นายทหารผู้รบให้ Finland, Nazi Germany กับ US.Army Larry Thorne in US ตั้งแต่ช่วงปี 2482-2508/1939-1965 Lauri Törni นายทหารผู้มี 3 บทบาท พระเอก ผู้ร้าย พระเอก ร้อยเอก พร้อมเหรียญกล้าหาญระดับสูงสุดจาก Finland ร้อยตรี (SS-Untersturmführer) จาก Nazi Germany พันตรี Green Berer หน่วยรบพิเศษ US Special Forces ยุทธการที่สอดคล้องกัน คือ การรบกับศัตรู พวกนิยมระบอบคอมมิวนิสต์ ใต้ร่มธง 3 ชาติ ที่มา //goo.gl/ewVDGY Lauri Törni เกิดใน Finlandในปี 2462/1919 เป็นบุตรชายของนาวาเอก สมัครเข้าเป็นทหารใน Finnish Army ตอนอายุ 18 ปี เริ่มเข้ารบอย่างห้าวหาญกับกองทัพ Soviet Union ที่โจมตี Finland ในตอนปลายปี 2482/1939 Finland ต้องระดมประชาชน เข้าประจำการเป็นทหารจำนวนมาก Törni ถูกย้ายไปรบในแนวหน้า เป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วด้วยสกี แล่นไถลไปท่ามกลางหิมะ เพื่อเข้าไปรบกับกองทัพแดง Red Army ของ Soviet Union (Russia) Lauri Törni นำทัพด้วยการแล่นสกี แต่ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดในปี 2485/1942 ขณะสกีผ่านทุ่งสังหารที่เต็มไปด้วยกับระเบิด แต่เมื่อ Törni หายจากบาดเจ็บแล้วได้กลับมารบอีก ผลการรบอย่างกล้าหาญและห้าวหาญของ Törni ในปี 2487/1944 ที่สงคราม Winter War ได้สร้างชื่อเสียงมากที่สุด ทำให้ Törni เป็นที่รู้จัก/ประทับใจของผู้บังคับบัญชา จึงเลื่อนตำแหน่งให้ Törni มียศร้อยตรี ร้อยโท Törni (คนกลาง) Finnish lieutenant ที่มา https://goo.gl/ayVpG2 ในปี 2484/1941 Hitler ได้ฉีกสนธิสัญญาไม่รุกรานกันทิ้ง Nazi-Soviet Non-Aggression Pact ด้วยการบุกเข้าโจมตี Soviet Union Finland ไม่มีทางเลือกต้องยอมเป็นพันธมิตรกับ Nazi Germany ในการต่อต้าน Soviet Union และร่วบรบกับ Nazi Germany ทำให้ Törni มีปูมหลังที่ต้องเดินทางไป Germany เพื่อฝึกฝนและรับการอบรมช่วงสั้น ๆ กับ Waffen-SS Törni เดินทางกลับ Finland Törni มีชื่อเสียงมากในสงคราม Continuation War ในการต่อต้านและรบกับกองทัพ Soviets ภายใต้การบังคับบัญชาหน่วยรบทหารราบของ Törni ทำให้ Törni มีชื่อเสียงมากได้รับฉายาว่า Detachment Törni นักรบเฉพาะภารกิจพิเศษ เป็นที่ยอมรับของทหารทั้งสองฝ่าย ทั้งเรื่องที่น่าชื่นชมกับเรื่องที่น่าเกรงขาม กับความสามารถที่บ้าบิ่นอย่างมาก ในการเจาะลึกเข้าไปในแนวหลัง/แนวรบข้าศึก ผลการรบที่มีชัยชนะอย่างมากหลายครั้งของร้อยเอก Törni ทำให้กองทัพ Red Army ประกาศว่ารัฐบาล Soviets ตั้งค่าหัว Törni ไว้ถึง 3 ล้าน Finnish Marks ($700,000 / £450,000) และ Törni ยังได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญสูงสุด Mannerheim Cross ระดับสูงสุดของประเทศ Finland สงคราม Continuation War สิ้นสุดเดือน กันยายน 2487/1944 โดยการลงนามสงบศึก Moscow Armistice ระหว่าง Finland กับ Soviet Union เงื่อนไขในการเจรจาสงบศึกคือ Finland ต้องยอมยกดินแดนบางส่วนให้ Soviets จ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ยอมรับการมีพรรค Communist Party of Finland ว่าถูกต้องชอบด้วยกฎหมายทุกประการ และต้องผลักดัน/ขับไล่กองทัพ German ออกจากดินแดนคุ้มครองของ Finnish territory (นำไปสู่สงคราม Lapland War 2487-88/1943-44) Lauri Törni ร้อยเอก Finland //goo.gl/SR4Nzn Lauri Törni รับไม่ได้กับเงื่อนไขในการเจรจาสงบศึก กอปรกับยังชื่นชอบกับการผจญภัยในการรบ จึงเข้าร่วมกองกำลังลับ Finnish ต่อต้านโซเวียตรัสเซีย ที่บงการโดยนายทหาร Germans โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก่อรัฐประหารจากพวก Nazi ใน Finland Lauri Törni ร้อยตรี Waffen-SS //goo.gl/SR4Nzn ในฐานะเป็นทหารของหน่วย Waffen-SS Törni ได้รับการฝึกฝนพิเศษใน Germany เกี่ยวกับวิธีการก่อวินาศกรรม ตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้ยุติ Törni ยอมจำนนกับกองทัพ British แต่แล้วในที่สุดก็แหกคุกเชลยศึก POW (prisoners of war) เพื่อหนีกลับคืนมาตุภูมิ Finland เมื่อกลับถึงบ้านเกิดแล้ว Törni ถูกจับกุมโดยตำรวจรัฐ State Police แล้วถูกศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปี ในความผิดฐานกบฏ/ทรยศต่อชาติ เพราะเข้าร่วมกับกองทัพ Nazi German อีกครั้ง แต่ได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดี Finnish ในตอนปลายปี 2491/1948 เพื่อหลีกหนีการใช้ชีวิตอยู่ภายในการสอดส่อง จับตามองจ้องหาความผิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ Finland Törni จึงหลบหนีข้ามพรมแดนไปยัง Sweden ในปี 2492/1949 เดินทางหลบหนีในคราบกลาสีเรือ Swedish ที่แล่นเรือมุ่งหน้าไปยัง Venezuela และที่ประเทศนั้น Törni ได้เปลี่ยนไป ทำงานบนเรือสินค้า Swedish ที่บรรทุกระวางสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่เรือแล่นอยู่ในอ่าว Mexico ไม่ไกลจากชายฝั่ง Alabama Törni ได้กระโดดลงในทะเลแล้วว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วเดินทางไปยัง New York City นครรัฐที่ Törni ได้รับการช่วยเหลืออย่างมาก จากชุมชนชาว Finnish-American ในเขต Brooklyn Törni เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็น ช่างไม้และพนักงานทำความสะอาด ในปี 2496/1953 Törni ได้รับสิทธิพำนักถาวร residence permit ด้วยความช่วยเหลือจาก Donovan เจ้าของฉายา Wild Bill อดีตหัวหน้าสำนักงานกองกำลังยุทธการ Office of Strategic Services หน่วยสืบราชการลับสงคราม US’s wartime intelligence agency มีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่ Törni ต้องหลบหนีไปสหรัฐอเมริกา เพราะทาง Soviets ต้องการตัว Törni อย่างแรง และบีบบังคับให้รัฐบาล Finnish จับกุมตัว Törni ส่งตัวให้กับ Soviets ในฐานะอาชกรสงคราม ที่ทำการรบร่วมกับกองทัพนาซีเยอรมัน ดังนั้น Törni จึงหลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา ด้วยความช่วยเหลือจาก Wild Bill ที่ตอนสงครามช่วงนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยสิบราชการลับ และมีข้อมูลเกี่ยวกับผลการรบของ Törni เป็นอย่างดี Törni เข้ารับรัฏฐการกองทัพบกสหรัฐ US Army ในปี 2497/1954 แล้วได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลเป็น Larry Thorne Thorne ในหน่วยรบพิเศษ US Special Forces //goo.gl/SR4Nzn Thorne ยังคงไว้ซึ่งมิตรภาพที่ดีกับ เหล่าบรรดานายทหาร Finnish-American officers สหายศึกหลายคนที่เคยผ่านการรบในสนามรบเดียวกัน ในสงครามระหว่าง Finland รบกับกองทัพ Soviets ก่อนที่สหายศึกพวกนี้จะอพยพมาทำงานในสหรัฐอเมริกา หลายคนได้สมัครเข้าหน่วยรบพิเศษ US Special Forces ที่มีการริเริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 2495/1952 ใน Fort Bragg รัฐ North Carolina ทั้งนี้ตามกฎหมาย Lodge-Philbin Act ในปี 2493/1950 ได้เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ารับรัฏฐการทหาร โดยมีเงื่อนไขพิเศษที่ระบุว่า คนที่เข้ารับรัฏฐการทหารครบ 5 ปี จะได้รับสิทธิเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา และต่อมาพลทหาร Private Thorne จึงเข้าร่วมรับรัฏฐการในกองทัพนี้ด้วยในปี 2497/1954 โดยเป็นครูฝึก การแล่นสกี การเอาตัวรอดในที่รบ การปีนเขาและเทคนิควิธีการสงครามกองโจร หลังจากทำงานที่ Airborne School ไม่นานนัก Törni ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จนได้เป็นยศสัญญาบัตรในปี 2500/1957 Larry Thorne ซ้ายมือสุด ภาพถ่ายก่อนที่จะเสียชีวิตไม่นานนัก ที่มา //goo.gl/zv0gOs Larry Thorne ในช่วงปี 2501-05/1958-1962 รับรัฏฐการทหาร Special Forces ใน West Germany และในขณะเดียวกันได้ไปปฏิบัติการลับ เพื่อค้นหาศพทหารกับเอกสารลับ ในเครื่องบินทหาร C-130 ที่ตกระหว่างพรมแดน Iran Iraq Russia ชุดปฏิบัติการของ Throne เป็นชุดที่ 3 ที่พบเป้าหมายบนยอดสูงสุดของเทือกเขา Zagros หลังจากชุดปฏิบัติการก่อนหน้านี้ล้มเหลวมาโดยตลอด ผลงานครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้กับ Thorne เป็นอย่างมาก เพราะทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย พฤศจิกายน 2506/1963 Thorne อยู่ในหน่วยรบ Special Forces ที่ Vietnam สังกัด Military Assistance Command, Vietnam Studies and Observation Group (MACV-SOG) ในปฏิบัติการสู้รบแถวดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง Mekong Delta ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Thorne เป็นครั้งที่ 2 ที่นี่ Thorne ได้รับเหรียญ Bronze Star กับ Purple Hearts 5 ดวง เพราะบาดเจ็บจากการรบ แม้ว่าบาดแผลจากการรบจะอนุญาตให้ Thorne สามารถถอนตัวออกจากสนาบรบเวียตนามกลับประเทศได้เลย แต่ Throne ปฏิเสธเรื่องนี้และเข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษในฐานที่มั่นแทน ในปี 2508/1965 ร้อยเอก Thorne วัย 46 ปีแล้ว ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ปรึกษากองทัพใน Vietnam วันที่ 18 ตุลาคม 2508/1965 Thorne ได้นำชุดปฏิบัติการ MACV-SOG ชุดแรก ลงไปในพื้นที่ชายแดนลาว เพื่อสะกัดกั้นเวียตกง North Vietnamese ที่จะย้ายพลกลับในเส้นทางสู่ Ho Chi Minh ผ่านทางลาว ด้วยการขับเฮลิคอปเตอร์จาก South Vietnamese Air Force ทีมปฏิบัติการของ Throne บรรลุเป้าหมาย ลงแทรกซีมในพื้นที่ของลาวได้ ในขณะที่ Thorne ยังคงอยู่ด้านบนเพื่อคอยให้การสนับสนุน เมื่อทีมปฏิบัติการได้ส่งสัญญาณว่าเรียบร้อยแล้ว Throne กับลูกเรือเวียตนามจึงได้หันหัวเฮลิคอปเตอร์กลับฐานทัพ 5 นาทีต่อมาเฮลิคอปเตอร์เกิดตกในแถบเทือกเขา ระยะทาง 25 ไมล์ห่างจากเมือง Da Nang เพราะทัศนวิสัยที่เลวร้ายกับสภาพภูมิอากาศ ทีมกู้ภัยและค้นหาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตกได้ เพิ่งจะค้นพบเฮลิคอปเตอร์กับลูกเรือเวียตนาม ก่อนสงครามเวียตนามจะยุติได้ไม่นานนัก แต่ไม่พบศพของ Thorne แต่อย่างใด Thorne จึงถูกจำหน่ายชื่อว่า สาปสูญในการรบ Missing in Action ต่อมาสันนิษฐานว่าถูกฆ่าตายแล้ว และได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรีในเวลาต่อมา Larry Thorne ได้รับการฝังในสุสานแห่งชาติ Arlington National Cemetery ในปี 2546/2003 ที่มา //goo.gl/SR4Nzn Thorne/Törni ได้รับการยอมรับและการเคารพ จากสหายศึกและทหารใต้การบังคับบัญชา แม้ว่าจะยังไม่มีใครพบศพเป็นเวลาหลายปีแล้ว มีแต่ข่าวลือว่า Thorne หลบหนีออกมาจากป่าในเวียตนาม แล้วหลบไปอยู่ในที่ลึกลับไม่มีใครพบเห็นอีก หรือ Thorne ถูกเวียตกงจับตัวแล้วส่งให้รัสเซียไปขังในคุกลับ แต่ยิ่งมีข่าวลือยิ่งทำให้ Thorne กลายเป็นวีรบุรุษนิรันดร โดยบรรดาทหารผ่านศึกในสหรัฐอเมริกาจะนัดพบกันทุก ๆ ปี เพื่อดื่มเหล้าอวยพรให้เป็นเกียรติกับ Thorne โดยทั้งชาว Finland และชาว America ที่ต่างเชื่อว่า Thorne ยังไม่ตาย ในปี 2542/1999 ภายใต้ปฏิบัติการร่วมกันค้นหาทีม US/Vietnamese ได้กลับไปค้นหาตำแหน่งเดิมที่พบเฮลิคอปเตอร์ตก ทีมงานได้ค้นพบศพ Thorne อยู่ห่างไกลออกไป พร้อมกับปืนพก Swedish ประจำกาย ผลการตรวจสอบทางนิติเวชศาสตร์ Forensic กับผลทดสอบ DNA ยืนยันได้ว่าเป็น Larry Thorne ร่องรอยบดกัดในฟันยืนยันว่า Thorne เสียชีวิตในคืนนั้น Ronald Reagan " This Green Berer's heroism was so incredible and hard to believe. " สุสาน Thorne ร่วมกับทหารร่วมรบศึกเวียตนาม ใน Arlington National Cemetery ที่มา https://goo.gl/ayVpG2 เรียบเรียง/ที่มา //goo.gl/SR4Nzn //goo.gl/ewVDGY https://goo.gl/ayVpG2 //goo.gl/zv0gOs https://goo.gl/F8Au7V   Create Date : 22 พฤศจิกายน 2558 1 comments Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:53:49 น. Counter : 2315 Pageviews. Share Tweet

ชีวิตจริงดั่งนิยายค่ะ   โดย: tuk-tuk@korat 26 พฤศจิกายน 2558 13:37:22 น.