ขนเผ่า Sentinelese ที่ปฏิเสธโลกภายนอก
North Sentinel Island: A Glimpse Into Prehistory
Sentinelese Contact with Indians
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อคือ ยังมีผู้คนในโลกนี้ ที่ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องอินเตอร์แนต หรือโทรศัพท์มือถือ ผู้คนพวกนี้คือ ชนเผ่า ที่ตัดขาดจากโลกาภิวัฒน์อย่างสมบูรณ์ และไม่ยินดีต้อนรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในพื้นที่เกาะของพวกเขา
เกาะเซนติเนลเหนือ North Sentinel Island เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเกาะอันดามันและเกาะนิโคบาร์ (Andaman and Nicobar Islands) ในอ่าวเบงกอล ที่ตั้งอยู่ระหว่างพม่ากับอินโดนีเซีย เกาะแห่งนี้คือ ที่อยู่ของชนเผ่าเซนตินนีเลส Sentinelese ที่เป็นปรปักษ์กับคนภายนอกและการติดต่อกับโลกภายนอก และเกาะนี้ได้รับการขนานนามว่า สถานที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมได้ยากที่สุดในโลก
ในปี 1771(2314) มีการสำรวจรอบ ๆ เกาะนี้ ครั้งแรกโดยบริษัท East India Company เพราะสังเกตเห็นกองไฟบนชายหาด เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่มีคนสนใจอีก จนกระทั่งปี 1867(2410) เรือเดินทะเลอินเดียชื่อ Ninevah ได้อับปางลงใกล้ชายหาดเกาะแห่งนี้ มีผู้รอดชีวิต 106 คนได้สร้างค่ายพักแรมชั่วคราว แต่ถูกชาวเกาะโจมตีอย่างเลวร้ายในอีกไม่กี่วันต่อมา แม้ว่าผู้รอดชีวิตพยายามจะป้องกันการโจมตีจากชาวเกาะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล จนกระทั่งเรือรบเครื่องจักรไอน้ำราชนาวีอังกฤษ ได้เดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้ แล้วช่วยเหลือคนทั้งหมดออกไปได้
ชนเผ่านี้รู้จักกันอีกครั้งในปี 1880(2423) พนักงานรัฐ Maurice Vidal Portman ได้ขึ้นบนเกาะ เพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย มีเส้นทางเข้าไปหลายเส้นทางพอ ๆ กับหมู่บ้านที่ทิ้งรกร้างไว้ แต่ในที่สุดเขาสามารถจับคนพื้นเมืองจำนวน 6 คนได้ แล้วนำไปสู่ Port Blair เมืองหลวงของ Andaman Islands แต่ต่อมาคนพื้นเมือง 2 คนเสียชีวิต ส่วนคนที่เหลือถูกปล่อยกลับเกาะในภายหลัง
คาดว่าชนเผ่าเซนตินนีเลส The Sentinelese น่าจะเป็นบรรพชนของมนุษย์ชุดแรกที่อพยพมาจากอัฟริกา และเข้ามาพักอาศัยในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ยาวนานกว่า 60,000 ปี จำนวนประชากรไม่แน่ชัดคาดว่าน้อยที่สุดราว 40 คนหรือมากที่สุดราว 500 คน
ชนเผ่านี้ไม่สนใจว่า ใครจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู ใครก็ตามที่มาเยีอนแล้วเหยียบชายฝั่งเกาะ ไม่ว่าโดยอุบัติเหตุทางเรือหรือตั้งใจจะไปก็ตาม ชนเผ่านี้จะต้อนรับผู้มาเยือนด้วยหอกและธนู ของขวัญหรือเสื้อผ้าไม่มีความสำคัญกับชนเผ่าเลย ทั้งยังเคยปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ จากโลกภายนอกในช่วงซึมามิ ในปี 2004(2547)
เหตุการณ์การให้ความช่วยเหลือหลังเกิดเหตุซีมานิ ในมหาสมุทรอินเดียในช่วงเดือนธันวาคม 2004(2547) (เกาะแห่งนี้ถูกคลื่นยักษ์ซีนามิถล่มด้วย) กลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือได้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ โดยเฮลิคอปเตอร์ของรัฏฐนาวีอินเดีย เพื่อค้นหาและให้ความช่วยเหลือชนเผ่าบนเกาะในการยังชีพ แม้ว่าจะมีโอกาสค่อนข้างน้อยมากในการพบชนเผ่านี้ แต่แล้วก็พบชนเผ่านี้ที่ยืนรออยู่บนพื้นดิน แต่มีท่าทางเป็นศัตรู นักรบชนเผ่าเซนตินนีเลส ได้พุ่งหอกและยิงธนูเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์
ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานของชนเผ่านี้ ภาษาที่พูดกันรวมทั้งพฤติกรรม/วัฒนธรรมของชนเผ่านี้ เพราะชนเผ่านี้มักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า รวมทั้งไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชนเผ่านี้ ที่พอจะรู้บ้างก็คือ ชนเผ่าเซนตินนีเลส เป็นนักล่าสัตว์ ไม่มีการทำเกษตร ยังชีพด้วย พวกพืช ปลา หัวของพืชที่อยู่ใต้ดิน(มัน บุก กลอย ฯลฯ ) หมูป่า สัตว์เลื้อยคลานประเภทต่าง ๆ และน้ำผึ้ง
อินเดียประกาศว่ามีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะเซนติเนลเหนือ แต่มั่นใจได้เลยว่า ชาวเกาะแห่งนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่ที่อินเดียพยายามจะผูกมิตรกับชนเผ่านี้ หลายต่อหลายครั้งแล้วตั้งแต่ปี 1964(2507) สุดท้ายอินเดียต้องสั่งยกเลิกปฏิบัติการทั้งหมด รัฏฐนาวีอินเดียประกาศเขตหวงห้ามระยะทาง 3 ไมล์ทะเลจากเกาะแห่งนี้ ห้ามบรรดานักท่องเที่ยว นักสำรวจ หรือ พวกอยากรู้อยากเห็น เข้าไปใกล้เกาะหรือขึ้นบนเกาะนี้โดยเด็ดขาด (ไม่รับรองความปลอดภัย) เพราะอุบัติเหตุหลายครั้งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครตายดีสักคน
มีเรื่องราวบอกเล่าหลายเรื่องที่น่ากลัวเกี่ยวกับชนเผ่าเซนตินนีเลส คนที่รอดชีวิตกลับมาได้ไม่บาดเจ็บสาหัส ก็ต่างหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด หรือไม่ก็ตายไปเลย ในปี 1896(2439) นักโทษที่ลงเรือหลบหนีจากคุกอังกฤษในหมู่เกาะอันดามัน เรือนักโทษรายนี้ได้แวะบนชายฝั่งเกาะเซนติเนลเหนือ อีกไม่กี่วันต่อมา บรรดาผู้คุม/ผู้ติตตามที่ตามล่าหานักโทษ พบศพนักโทษบนชายหาดมีร่องรอยถูกเชือดคอและถูกยิงด้วยธนู
ในปี 1974(2517) มีกลุ่มนักถ่ายทำสารคดี National Geographic พร้อมกองกำลังตำรวจติดอาวุธ ได้เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้เพื่อถ่ายทำสารคดีชนเผ่านี้ มีการผูกมิตรก่อนด้วยการมอบหม้อ กะทะ ตุ๊กตา มะพร้าว หมูตัวเป็น ๆ แต่ถูกชาวเกาะขับไล่ด้วยการยิงธนูและปาหอกเข้าใส่ตลอดเวลา ไม่นานผู้อำนวยการสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้ในระหว่างการถ่ายทำสารคดี ถูกยิงด้วยธนูยาว 8 ฟุตปักบนท่อนขาข้างซ้าย แม้ว่าไม่ตายแต่ต้องยุติการถ่ายทำสารคดีทั้งหมด
เมื่อเรือบรรทุกนักถ่ายทำสารคดีแล่นออกจากเกาะ ทุกคนต่างหันไปมองข้างหลังจะพบเห็นว่า ชาวเกาะต่างได้ฉีกตุ๊กตาออกเป็นชิ้น ๆ รวมทั้งหมูตัวเป็น ๆ แล้วฝังของขวัญทั้งหมดลงบนพื้นดิน พร้อมกับชูธนูกับหอกโห่ร้องด้วยความดีใจ ที่ขับไล่คนภายนอกออกไปจากเกาะได้ โชคดีที่ได้ถ่ายทำเรื่องราวสารคดีบางส่วนไว้ได้ ในเรื่อง คนค้นคน Man in Search of Man
(ถ้าลูกธนูปักบนหัวเข่า ต้องพูดเหมือนเกมส์ The Elder Scrolls: Skyrim ข้าเคยเป็นนักผจญภัยเหมือนเจ้า จนกระทั่งโดนธนูปักที่หัวเข่า I used to be an adventurer like you, then I took an arrow in the knee.)
นักมนุษยวิทยาชาวอินเดีย ที.เอ็น. บัณฑิต T.N. Pandit ได้เสนอรัฐบาลอินเดียหลายต่อหลายครั้งแล้วให้ช่วยสนับสนุน โครงการเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ในช่วงปลายปี 1980(2523) ถึงต้นปี 1990(2533) " บางครั้ง ถ้าพวกชนเผ่านี้หันหลังให้ แล้วหย่อนตะโพกลงเหมือนนั่งขึ้ นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่ยินดีต้อนรับพวกเรา บัณฑิตกล่าว
มีเรื่องที่น่าประหลาดใจ คือ มีเพียงครั้งแรกและครั้งเดียว ที่กลุ่มนักวิจัยที่เป็นคนภายนอกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จากชนเผ่านี้โดยไม่มีอาการเกรี้ยวกราด/ไม่พอใจ ในวันที่ 4 มกราคม 1991(2534) มีผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กรวม 28 คน ได้เผชิญหน้ากับบัณฑิตและสมาชิกโครงการวิจัย " พวกเขาเดินมาพบพวกเราอย่างเป็นธรรมชาติ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ หรือพวกเขาตัดสินใจแล้วว่า ถึงเวลาแล้ว(ที่จะพบปะคนอื่นบ้าง) "
หมายเหตุ เรื่องเล่าค่อนข้างไร้สาระ(แก้เครียด) เคยพบเห็นแม่ค้าในตลาดสด ห.ใ. เวลาทะเลาะด่าทอกัน มักจะด่าว่า วานแด่ หรือ วานกูเด่ ถ้าใครถลกผ้าถุงแล้วโชว์วานให้ฝ่ายตรงข้ามที่ทะเลาะด้วยเห็น (อาจจะนุ่งกางเกงใน หรือเห็นวานกระดำกระด่าง) คนถกวานก่อนถือว่าได้รับชัยชนะเชิงสัญลักษณ์แล้ว แม้ว่าจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ หรือไม่มีเหตุผลชนะก็ตาม ทั้งนี้กองเชียร์จะมอบชัยชนะให้กับคนถกวานก่อน แล้วส่วนมากคนที่โต้เถียงด้วยมักจะหยุดพูด/เงิบไปเลย แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นพฤติกรรมแบบนี้แล้ว
เรือชาวประมงที่ถูกยึดโดยชนเผ่าเซนตินนีเลส
แต่โชคร้าย การพบปะในครั้งสุดท้ายของคนภายนอกกับชาวเกาะในปี 2006(2549) กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ชาวประมง 2 คนถูกฆ่าตาย ในขณะที่แอบไปทำการประมงภายในเขตหวงห้ามของเกาะแห่งนี้ (ตามประกาศรัฏฐนาวีอินเดีย) สันนิษฐานว่า กินเหล้าเมามายแล้วหลับในเรือที่แวะจอดที่ชายฝั่งเกาะแห่งนี้
พื้นที่เกาะประมาณ 72 ตร.กิโลเมตร หรือ 45,000 ไร่
ชาวเซนตินนีเลส น่าจะเป็นชนเผ่าที่ไร้การติดต่อกับโลกภายนอก ที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ที่ไม่สนใจกับโลกาภิวัฒน์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่ชนเผ่านี้ควรอยู่ตามลำพัง แต่ก็มีรื่องที่ไม่ดีเช่นกัน เพราะการไม่ติดต่อกับโลกภายนอก อาจจะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหลายชนิด รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเช่นกัน
เรื่องราวชนเผ่านี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ แม้ว่าชนเผ่านี้จะมีวัตถุประสงค์ที่แปลกแยกกับโลกภายนอก ชนเผ่าเซนตินนีเลสไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ มีพฤติกรรมที่ทำให้หลายคนอยากรู้อยากเห็น ชนเผ่านี้มีมุมมองคนภายนอกและโลกภายนอกอย่างไร ชนเผ่าเรียกตนเองว่าอย่างไร ชนเผ่านี้พอใจหรือไม่ ที่เรียกพวกเขาว่า เซนตินนีเลส Sentinelese
หมายเหตุ นักประวัติศาสตร์ชาตินิยมชาวละตินอเมริกา เชื่อตามตำนานชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา ที่เล่ากันว่า พวกผิวขาวมอบหรือโยนทิ้งผ้าห่ม ที่ปนเปื้อนเชื้อหวัดหรือไข้ทรพิษ ให้กับชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา ทำให้ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคพวกนี้เลย น่าจะเป็นต้นแบบอาวุธชีวภาพครั้งแรก
เรียบเรียงจาก
Create Date : 30 มีนาคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 7:21:00 น. |
Counter : 5874 Pageviews. |
|
|
|
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ
น่าสนใจมากๆ