เรื่องเล่าแห่งมหาภารตะยุทธิ์ (11)
เมื่อเรืองราวยุติลงจากการไกล่เกลี่ยของท้าวธฤตราษฏร์ เหล่าพี่น้องปาณฑพก็เดินทางกลับกรุงอินทปัฏฐ์ แต่ทุรโยธน์แอบให้ม้าเร็วรีบเดินทางมาท้ายุธิษฐิระเล่นสกากันอีกครั้ง แน่นอนยุธิษฐิระก็ตอบตกลงเช่นเดิม แต่คราวนี้จะเป็นการเดิมพันครั้งเดียว โดยมีเงื่อนไขว่า
ผู้แพ้จะต้องหลบหน้าผู้คนไม่ให้ใครรู้ว่าอยู่ที่แห่งหนตำบลใดเป็นเวลา 13 ปี และหากมีคนพบผู้นั้นก็ต้องเริ่มต้นเนรเทศตัวเองใหม่เป็นเวลา 13 ปี
เป็นอีกครั้งที่ยุธิษฐิระแพ้สกา พวกพี่น้องปาณฑพและนางเทราปตี จึงต้องออกเร่ร่อนเข้าไปในป่า ได้รับความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเวลาผ่านไป 12 ปีเศษ ใกล้จะครบตามสัญญา พี่น้องปาณฑพทั้งห้าก็ปลอมตัวเข้าไปทำงานในวังของท้าววิราฏ แห่งแคว้นมัตสยะ
แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้อรชุนจำต้องเผยตัว เพราะต้องไปช่วยท้าววิราฏออกรบ เมื่อเป็นดังนั้นทุรโยธน์ก็เรียกร้องคำสัญญา ให้พี่น้องปาณฑพต้องเนรเทศตัวเองต่อไปอีก 13 ปี แต่พี่น้องปาณฑพก็อ้างว่า ในคราวนั้นก็ยังไม่มีใครจำพวกตนได้ เมื่อทุรโยธน์ส่งคนออกไปตรวจสอบให้แน่ใจ นั่นก็ล่วงเลยระยะเวลา 13 ปีไปแล้ว ฉนั้นถือว่าสัญญาดังกล่าวได้สิ้นสุดลง
เมื่อสองฝ่ายต่างโต้แย้ง การเจรจาจึงหาข้อยุติไม่ได้ เหลือเพียงทางเลือกสุดท้ายคือการตัดสินกันด้วยการทำสงคราม
เหล่าแว่นแคว้นทั่วทั้งชมพูทวีปต่างจำเป็นต้องเลือกข้าง เพราะทุกคนต่างมีเบื้องหลังต่อกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรกับพวกปาณฑพหรือเป็นศัตรูของพวกเการพ ก็ต้องนับว่าเป็นพวกเดียวกัน
ยังรวมไปถึงบุคคลที่แม้จะรักใคร่พวกปาณฑพ แต่โดยหน้าที่ก็จำเป็นต้องเข้าร่วมรบกับทุรโยธน์ คนเหล่านี้ได้แก่ ภีษมะ โทรณาจารย์ และกฤษปาจารย์ ต่างมีหน้าที่ต้องรบเพื่อแคว้นกุรุ เมื่อพวกปาณฑพเป็นศัตรูกับพวกเการพ ย่อมถือเป็นศัตรูของแคว้นกุรุเช่นกัน
นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้ว ยังมีเจ้าเมืองคนหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง และทั้งสองฝ่ายต่างก็เร่งเดินทางเพื่อต้องการชักชวนให้มาเข้าร่วมกับฝ่ายตนเอง นั่นก็คือ พระกฤษณะ ซึ่งเป็นนักรบที่เก่งกาจและยังมีกองทัพนารายยันณ์ที่เข้มแข็ง
ทุรโยธน์นั้นเดินทางถึงกรุงทวารากาก่อน แต่ขณะนั้นพระกฤษณะยังบรรรทมอยู่ ทุรโยธน์จำต้องนั่งรอที่เก้าอี้รับแขกด้านข้าง อรชุนนั้นเดินทางมาถึงทีหลัง จึงต้องไปนั่งรออยู่ที่ปลายเท้า เมื่อพระกฤษณะตื่นขึ้นมาก็เห็นอรชุนเป็นคนแรก เมื่อมองมาก็เห็นทุรโยธน์เป็นคนที่สอง เมื่อทราบถึงความประสงค์ที่ตรงกันทั้งสองคนแล้ว ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะเข้าร่วมทั้งสองฝ่าย ฉนั้นจึงมีทางเลือกให้ทั้งสองฝ่ายว่า
ฝ่ายหนึ่งจะได้ตัวพระองค์และฝ่ายที่เหลือจะได้กองทัพของกรุงทวารากา และด้วยเหตุผลว่าเมื่อพระองค์ตื่นมาพบหน้าอรชุนก่อน จึงให้สิทธิ์แก่อรชุนเป็นผู้เลือกก่อน ซึ่งที่จริงแล้วพระกฤษณะนั้นก็เป็นสหายของอรชุนและพระนางสุภัทราน้องสาว ก็เป็นภรรยาของอรชุนอีกคน พระกฤษณะจึงให้อรชุนเลือกก่อน
แน่นอนว่าอรชุนย่อมเลือกพระกฤษณะ ฝ่ายทุรโยธน์นั้นจึงได้กองทัพไปแทน แต่พระกฤษณะนั้นก็ยังให้สัญญากับฝ่ายเการพว่า ในการรบพระองค์จะไม่จับอาวุธ เข้าร่วมในการต่อสู้ แต่จะทำหน้าที่เป็นเพียงสารถีให้อรชุนเท่านั้น
กษัตริย์ทั่วทั้งชมพูทวีปต่างมารวมตัวกัน โดยพี่น้องปาณฑพได้ระดมพลอยู่ที่แคว้นมัตสยะ มีเพียงพลราม พี่ชายของพระกฤษณะ คนเดียวที่ปลีกวิวเวกไม่เข้าร่วมในสงคราม เพราะถือว่าเป็นตนเองเป็นอาจารย์สอนคฑาทั้งภีมะและทุรโยธน์ จึงวางตัวเป็นกลาง โดยไม่เข้าร่วมสงครามกับฝ่ายใด
Create Date : 21 เมษายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 16 เมษายน 2553 9:55:09 น. |
Counter : 1499 Pageviews. |
 |
|