ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 มกราคม 2558
 
All Blogs
 

รถบรรทุก 4 ตันวิ่งเร็วที่สุดในโลก (605 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)



The World's Fastest Jet Powered Truck


Shockwave รถบรรทุกที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก 
โดยใช้เครื่องยนต์เครื่องบินเจ็ท 3 เครื่องยนต์
สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 400 ไมล์ต่อชั่วโมง (643.7376 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ห้ามขับรถยนต์ตามหลังรถบรรทุกคันนี้โดยเด็ดขาด

Shockwave คือชื่อรถบรรทุกคันนี้
ที่ดัดแปลงมาจากรถบรรทุก Peterbilt Semi มีน้ำหนักรถ 4 ตัน
ใช้เครื่องยนต์เจ็ท Pratt & Whitney J34-48 jets ถึง 3 เครื่องยนต์
โดยนำมาจากเครื่องยนต์เจ็ทที่ใช้ในการฝึกของกองทัพอากาศสหรัฐ
ที่เรียกว่าเครื่องยนต์เจ็ท T-2 Buckeye 
เครื่องยนต์เจ็ทที่ติดตั้งไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์
ทำให้แต่ละเครื่องยนต์รีดแรงม้าได้ถึง 12,000 แรงม้า
ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ทถึง 3 เครื่องยนต์
ทำให้มีแรงขับเคลื่อนรวม 36,000 แรงม้า
เร่งความเร็วที่ 1/4 ไมล์ (0.402336 กิโลเมตร) ในเวลาเพียง 6.5 วินาที

(หรือ 402.336 ในเวลาเพียง 6.5 วินาที
หรือ 61.897 เมตรในเวลา 1 วินาที
1 G ค่าอัตราเร่งปกติที่ไม่มีการเคลื่อนที่
การทำให้เกิดแรง G มากกว่า 1 คือ
ต้องเร่งได้มากกว่า 9.80665 เมตรต่อ 1 วินาทียกกำลังสอง)




Shockwave สามารถวิ่งชนะรถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่น
ทำให้ได้รับการบันทึกว่าเป็นรถบรรทุกที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก
โดยการวิ่งที่ความเร็ว  376 ไมล์ต่อชั่วโมง (605.113344 กิโลเมตรต่อช่วโมง) 
ถังน้ำมันบรรจุ 190 แกลลอน (719.228239 ลิตร)
และกินน้ำมันถึง 180 แกลลอนกับการใช้พลังงานเต็มที่

Neal Darnell ผู้สร้างและคนขับ วัย  64 ปีกล่าวว่า
“ มันเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมาก 
คุณแทบจะไม่เชื่อเลยจนกว่าคุณจะได้ทดลองขับมัน ”

Chris Darnell ลูกชายวัย 31 ปี ที่ได้ร่วมขับรถบรรทุก Shockwave 
หัดขับรถยนต์ครั้งแรกตอนวัย 7 ขวบ กล่าวว่า
“ การเพิ่มอัตราการเผาไหม้ของเครื่องยนต์อีก 2 เครื่องยนต์เพิ่มแรงขับเคลื่อนและแรงม้า
Shockwave ได้รีดพลังเครื่องบินเจ็ทได้ถึง 6 เท่าของเครื่องยนต์ที่ติดตั้ง




“ ในการเร่งความเร็ว คนขับที่เคยผ่านประสบการณ์ที่ความเร็ว  6G จะรู้สึกได้
เราจึงต้องชะลอความเร็วเจ้าอสูรร้ายที่ด้วยร่มของกองทัพอากาศจำนวน 2 ตัว
ที่สามารถสร้างแรงต้านชะลอความเร็วถึง 9G ในการขับเคลื่อนได้ถ้าหากมีขึ้น "

Shockwave สร้างขึ้นครั้งแรกโดย Les Shockley ในปี 1984(2527) ซึ่งตอนนี้มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว 
พ่อลูกทั้งสองคนนี้ได้ซื้อรถคันนี้มาและปรับปรุงใหม่ในปี 2012(2555)
ทั้งสองจะเฉลิมฉลองรถบรรทุกที่อัตราเร่งบนพื้นถนนที่เร็วที่สุดในโลก
ในการทดสอบสมรรถภาพอีกครั้งที่เส้นทางข้ามพรมแดนระหว่างสหรัฐอเมริกากับแคนนาดา




เรียบเรียง/ที่มา  https://bitly.com/a/bitlinks#



เรื่องเดิมเกี่ยวกับรถยนต์

//pantip.com/topic/30141376  เครื่องยนต์ V12 เล็กที่สุดในโลก

//pantip.com/topic/30175334  ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลก

//pantip.com/topic/31562641  Rolls Royce เคยเป็นรถทำความสะอาดถนนกับขนขยะ

//pantip.com/topic/30584131  สุสานรถยนต์

//pantip.com/topic/31582905  Porsche คันแรกเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

//pantip.com/topic/32939323  รถยนต์ Fiat S76 อายุ 104 ปีติดเครื่องได้อีกครั้ง




FIAT S76 - Beast of Turin trailer



หมายเหตุเพิ่มเติม

1 G ค่าอัตราเร่งปกติที่ไม่มีการเคลื่อนที่ 
การทำให้เกิดแรง G มากกว่า 1 คือ
ต้องเร่งได้มากกว่า 9.80665 เมตรต่อ 1 วินาทียกกำลังสอง
นักวิทยาศาสตร์กำหนดไว้ว่าวัตถุตั้งนิ่ง ๆ อยู่กับพื้นโลกจะมีอัตราเร่งเท่ากับ 1 G
เครื่องบินที่บินด้วยความเร็วสูง หรือเลี้ยวโค้งหรือหักโค้ง จะเกิดอัตราเร่งมากกว่า 1 G
รถแข่งฟอร์มิวลาวัน ขณะเลี้ยวโค้งด้วยความเร็วสูง
สามารถสร้างอัตราเร่งให้ตัวรถเองและคนขับได้ 3-4 G

เราทราบดีว่าเลือดเป็นของเหลวไม่ต่างจากน้ำหรือของเหลวอื่น ๆ 
โดยธรรมชาติแล้วของเหลวจะไหลลงต่ำตามแรงโน้มถ่วง
และจะไหลลงเร็วยิ่งขึ้นเมื่อถูกกดดัน 
เลือดในร่างกายคนจะไหลไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ด้วยการบีบรัดของหัวใจและหลอดเลือด 
ในสภาวะแวดล้อมตามปกติที่ตัวนักบินมีอัตราเร่ง 1 G
คืออยู่นิ่งๆหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็น 10 หรือ 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การไหลเวียนของเลือดจะเป็นปกติทุกอวัยวะจะมีเลือดไปเลี้ยงโดยเฉพาะสมอง 
สมองที่ไม่ขาดเลือดจะทำให้นักบินตื่นตัว คิด ตัดสินใจและเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ
รวมถึงมองเห็นภาพได้ชัดเจน แต่เมื่อใดที่สมองขาดเลือดพฤติกรรมทั้งหมด
จะกลายเป็นตรงกันข้าม นักบินจะหมดสติ ที่เคยมองเห็นชัด ๆ จะพร่าพราย
เมื่อเลือดไม่ไปเลี้ยงสมองและตา เพื่อป้องกันไม่ให้สมองนักบินขาดเลือด
เขาจึงต้องมีเครื่องช่วยกดดันไล่เลือดขึ้นเลี้ยงสมองอยู่ตลอดเวลา

เปรียบเลือดเป็นน้ำในกระป๋องนมผูกเชือกที่เราเหวี่ยงเป็นวง 
ยิ่งเหวี่ยงเร็วยิ่งพบว่ากระป๋องนั้นยิ่งหนัก 
หมายความว่าอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นทำให้น้ำพยายามดันตัวเอง
ให้ทะลุก้นกระป๋องด้วยแรงที่มากขึ้นเรื่อย ๆ 
ถ้าก้นกระป๋องอ่อนนุ่มและเปื่อยน้ำก็จะพุ่งออกจากตรงนั้น 
เปรียบได้กับเลือดของเราที่ถูกเหวี่ยงให้ไหลจากหัวไปกองที่เท้าขณะเครื่องบินหักเลี้ยว 
ยิ่งเครื่องบินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแรงจีก็ยิ่งรุนแรง 
เราไม่รู้สึกถึงแรงจีในรถยนต์ธรรมดาหรือเครื่องบินโดยสารเพราะอัตราเร่งไม่รุนแรงพอ 
กล่าวคือทั้งสองตัวอย่างมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วไม่ฉับพลันเท่ากับ
เครื่องบินรบความเร็วสูงเช่นเครื่องบินขับไล่หรือโจมตี 
ที่การออกแบบและกำลังของเครื่องยนต์สามารถก่อให้เกิดอัตราเร่งได้มากกว่า
1 G หรือ 9.80665 เมตรต่อวินาทียกกำลังสองเมื่อเปลี่ยนทิศทางทั้งนั้น

ถ้า 1 G เท่ากับน้ำหนักปกติ การที่เครื่องบินบินมาแล้วลดความเร็วฉับพลัน
เพื่อหักเลี้ยวแทบเป็นมุมฉากจนทำให้เกิดอัตราเร่งหนีศูนย์ขึ้นมากกว่า 1 G
ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่ 4 ถึง 9 น้ำหนักของเครื่องบินและนักบินก็จะเพิ่มขึ้นชั่วขณะตั้งแต่ 4 ถึง 9 เท่า(ปัจจุบันเครื่องบินรบทำ G ได้มากที่สุดถึง 12 แต่นักบินกับ G สูทปกติทนได้ 9
เว้นแต่กับ G สูทรุ่นใหม่ที่ทำให้นักบินทนแรง G ได้เท่าเครื่องบิน) 
อันหมายความว่านักบินน้ำหนัก80 ก.ก.จะมีน้ำหนักเป็น 80 คูณจำนวนแรง G้ ตั้งแต่ 2 ถึงคูณ 9 
ยิ่ง G มากเลือดก็ยิ่งไหลลงเท้าเร็ว ถ้าเลี้ยวแล้วคงอัตราเร่งไว้นานอาการหน้ามืดตามัวก็ยิ่งนาน
วิธีสู้กับแรง G หรือไล่เลือดกลับสู่สมองตามหลักง่าย ๆ คือ
ต้องบีบเส้นเลือดในส่วนต่ำที่สุดของร่างกายถึงส่วนกลางให้ตีบเพื่อไล่เลือดกลับ 
จะบีบได้ก็ต้องมีแรงกดดันสม่ำเสมอตลอดช่วงขาและหน้าท้อง 
ตรงนี้แหละที่จีสูทหรือชื่อเต็มๆว่า”แอนตี้จีสูท”(anti-G suit)เข้ามามีบทบาท

ที่มา //bit.ly/1HKmgCU




 

Create Date : 07 มกราคม 2558
0 comments
Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:00:38 น.
Counter : 2295 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.