลี่ยไม่ได้ เลยไม่ได้ขนม อิอิ ดีไม่เปลือง ต่อจากนั้น ก็พาไปละลายที่ร้านขายเครื่องสำอาง ลูกทัวร์ผู้หญิงชอบใจ บีเอ ก็อธิบายสรรพคุณของเครื่องสำอาง แต่ละชนิด แต่ละชุด ว่า บำรุงส่วนไหนบ้าง ผิวหน้า ผิวหนัง ดวงตา แป้งพับ ลิปสติก สารพัดสี เจล ฯลฯ ฉันก็ไปแจมเฉลี่ยกับเขา เรื่อง สเปรย์ฉีดหน้าให้ชุ่มชื่นเวลาอากาศร้อนๆ ดูเหมือนซื้อ 3 ขวด แถม 1 ขวด แล้วนำมาหาร 4 ทำให้ราคาแต่ละขวดถูกลง ก็ดีเหมือนกันเนาะ นอก จากสเปรย์นี้แล้ว ฉันก็ซื้อแป้งพับ เขาขายเป็นแพ็ค แพ็คละ 3 ตลับ ซึ่งถ้าซื้อเดี่ยว ๆ ราคาจะแพงกว่า ซื้อเป็นแพ็ค ฉันก็เลยซื้อ 1 แพ็ค ไว้แจกให้เพื่อนช่วงปีใหม่ หรือวันสำคัญ ก็่น่าจะดี นะ ราคาก็ประมาณไม่ ถึงพันบาท หรอก อาหารมื้อกลางวัน วันนี้ คือ ชาบู ชาบู สไตล์เกาหลี คือ เอาเส้น ก๋วยเตี๋ยว ใส่ในน้ำซุป มีเนื้อหมูสามชั้นไสเป็นแผ่นเบา ๆ แกล้มด้วยกิมจิ อีก มีผักกาดหอม กินแก้หิวไปแหละ ไม่อร่อยเลย เครื่องปรุงก็ไม่มี อิ่มแล้ว ก็พาไปร้านขายโสม ก็เหมือนเดิม ต้องไปยืนฟังเจ้าหน้าที่ บรรยายสรรพคุณของ โสม มีให้ชิมน้ำโสมถ้วยเล็ก ๆ คนละ ถ้วย 2 ถ้วย ร้านนี้น่าสงสาร ไม่มีใคร ซื้อเลยสักคน เฮ้อ! น่าเห็นใจคนบรรยาย จากที่นี่ ก็ให้ลูกทัวร์ไปเดินช้อป ดิวตี้ฟรี คนเดินเยอะมาก มีของขาย มากมาย ทั้งเครื่องสำอาง ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่าง เดินชม ไปเรื่อย ๆ พอตามเวลานัดหมาย ก็ไปขึ้นรถ แล้วไอวี่ ก็ปล่อยลูกทัวร์ช้อปอิสระ ที่ดาวทาวน์ เมืองเซจู ที่นี่ มีถนนให้คนเดินหลายซอยมาก แต่ละซอยก็ มีร้านค้าขายเสื้อผ้า รองเท้า ยี่ห้อดัง ๆ มีลดราคา ทุกร้าน ตกรุ่น ก็ลดเยอะหน่อย ยังรุ่นใหม่ ๆ ก็ลดเปอร์เซ็นต์ น้อยหน่อย แดง ก็ซื้อรองเท้า อาดิดาส ได้ 1 คู่ เดินกันจนขาเดี้ยง จำทางก็ไม่ค่อยได้ เพราะตรอก ซอยมากมายจริง ๆ ฉันไม่ได้อะไรสักอย่าง ไม่รู้จะซื้ออะไร นอกจากของกิน อิอิ อาหารมื้อเย็นมื้อนี้ ต้องหากินเองแล้ว ไอวี่ และลูลู่ พาพวกเรามาถึง สนามบิน ลูลู่ ช่วยยกกระเป๋าของทุกคน ออกจากใต้ท้องรถ พวกเราลากกันเข้าไป เพื่อต่อแถวเช็คอิน โดยมี ลูลู่ ช่วยดำเนินการ ส่วนไอวี่ นำของที่ลูกทัวร์ซื้อจากเขา มาให้ลูกทัวร์ รวมทั้งของฉันด้วย ซึ่งวุ่นวายมาก สำหรับเจ้ากิมจิ เพราะ ต้องเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อใส่เจ้ากิมจิ ลงกระเป๋า โหลดใต้ท้องเครื่องบิน ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ นั่นเอง ถ้าไม่ใช่ เจ้าเอ๋ เพื่อนบ้านอยากกิน ก็ไม่ ซื้อมาฝากหรอก ส่วนสาหร่าย สามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้ ไม่ยุ่งยากมาก หลังจากจัดการเรื่องโหลดกระเป๋า เรื่อง ตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ฉันกับแดงก็ไปหาอาหารมื้อเย็นทานที่ ร้านในสนามบิน ราคาแพงหน่อย แต่สิ่งที่เราสั่ง กลับไม่ได้กิน เพราะเขาว่า หมดแล้ว เอาอย่างอื่นมาให้ ก็หนีไม่พ้นกิมจิ ก็มีมาอีก แต่มีน้ำแกงร้อน ๆ ค่อยคล่องคอ ทานกันสองคน ค่อนข้างรีบ เพราะเครื่องบิน 21.30น. อิ่มแล้ว ก็เดินไปยังช่องที่จะขึ้นเครื่อง เพื่อรอขึ้นเครื่อง จะได้กลับเมืองไทยของเราเสียที พอเที่ยวเสร็จ ใจก็บินกลับเมืองไทย เสียแล้ว ที่ไหน ๆ ก็สู้เมืองไทยเราไม่ได้เลย ห้าห้า นั่งทรมานอยู่ในเครื่องประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ ก็ถึงสุวรรณภูมิ ของเรา พวกเราก็ต้องไปเข้าแถวเพื่อปั๊มพาสปอร์ต ว่า เรากลับเข้าประเทศไทยแล้ว จากนั้น ก็ต้องไปรอรับกระเป๋าทีสายพาน แดงไปเอารถเข็น มาใส่กระเป๋า เมื่อได้กระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย จึงต้องมาจ้างแท็กซี่ ไปกันสองคน แดง ไปส่งฉันที่บ้านก่อน แล้วจึง ให้แท็กซี่ ไปส่งเขาที่บ้านอ่อนนุช ทริปเกาหลี เกาะเซจู ก็จบทริปไปอย่างสมบูรณ์ สนุกสนานกับการ เดินทางท่องเที่ยว เพื่อคืนกำไรให้แก่ชีวิต อีกครั้งหนึ่ง อันเป็นสิ่งที่ฉันชอบ และเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ทำงาน และหาเงินได้ตลอดมา การได้มีโอกาสทำตาม ความฝันของตัวเองได้ ถือว่า เป็นความโชคดีของชีวิตของคนเรา ค่ะ หวังว่า ทริป เซจู เกาหลี คงให้ความเพลิดเพลิน แก่ท่านผู้อ่านมากพอสมควร นะคะ
Create Date : 23 เมษายน 2561
Last Update : 23 พฤษภาคม 2561 17:36:59 น.
31 comments
Counter : 1822 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเพรางาย , คุณmambymam , คุณกะว่าก๋า , คุณสองแผ่นดิน , คุณnewyorknurse , คุณข้ามขอบฟ้า , คุณNior Heavens Five , คุณเกศสุริยง , คุณRinsa Yoyolive , คุณชีริว , คุณmastana , คุณร่มไม้เย็น , คุณตุ๊กจ้ะ , คุณkae+aoe , คุณหงต้าหยา
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤษภาคม 2561 เวลา:19:17:48 น.
โดย: เพรางาย วันที่: 23 พฤษภาคม 2561 เวลา:21:53:46 น.
โดย: mambymam วันที่: 24 พฤษภาคม 2561 เวลา:4:23:22 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤษภาคม 2561 เวลา:6:53:54 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 พฤษภาคม 2561 เวลา:23:39:01 น.
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 25 พฤษภาคม 2561 เวลา:16:41:55 น.
โดย: mambymam วันที่: 26 พฤษภาคม 2561 เวลา:5:58:53 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 26 พฤษภาคม 2561 เวลา:19:08:24 น.
โดย: ชีริว วันที่: 26 พฤษภาคม 2561 เวลา:22:04:11 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 27 พฤษภาคม 2561 เวลา:7:06:36 น.
โดย: ชีริว วันที่: 28 พฤษภาคม 2561 เวลา:23:09:47 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤษภาคม 2561 เวลา:6:51:08 น.
โดย: Kisshoneyz วันที่: 31 พฤษภาคม 2561 เวลา:20:40:42 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 1 มิถุนายน 2561 เวลา:20:02:20 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มิถุนายน 2561 เวลา:21:49:40 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2561 เวลา:6:53:03 น.
โดย: เพรางาย วันที่: 3 มิถุนายน 2561 เวลา:7:46:10 น.
โดย: mambymam วันที่: 3 มิถุนายน 2561 เวลา:7:47:56 น.
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 3 มิถุนายน 2561 เวลา:10:59:38 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2561 เวลา:15:19:18 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:6:43:48 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:9:00:01 น.
โดย: ชีริว วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:21:51:41 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:22:14:53 น.
โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:22:30:53 น.
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [? ]
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
แต่ละสถานที่ก็มีความสวยงาม
ทั้งธรรมชาติของทะเล และป่าเขา
ส่วนร้านช็อปปิ้ง
เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องไป
ผมเองก็ชอบฟังคนขายเค้าอธิบาย
ส่วนใหญ่พอฟังเสร็จ ก็ซื้อทันทีครับ 555