|
 |
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
 |
3 กุมภาพันธ์ 2555
|
|
|
|
เหตุการณ์ รศ. 112 (11)

สมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ ผู้ตัดสินพระทัยขอความคุ้มครองจากฝรั่งเศสและตัดความสัมพันธ์กับกรุงเทพ
ม.เดอแวลล์ ได้ยื่นบันทึกทำนองคำขาดเพิ่มเติมให้ไทยยอมรับอีกฉบับหนึ่งความว่า การที่รัฐบาลไทยชักช้าไม่ยอมรับคำเรียกร้องของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ยื่นไปนั้น สมควรที่รัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องทวีข้อมัดจำยิ่งขึ้นฝรั่งเศสจะยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้ จนกว่ากองทหารไทยที่ตั้งมั่นอยู่บนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงจะถอนไปสิ้นและเกิดความสงบเรียบร้อย และไม่ให้เกิดความยุ่งยากขึ้นในบริเวณทะเลสาบรัฐบาลไทยจะต้องไม่รวมกำลังทหารใดๆ ไว้ที่เมืองพระตะบองและเสียมราฐ รวมทั้งเขตที่ตั้งอยู่ในระยะรัศมี 24 กิโลเมตรบนฝั่งขวาแม่น้ำโขง นับแต่ดินแดนเขมรขึ้นไป กับห้ามไม่ให้รัฐบาลไทยใช้หรือให้เรือหรือพาหนะทางเรือใด ๆ ที่ติดอาวุธเดินไปมาในทะเลสาบเขมรและในลำน้ำโขง
รัฐบาลฝรั่งเศสจะสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะตั้งกงสุลไว้ที่เมืองนครราชสีมาและเมืองน่าน เมื่อรัฐบาลไทยรับปฏิบัติตามนี้แล้ว รัฐบาลฝรั่งเศสจะได้เลิกปิดอ่าวทันที
1 สิงหาคม พ.ศ. 2436
พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ อัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสได้แจ้งแก่ ม.เดอแวลล์ว่ารัฐบาลไทยยอมรับคำขาดและบันทึกเพิ่มเติมทุกประการ ม.เดอ แวลล์ จึงได้มีโทรเลขสั่งการไปยัง ม.ปาวี ความว่า
รัฐบาลไทยยอมรับข้อรับประกันเพิ่มเติมที่ฝรั่งเศสเรียกร้องไปตามบันทึก กรมหลวงเทวะวงศ์ก็คงจะได้แจ้งแก่ตัวท่านเองว่า รัฐบาลไทยยอมรับแล้ว เมื่อท่านได้แลกเปลี่ยนสาส์นเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการยอมรับคำขาด และข้อรับประกันเพิ่มเติมกับกรมหลวงเทวะวงศ์เป็นการถูกต้องแล้ว
ให้ท่านแจ้งแก่นายพลเรือฮูมานน์ให้เลิกการปิดอ่าว แต่ให้ยึดปากน้ำและ เมืองจันทบุรีไว้ตามเดิม อนุญาตให้ไปเจ้าหน้าที่ทูตกลับไปประจำที่กรุงเทพได้
3 สิงหาคม พ.ศ. 2436
12.๐๐ น. นายพลเรือตรี ฮูมานน์ผู้บัญชาการกองเรือฝรั่งเศสในอ่าวไทย ยกเลิกประกาศการปิดอ่าว
8 สิงหาคม พ.ศ. 2436
ม.ปาวี ได้โดยสารเรือ อาลูแอตต์ เข้าไปสถานฑูตฝรั่งเศส
9 สิงหาคมพ.ศ. 2436
กองเรือฝรั่งเศสทั้งหมดเดินทางกลับไปไซ่ง่อน คงเหลือแต่เรืออาลูแอตต์ ส่วนเรือลูแตงประจำอยู่กับกองทหารฝรั่งเศสที่ยึดจันทบุรี เรือปาแปงไปรับ ม.เลอมีร์ เดอวิเลร์ส ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการทำสนธิสัญญากับไทยที่สิงคโปร์

นครวัดจำลอง อนุสรณ์แห่งความทรงจำว่าที่นี่นั้นเคยเป็นขอบขัณฑสีมาของไทย
3 ตุลาคมพ.ศ. 2436
ได้มีการทำสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสมีรายละเอียดดังนี้
1.ไทยจะยอมสละกรรมสิทธิ์ทั้งหมดเหนือดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงรวมทั้งบรรดา เกาะ ทั้งหมดที่อาจมีขึ้นเมื่อน้ำลดหรือในบรรดาที่มีมาก่อนแล้วนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของฝรั่งเศส 2.ไทยจะไม่มีเรือรบไปไว้หรือใช้ดินแดนในทะเลสาบหรือลำน้ำที่แยกจากแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการกำหนดกันไว้แล้ว 3. ไทยจะต้องไม่มีค่ายทหารในเขต 25 กม. ตลอดแนวแม่น้ำรวมทั้งพระตะบองและเสียมเรียบ
4. การป้องกันเมือง หรือเขตที่กำหนดในข้อ 3 สามารถทำได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น 5. ไทยและฝรั่งเศสจะทำสัญญาการค้าในเวลา 6 เดือนนับจากนี้และไม่เก็บภาษีระหว่างกัน 6. ในการสร้างท่าเรือหรือกิจกรรมต่างๆ ตามลำแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าฝรั่งเศสร้องขอความช่วยเหลือ เช่น การใช้พื้นที่ไทยจะไม่ปฏิเสธและจะให้ความช่วยเหลือในทันที
7. ไทยจะให้ความสะดวกแก่คนในบังคับฝรั่งเศสในการเข้าออกไปมาในเขตที่ได้มีการกำหนดในข้อ 3 8. ฝรั่งเศสสามารถตั้งกงศุลได้ตามที่เห็นสมควร 9. ถ้ามีความเห็นหรือความเข้าใจที่ไม่ตรงกันในสัญญาฉบับนี้ ให้ถือเอาภาษาฝรั่งเศสป็นหลัก 10. สัญญานี้ให้มีผลบังคับใช้ใน 4 เดือนนอกจากสัญญาดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาความว่า 1. กองทหารกองสุดท้ายของไทยบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงจะต้องถอนออกไป อย่างช้าที่สุดในหนึ่งเดือนนับจากวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2436 2. บรรดาป้อมปราการที่อยู่ในเขตที่ระบุไว้ในข้อ 3 แห่งสัญญาที่ได้ลงนามกัน ในวันนี้นั้นจะต้องรื้อถอนให้หมดสิ้น
3.ผู้เป็นตัวการก่อเหตุร้ายที่ทุ่งเชียงคำและที่คำม่วนนั้น เจ้าพนักงานฝ่ายสยาม จะต้องนำตัวมาพิจารณาลงโทษ ผู้แทนรัฐบาลฝรั่งเศสคนหนึ่งจะมาทำการพิจารณาพิพากษาด้วย รัฐบาลฝรั่งเศสคงสงวนไว้ ซึ่งสิทธิที่จะเห็นชอบด้วยถ้าไม่เห็นชอบด้วยแล้ว จะได้ร้องขอให้มีการพิจารณาคดีนั้นโดยศาลผสม ซึ่งฝรั่งเศสเป็นผู้จัดการตั้งตุลาการ
4. รัฐบาลสยามจะต้องส่งมอบบรรดาคนในบังคับฝรั่งเศส คนญวน คนลาวที่อยู่ทางฝั่งซ้าย รวมทั้งคนเขมรที่จับกุมเอาไว้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ตามที่ราชฑูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพ จะได้กำหนด หรือส่งมอบให้แก่เจ้าพนักงานฝรั่งเศสประจำพรมแดน รัฐบาลสยามจะไม่ทำการขัดขวางการเดินทางกลับถิ่นเดิมของผู้คนที่เคยอยู่ทางฝั่งซ้าย
5. ผู้แทนเสนาบดีว่าการต่างประเทศคนใดคนหนึ่ง จะต้องนำบางเบียนแห่งทุ่งเชียงคำ และพรรคพวกพร้อมทั้งเครื่องอาวุธและธงฝรั่งเศส ซึ่งเจ้าพนักงานฝ่ายสยามยึดคร่าไว้นั้น มาส่งมอบให้สถานฑูตฝรั่งเศส
6. รัฐบาลฝรั่งเศสจะคงยึดครองเมืองจันทบุรีไว้จนกว่ารัฐบาลสยามจะได้ปฏิบัติตามนัย แห่งอนุสัญญานี้แล้ว เช่นการถอนทหารกลับมาเสร็จสิ้นแล้ว และมีความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นแล้ว ทางฝั่งซ้ายและในเขตที่ระบุไว้ในข้อ 3 แห่งสัญญาที่ได้ลงนามกันในวันนี้
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการยึดครองเมืองจันทบุรีที่ต่อเนื่องยาวนานไปอีกหลายปี นำไปสู่การสูญเสียดินแดนฝั่งตรงข้ามกับหลวงพระบางและจำปาศักดิ์ ก่อนที่ฝรั่งเศสจะถอนกำลังไปยึดครองเมืองตราด ที่ไทยต้องแลกกลับมาด้วย ดินแดนเขมรส่วนในอันประกอบไปด้วยพระตะบอง เสียมเรียบและศรีโสภณ
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 11:31:12 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2210 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
|
 |
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
 |
|
|