 |
27 มกราคม 2555
|
|
|
|
เหตุการณ์ รศ. 112 (8)

เรือปืนมกุฎราชกุมารระวางขับน้ำ 609 ตัน ปืนใหญ่บรรจุท้าย 15 ซม. 1 กระบอก ปืนใหญ่บรรจุปากกระบอก 12 ซม. 5 กระบอก ปืนกล 3 กระบอก
17.10 น. เกิดฝนตกหนักคนในเรือรบและคนบนฝั่งแทบมองไม่เห็นกัน ขณะนั้นน้ำที่สันดอนกำลังจะขึ้น นาวาโทโบวี ผู้บังคับการเรือแองคองสตังต์ ได้จัดเรือกลไฟเล็กของเรือแองคองสตังต์ออกไปหยั่งน้ำล่วงหน้าที่บริเวณโป๊ะจับปลา ส่วนกัปตันวิลเมื่อกลับไปถึงเรืออรรคราชวรเดชชักธงประมวลสัญญาณ เตรียมตัวรับพายุใหญ่เพื่อให้ทางป้อมพระจุลจอมเกล้าเตรียมพร้อม
พระยาชลยุทธโยธินทร์ได้สั่งการแก่ผู้บังคับการเรือทุกลำว่าเมื่อป้อมพระจุลจอมเกล้า ทำการยิงไปเป็นนัดที่สี่แล้วเรือฝรั่งเศสยังไม่หยุดให้หมู่เรือเริ่มทำการยิงร่วมกับป้อม
17.30 น. มีฝนตกบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า ทำให้อากาศมืดครึ้ม มองอะไรไม่เห็น 18.00 น. ฝนหยุดตกป้อมพระจุลจอมเกล้าเห็นเรือรบฝรั่งเศสกำลังแล่นผ่านกระโจมไฟเข้ามา จึงให้เสียงแตรสัญญาณสั่งให้ทหารประจำป้อมประจำสถานีรบ
18.05 น. หมู่เรือฝรั่งเศสเข้าสู่ปากน้ำเจ้าพระยา โดยมีเรือเรือบัปติสต์เซย์แล่นนำหน้า ตามด้วยเรือแองคองสตังต์และเรือโคเมตเป็นขบวนเรียงตามกันรูปขบวนยาว 400 เมตร
18.30 น. หมู่เรือรบฝรั่งเศสแล่นมาถึงทุ่นดำซึ่งเป็นจุดเลี้ยวของร่องน้ำ ป้อมพระจุลจอมเกล้าเริ่มยิงด้วยนัดดินเปล่าไม่บรรจุหัวกระสุนจำนวน 2 นัด เป็นสัญญาณเตือน เรือรบฝรั่งเศสคงแล่นเรื่อยมาอย่างเดิม
จึงได้ยิงโดยบรรจุกระสุนเป็นนัดที่สามให้กระสุนตกข้างหน้าเรือเป็นการเตือนอีก แล้วจึงยิงนัดที่สี่ป้อมพระจุลจอมเกล้าสังเกตเห็นว่า เรือลำหน้าทำท่าจะหยุดและหันกลับออกไป แต่ในไม่ช้าก็เดินมาตามเข็มเดิมอีก พร้อมกับชักธงชาติฝรั่งเศสขึ้นที่ยอดเสาทุกเสา หมูเรืออยู่ห่างจากป้องพระจุลจอมเกล้าระยะ 4000 เมตร และเริ่มยิงตอบโต้
แต่เนื่องจากปืนในป้อมเป็นแบบซ่อนอยู่ในหลุม เมื่อยิงเสร็จก็ผลุบกลับเข้าไปข้างใน พลประจำปืนป้อมพระจุลจอมเกล้าถูกปกป้องด้วยคอนกรีตที่หนาทึบ ดังนั้นเรือรบฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนกระสุนปืนใหญ่เป็นแบบลูกปรายเพื่อจะสังหาร
เรือเรือบัปติสต์เซย์ที่เป็นเรือสินค้าทำหน้าที่นำร่องหันหัวเรือไปทางซ้ายเพื่อหลบการโจมตี เรือแองคองสตังต์แล่นผ่านเลยไป กัปตันของเรือบัปติสต์เซย์ตะโกนว่าจะไม่ยอมนำเรือต่อไปอีก

เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ ระวางขับน้ำ 250 ตัน ปืนใหญ่อาร์มสตรองบรรจุปากกระบอก 70 ปอนด์ 1 กระบอก ปืนใหญ่บรรจุ ปากกระบอก 10 ซม. 4 กระบอก ปืนกล 1 กระบอก
18.43 น. เรือเรือบัปติสต์เซย์ถูกกระสุนปืนหนึ่งนัดจากเรือหาญหักศัตรูจึงต้องแล่นเกยตื้น ใกล้ ๆ ทุ่นดำ อีกนัดระเบิดลงบนเรือแองคองสตังค์ หลักเดวิทเรือโบตหักสะบั้นลง พันจ่าช่างไม้ประจำเรือตายคาที่ นาวาโทโบรีหันหัวเรือไปทางซ้าย และถือท้ายมุ่งตรงต่อไปทางกลางปากน้ำแล้วสั่งเริ่มยิง เรือโคแมตก็เริ่มยิงตาม
ถัดจากทุ่นไฟมีเรือเหล็กจมอยู่หลายลำ ยึดไว้ให้อยู่กับที่โดยหลักปักไว้ขนาบไว้ และมีสายโซ่ขึงไว้เป็นแนวอย่างแข็งแรงเหลือช่องว่างให้เรือเข้าออกได้ราว 80 เมตร ช่องที่ผ่านนี้ยังได้วางตอร์ปิโดไว้อีกด้วย เลยแนวกีดขวางเข้าไปมีเรือไทย 9 ลำ อยู่ทางซ้าย 5 ลำทางขวา 4 ลำประกอบกันเป็นช่องทางที่เรือฝรั่งเศสต้องผ่านไป
18.50 น. เรือแองคองสตังค์แล่นเข้ามาในแนว ร้อยเอกเวสเตนโฮลซ์ จึงจุดตอร์ปิโด ซึ่งระเบิดขึ้นที่หน้าเรือ 30-40 หลา เรือโคแมตแล่นตามแนวทางของเรือแองคองสตังค์ คอมมานเดอร์กุลด์ แบร์กนายเรือมกุฎราชกุมารกับกัปตันคริสตมาสนายเรือมูรธา ซึ่งเป็นเรือที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในหมู่เรือไทย ได้นำเรือเข้าหาและยิงเรือฝรั่งเศส
เรือแองคองสตังค์ตัดท้ายหันเข้าต่อสู้ ยิงโต้ตอบไปทางขวาบ้างทางซ้ายบ้าง ด้วยปืนใหญ่ประจำเรือ หมูเรือฝรั่งเศสแล่นฝ่ากองกองเรือไทยไปได้อย่างรวดเร็ว 19.20 น. หมู่เรือฝรั่งเศสพบกับป้อมผีเสือสมุทรที่เป็นเกาะกลางน้ำ มีปืนเสือหมอบ เป็นเขี้ยวเล็บเช่นเดียวกับป้อมพระจุลจอมเกล้า
กัปตันเกิตส์เช ผู้บัญชาการได้ยินเสียงปืนใหญ่จากป้อมพระจุลจอมเกล้า และเห็นไฟเดินเรือเคลื่อนขึ้นมาตามลำแม่น้ำ แต่เนื่องจากความมืดไม่สามารถทราบได้ เกรงว่าเป็นเรือของฝ่ายเราเองแล่นกลับขึ้นมาก็ได้ จึงได้รออยู่ครู่หนึ่ง
แต่เมื่อได้เห็นเรือลำหนึ่งทำการยิงมาจากเสาเรือจึงได้สั่งให้ยิงไปยังเรือเหล่านั้นทันที เรือปืนฝรั่งเศสจึงได้เริ่มยิงด้วยกระสุนระเบิด กระสุนเกือบทั้งหมดตกสูงเกินไป มีเพียง 5 นัดตกลงในป้อม และมีการยิงปืนกลจำนวนมากเข้ามาในป้อมอีกด้วย แต่ไม่ทำให้เกิดผลเสียหายอย่างใด การต่อสู้ดำเนินไปประมาณ 20 นาที
19.40 น. หมู่เรือฝรั่งเศสแล่นผ่านสมุทรปราการ
พระยาชลยุทธโยธินทร์ออกคำสั่งไปให้เรือมกุฎราชกุมารและเรือมูรธาฯ จอดรอที่สถานีโทรเลข และได้ออกไปสำรวจความเสียหายที่ป้อมผีเสื้อสมุทร ออกคำสั่งให้เรือทั้งสองลำเร่งความเร็ว เข้ากรุงเทพ เมื่อใกล้ถึงหมู่เรือฝรั่งเศสแล้วให้ดับไฟจนมืด แล้วใช้เรือพุ่งชนให้จมลงให้ได้
พระยาชลยุทธโยธินทร์ได้รีบขึ้นรถไฟเพื่อกลับไปนำเรือพระที่นั่งมหาจักรี เพื่อนำลงมาชนเรือฝรั่งเศสเช่นเดียวกันแต่กระทรวงการต่างประเทศห้ามไว้
20.00 น. เรือทั้งสองถึงตำบลบางคอแหลมได้พบนายพลเรือจัตวา มาในเรือกลไฟสั่งให้งดการดำเนินการตามที่สั่งไว้ เรือทั้งสองจึงจอดทอดสมอ 21.00 น. ผู้บังคับหมู่เรือฝรั่งเศสส่งสัญญาณให้ทอดสมอพร้อมกันที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส
Create Date : 27 มกราคม 2555 |
Last Update : 30 มกราคม 2555 14:37:05 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3529 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
|
 |
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
 |
|
|