Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
2 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
เตือนภัย : ภัย 'แท็กซี่มอมยา' ยากพิสูจน์!!

JewelryBody JewelryPandora JewelryWholesale JewelryCostume JewelryTiffany JewelryBrighton JewelryFashion JewelrySilver JewelryKays JewelryBicycle JewelryLong''S JewelryWholesale Fashion JewelryGold JewelryPremier Designs JewelryPearl JewelryJared JewelryLia Sophia JewelryPremier JewelryMagnetic JewelryCrystal JewelryWholesale Costume JewelryDiamond JewelryChristian JewelryAntique JewelryJames Avery JewelryCeltic JewelryPaula Abdul JewelryBeaded JewelryHandcrafted JewelrySea Glass JewelryFine JewelryMurano Glass JewelryDavid Yurman JewelryMens JewelrySterling Silver JewelryZales JewelryWholesale Sterling Silver JewelryVintage JewelryWholesale Silver JewelryPremier Design JewelryTrendy Beaded JewelryGlass JewelryMajorica JewelryEstate JewelryPalm Beach JewelryArt Deco JewelryCheap JewelryLord Of The Rings JewelryMedical Alert Jewelry


หญิง สาวพึงระวัง...กันไว้ดีกว่าแก้

เรื่องราว “แท็กซี่มอมยา” โดยใช้ยาสลบผ่านทางช่องแอร์ เป็นข่าวที่สร้างกระแสความตื่นกลัวให้หญิงสาวหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการลือกันปากต่อปาก จากดารานักร้องสาวที่ประสบเหตุบ้าง จากการโพสต์ข้อความส่งต่อกันทางอีเมลบ้าง หรือโพสต์ลงในเว็บไซต์เตือนภัยในอินเทอร์เน็ตบ้าง หรือแม้กระทั่งเหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้ายประสบพบเจอมากับตัวหนีรอดมาได้บ้าง ไม่ได้บ้างเดินเข้าแจ้งความจนเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดมี หญิงสาวตกเป็นเหยื่ออีกราย แต่หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิดและตำรวจก็สามารถรวบตัวคนร้ายไว้ได้พร้อมหลัก ฐานเพียบ แต่ยังปากแข็งว่าไม่ได้มอมยาเหยื่อ รวมทั้งวงการแพทย์ก็ออกมาระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะ เกิดเหตุการณ์แท็กซี่มอมยา พ.ต.อ.หญิง นันทิยา สุจิรัตนวิมล กลุ่มงานวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ให้ความรู้ว่า ปัจจุบันยาสลบที่ใช้กันในวงการแพทย์มีอยู่ 4 รูปแบบคือ

1.การรับประทาน ซึ่งมีกระแสข่าวอยู่เรื่อย ๆ ที่มิจฉาชีพนำไปใส่ในน้ำหรือเครื่องดื่มให้ผู้อื่นกินเพื่อก่อเหตุ
2.ทาง การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
3.ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ วิธีนี้จะนิยมมาก โดยการให้น้ำเกลือคนไข้และฉีดยาเข้าไปทางสายน้ำเกลือ และวิธีที่
4.นิยมเช่นกันโดยทางการสูดดมผ่านหน้ากาก

ในกรณีที่ใช้ยาดมสลบเพื่อให้ผู้ป่วยหลับลึกจนหมดสติได้นั้น แพทย์จะให้ผู้ป่วยดมยาสลบผ่านหน้ากากที่ครอบปากและจมูก โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจาก ผู้ป่วยในการสูดดมยาสลบด้วย นั่นคือการไม่ต่อต้าน และไม่มีการกลั้นลมหายใจ ซึ่งใช้เวลาในการที่จะทำให้คนไข้หลับอย่างน้อยประมาณ 1 นาที แต่ถ้าเป็นในรถแท็กซี่จะต้องใช้ยาปริมาณมากเพื่อให้ยากระจายทั่วห้องโดยสาร และภายในห้องโดยสารของแท็กซี่ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นห้องที่ผู้โดยสารกับคนขับ อยู่ด้วยกัน ดังนั้นยาจะฟุ้งกระจาย ในรถทำให้คนขับสูดดมยาดังกล่าวไปด้วย และอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาดมสลบเช่นเดียวกับผู้โดยสาร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้โดยสารจะได้รับยาโดยที่คนขับไม่ได้รับด้วย

ดัง นั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีการวางยาสลบผู้โดยสารในรถแท็กซี่ เพราะการให้ยาสลบต้องดมผ่านหน้ากากยาอยู่ในที่แคบคนไข้จึงจะสูดดมเข้าไปได้ แต่ในรถแท็กซี่ เป็นบริเวณที่กว้างกว่า เราไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ หาก จะได้ผลจริง ๆ ต้องใช้ในปริมาณที่มาก แต่ถ้ามากขนาดนั้นผู้ที่อยู่ในรถก็จะต้องหลับไปด้วยกัน อีกทั้งราคาของยาสลบแบบสูดดมนั้นมีราคาแพงมาก ราคาอยู่ที่ประมาณขวดละ 3,000-7,000 บาท (หนึ่งขวดมีปริมาณยาประมาณ 250 ซีซี) อาจเป็นไปได้ว่าผู้โดยสารอาจได้รับไอระเหยอย่าง อื่น เช่น น้ำหอมที่มีกลิ่นแรง ๆ ได้กลิ่น แล้วชวนวิงเวียนศีรษะ และเข้าใจผิดว่ากำลังถูกมอมยา

ทั้งนี้เราสามารถ นำผู้ที่สงสัยว่าได้รับ “ยาสลบ” มาตรวจสอบได้ แต่ก็ไม่ทุกกรณี และบางครั้งก็ไม่ได้บ่งบอก ถึงความจำเพาะ เนื่องจากยาสลบทั้งแบบสูดดมและแบบกินนั้นมีรูปแบบต่าง ๆ วัตถุออกฤทธิ์ก็ต่างชนิดกัน บางครั้ง เราสามารถตรวจได้แค่ว่าสาร ที่ต้องสงสัยนั้นอยู่ในกลุ่มใด แต่อาจไม่สามารถจำเพาะเจาะจงชื่อยาได้ นอกจากนี้ ผลการตรวจยังขึ้นกับปริมาณสารและระยะเวลาที่ได้รับสารก่อนมาตรวจด้วย ถึงแม้จะมีเครื่องวัดความเข้มข้นของ ยาดมสลบจากลมหายใจ แต่เครื่องนี้จะใช้ขณะผู้ป่วยได้รับยาดมสลบแบบต่อเนื่องขณะผ่าตัด ไม่ได้นำมาใช้ทั่วไปเหมือนการเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ที่สำคัญถ้าบุคคลนั้นสามารถพูดคุยหรือเดินได้ ก็แสดงว่าระดับ ยาดมสลบในลมหายใจมีน้อยมากหรือไม่มีเลยทำให้การตรวจทำได้ยากมาก

ในเมื่อเรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่า “แท็กซี่มอมยา” มีจริงหรือไม่ แต่เราสามารถป้องกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโดนมอมยาสลบและการถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์ พ.ต.อ. พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.1 บก.ป.) แนะ นำวิธีเมื่อหญิงสาวจำเป็นต้องใช้บริการแท็กซี่เพียงลำพังให้ปลอดภัยว่า ก่อน อื่นไม่ใช่ว่าเรามองว่าคนขับแท็กซี่ทุกคนไม่ดี แต่เพราะอาชีพแท็กซี่เป็นอาชีพที่ใครมาขับก็ได้ ไม่ต้องทำประวัติอาชญากร และก็มีคนที่ขับแท็กซี่บางคนใช้อาชีพนี้ในทางไม่ดีอย่างที่เราเห็นในข่าวมาก มายและที่สำคัญ คือเมื่อเราอยู่บนรถแท็กซี่ ก็จะมีแต่เราและคนขับเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อขึ้นรถแท็กซี่วิธีที่ดีที่สุดคือให้จดราย ละเอียด ของคนขับซึ่งจะมีติดไว้ในรถ จากนั้นโทรศัพท์ไปบอก พ่อแม่พี่น้อง ญาติ หรือเพื่อนฝูงว่าเราอยู่รถแท็กซี่ สีอะไร ทะเบียนหมายเลขอะไร และคนขับชื่ออะไร โดยสารจากไหนไปไหน โดยส่งเสียงดัง ๆ อย่างน้อยถ้าหากคนขับแท็กซี่ได้ยิน และไม่ได้คิดร้ายกับเราอาจจะเฉย ๆ หรือจะหัวเราะก็ช่างเขา แต่ถ้า กำลังคิดร้ายอยู่ก็จะไม่กล้า นี่คือการป้องกันวิธีหนึ่งที่เรามองว่าการป้องกันย่อมดีกว่าการปราบปราม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ส่วนการปราบปรามคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสูญเสียแล้วถึงมาตามจับ

ส่วนวิธีป้องกันตัวด้วยวิธีอื่น ๆ ได้แก่ สิ่งแรกเมื่อขึ้นบนรถแล้ว ต้องรู้จักสังเกตภายในรถ เช่น มีทะเบียนรถที่เป็นแผ่นเหล็กติดอยู่ที่ประตูหรือไม่ คนขับหน้าตา ท่าทาง เป็นอย่างไร ดูน่าไว้วางใจหรือไม่ มีอาการมึนเมาหรือเปล่า รวมทั้ง ต้องจดจำทะเบียนรถหรือจดใส่กระดาษไว้ นอกจากนี้ต้องตรวจดูชื่อคนขับและดูรูปว่าใบหน้าตรงกันกับคนที่ขับรถอยู่หรือ ไม่ หรือถ้าเราดูพฤติกรรมของคนขับแล้วผิดปกติ เช่น ชอบมองกระจกหลังหรือมองเราบ่อย ๆ ให้บอกแท็กซี่จอดและลงจากรถทันที ถ้าไม่จอดแสดงว่ามีเจตนาร้าย ให้ใช้โทรศัพท์โทรฯหาคนที่เราโทรฯบอกข้อมูลไว้ตอนแรกว่าคนขับรถแท็กซี่ไม่ ยอมจอดให้ลงและบอกจุดด้วยว่าเราอยู่บริเวณใด หรือถ้าจะให้ดีหญิงสาวควรพกสเปรย์น้ำหอมหรือสเปรย์พริกไทยขวดเล็ก ๆ ติดตัวไว้ด้วยเผื่อพลาดพลั้งก็สามารถฉีดใส่ตาคนร้ายทันทีและเอาตัวรอดได้

สำหรับวิธีการเลือกที่นั่งให้ปลอดภัย หากเรานั่งโดยสารรถแท็กซี่ไปคนเดียวควรเลือกที่นั่ง ด้านหลังคนขับ โดยนั่งให้ชิดประตูด้านขวา เพราะมีเบาะกั้นและเป็นด้านเดียวกับคนขับ ทำให้ยากต่อการที่คนขับจะ หันมาใช้อาวุธ หรือใช้สารเคมีและยาสลบต่าง ๆ จึงถือเป็นการยากที่คนขับจะจู่โจมเราด้วย

ที่สำคัญหากเรารู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับคนร้าย อันดับแรกต้องตั้งสติ และหาทางลงจากรถแท็กซี่ให้เร็วที่สุด จากนั้นขอความช่วยเหลือจากคนใกล้เคียง หรือโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือญาติพี่น้องรวมทั้งจดจำทะเบียนรถ สี ยี่ห้อ หน้าตาของคนขับ อายุ ลักษณะการแต่งกาย ตำหนิรูปพรรณที่สามารถจดจำได้ หรือชื่อนามสกุลของคนขับที่ติดไว้ด้านหน้ารถ จดจำให้ได้มากที่สุดเพื่อง่ายต่อการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

อย่าง ไรก็ตามที่ผ่านมาสังคมรับรู้ข่าวสารคดีแท็กซี่มอมยาจากการส่งฟอร์เวิร์ดเมล ทางสื่อสารมวลชน คำบอกเล่าต่อ ๆ กัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าว มักเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปเนื่องจากเป็นเรื่องใกล้ตัว คนส่วนใหญ่นิยมใช้บริการแท็กซี่เนื่องจากมีความสะดวก และหากคนขับแท็กซี่คิดจะทำมิดีมิร้ายผู้โดยสาร ก็ง่ายในการก่ออาชญากรรม ส่วนกระแสข่าวที่เราทั้งหลายรับรู้มานั้น ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเคยมีแท็กซี่รายใดมอมยาผู้โดยสารแล้วถูกจับได้ เพราะผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะมาแจ้งความหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว และไม่มีหลักฐานที่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้

แต่หลังจากคดีล่า สุดที่มีเหยื่อสาวเข้าแจ้งความและพบหลักฐานสำคัญหลายชิ้น ทำให้ต่อจากนี้จะเริ่มพิสูจน์และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยขึ้นอยู่กับพยาน เช่น พยาน บุคคล คือผู้เสียหายและพยานวัตถุ คือสิ่งที่เรายึดได้จากรถแท็กซี่ ไม่ว่าจะเป็นของเหลวสีแดง เจลต่าง ๆ ยาเม็ดสีขาว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้คนที่ได้รับสารระเหยทางช่องแอร์ที่เป็นข่าวสามารถ หมดสติเป็นลมได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นสารตัวเดียวโดด ๆ หรือหลายตัวรวมกัน ต้องรอผลการพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐาน กรณีนี้จึงถือเป็นช่องทางที่จะพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่อย่างไรต่อไป

ถึงแม้ขณะนี้สังคมจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณี “แท็กซี่มอมยา” เป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวหญิงสาวเองต้องพึงระวังตัวเองด้วยการป้องกันไว้ ก่อนที่ทุกอย่าง จะสายเกินแก้...!!.


Create Date : 02 เมษายน 2553
Last Update : 2 เมษายน 2553 15:49:36 น. 0 comments
Counter : 230 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

somkitjar
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add somkitjar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.