Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
26 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 

ปีนี้มีหนุ่มมาเวียนเทียนด้วย แถมหนุ่มที่ว่า เพิ่งเจอกันบนรถใต้ดินแล้วชวนไปก็ไปซะด้วย

อย่างที่บอกในบล็อคที่แล้ว

ไม่ชอบเลยกับการไปปิ๊งหนุ่ม หมดเปลืองพลังงาน แถมหนุ่มน้อยฝรั่งที่ว่า ดั๊นแต่งงานแล้ว


ว่าออฟฟิศมีฝรั่งมาประชุมแล้วก็อยู่กันเป็นเดือน ๆ
เมื่อวานวันมาฆบูชา
เราเนี่ย
เบื่อวัดแถวบ้านแล้วที่เราไปเวียนกับป๊า ม้าทุกวันพระใหญ่
เลยถามชาวบ้านในออฟฟิศว่าเค้าไปเวียนไหนกัน
ส่วนใหญ่คือไม่เวียน
ส่วนที่เวียนก็ไกลบ้านเราแต่ใกล้บ้านพวกเค้าทั้งนั้น
ไม่สามารถจะไปเวียนแจมได้

แล้วทีนี้
ตอนเย็น
เราก็บ่นให้พี่ผู้หญิงในออฟฟิศคนนึงฟัง
ซึ่งทุกทีเลิกงานปุ๊บเค้าต้องรีบไปรับลูกแล้ว
แต่พอดีวันนี้ลูกสอบเลยไม่ต้องรับเค้าก็นั่งโต๋เต๋อยู่ในออฟฟิศจนถึงเย็น
ไอ้เราก็ไปวิ่งสวนลุมมาก่อนแล้วก็แวะแซวพี่เค้า
แล้วก็บ่นให้พี่เค้าฟังว่า
เนี่ย
หรือเราจะต้องไปเวียนคนเดียวเนี่ย
ดูสิ
เซ็งเนอะ
คนโสดเนี่ย
ทำอะไรเองคนเดียวหมดเลย
ทำมาหมดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น
ดูหนังคนเดียว
เที่ยวเมืองนอกคนเดียว
ดูคอนเสิร์ตคนเดียว
ล่าสุดกิน MK คนเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันเขินสุดก็ทำมาแล้ว
แล้วนี่อะไรเนี่ย
เวียนเทียนคนเดียว
มันจะเปลี่ยวเกินไปแล้วมั้ง





พี่เค้าก็ปลอบว่า
เอาน่ะ
ลองเวียนคนเดียวดูซักปีมั้ย
เผื่อปีหน้าจะได้ไม่ต้องเวียนคนเดียวแล้วไง
เราก็เซ็ง ๆ ๆ
ก็เอาวะ
แต่จะเอาจริงเหรอ เวียนคนเดียว
ดูเหงาไปรึเปล่า
พี่เค้าก็รำคาญ
เออ ๆ พี่ไปด้วยก็ได้
เย่

เราก็นั่งรถใต้ดินไปเวียนวัดใกล้ ๆ ออฟฟิศกัน
ตอนลงใต้ดินก็ป๊ะกับหนุ่มฝรั่งที่มาโครงการนี้
จริง ๆ ไม่ใช่ฝรั่งหรอก
เป็นหนุ่มเกาหลี (ที่ไม่ได้หล่อเหมือนพระเอกซีรี่ย์) สัญชาติเมกันที่พี่ที่ออฟฟิศเราดีลงานกับคนนี้อยู่
ก็เลยทักทายกันนิดหน่อย
เค้ากำลังจะไปหาข้าวกันอีกสถานีนึง
เราก็เล่าให้เค้าฟังว่าเรา 2 คนกำลังจะไปเวียนเทียนอีก 2 สถานี
แล้วพี่ที่มาด้วยก็ชวนมาไปด้วยกันมั้ย
เค้าก็เลยโอเค เซย์เยส ติดตามมาด้วยอีก 1 หน่อ





คิด ๆ ไป
มันเป็นเหตุบังเอิญอยู่เหมือนกันเนอะ
ถ้าเรามาเร็วหรือช้ากว่านี้เพียง 1 นาที
เราก็จะไม่เจอเค้ารอรถ
จังหวะเวลามันพอดีกันดีจริง ๆ

เราก็ถามเค้าว่านับถือศาสนาอะไร
เค้าก็บอกว่าไม่มีศาสนา
เราว่าคนเมกัน คนยุโรป รวมถึงคนเอเชียรุ่นใหม่สมัยนี้เป็นแบบนี้กันเยอะนะ
คือไม่มีศาสนา
เชื่อในตัวเองเป็นหลักหรือเหตุผลอะไรก็ว่าไป
ซึ่งเค้าก็โอเคนะ ชวนไปก็ไป ใจง่ายดี

ตรงแถววัดนี้ทำไมมีดูดวงไพ่ยิปซีตั้งโต๊ะกันเยอะจัง
อยากดูเหมือนกันนะ ไม่ได้ดูนานมากแล้ว
พี่ที่ออฟฟิศถามว่า
ทำไม
จะถามหมอดูเหรอว่าไอ้ที่ตามมาเวียนด้วยเนี่ยใช่เนื้อคู่รึเปล่า
กรี๊ดดดด
ม่ายช่ายยยยย





พอเวียนเสร็จก็ได้คุยกับเค้าตอนหาอะไรกินแถวนั้นเหมือนกัน
เค้าบอกว่าเค้าเกิดที่เกาหลีแล้วย้ายไปอยู่เมกาตั้งแต่อายุ 15
ดังนั้น ภาษาอังกฤษเค้าก็จะไม่อเมกันจ๋าเหมือนพวกที่เกิดที่โน่น
แต่ก็ดีนะ พูดได้ทั้งเกาหลีกับอังกฤษคล่องทั้ง 2 ภาษา


เค้าเคยย้ายไปประจำที่เกาหลีบ้านเกิดเค้า 2 ปีด้วย
พอคนเกาหลีที่ทำงานด้วยเห็นว่าเค้าโสด
ก็จะแนะนำลูกสาว หลานสาวให้มาเดทกับเค้ากันใหญ่เลย
แต่เค้าก็บอกนะว่า
ตอนเค้าอยู่เมกา คนเมกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าเป็นคนเมกัน
พอมาอยู่เกาหลี คนเกาหลีก็ไม่รู้สึกว่าเค้าเป็นคนเกาหลี
น่าสงสารเหมือนกันนะ
ที่ไม่ belong เป็นคนที่ไหนเลย

แล้วเค้าก็เล่าที่เค้าไปเดทให้ฟังว่า
ผู้หญิงเกาหลีน่ะ
ส่วนใหญ่จะถามเค้าว่าเค้ามีรถรึเปล่า
เค้าก็บอกว่าไม่มี
จริง ๆ มี แต่อยู่เมกา พอย้ายมาเกาหลี 2 ปีก็ไม่ได้เอามาด้วย
เพราะโซลก็เหมือนกรุงเทพนั่นแหละ รถติดจะตาย
แล้วรถไฟฟ้าใต้ดินของเค้าสะดวกจะตาย
มีตั้ง 9 สาย เป็นร้อยสถานีตัดกันหมดทั้งโซลและเมืองใกล้เคียง
แล้วเค้าจะขับรถเพื่อมาติดบนท้องถนนทำไม เสียเวลา





แต่ผู้หญิงเกาหลีก็จะไม่ชอบผู้ชายที่ไม่มีรถ
เราว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงเกาหลีอย่างเดียวหรอกมั้ง
มาเดทกับสาวไทย สาวคงอยากเห็นเหมือนกันว่าหนุ่มเค้าขับรถยี่ห้ออะไร
ซึ่งเราว่ามันเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกนักนะ
หนุ่มบางคนเค้าก็ไม่อยากทุ่มเงินไปกับรถ
แล้วรถไฟฟ้าก็มี แม้ว่าจะสั้นจุ๊ดและลำบากหน่อยก็เหอะ

ด้วยค่านิยมที่ผิดแบบนี้
แฟนเก่าเพื่อนของเพื่อนเราเอง
บ้านโทรมมาก ไม่เคยซ่อมบ้านเลย
หลังคารั่ว ฝ้าก็รั่วทั้งข้างบน ข้างล่าง ประตูบ้านพัง ห้องน้ำชักโครกก็รั่วและแตกผุพัง
หน้าบ้านก็เก็บของเหมือนขยะล้นออกมาจนจอดรถในบ้านไม่ได้
เค้าก็ยังทนอยู่ได้
แล้วก็ให้พ่อแม่ตัวเองอยู่กับบ้านกับสภาพแวดล้อมเลวร้ายแบบนั้นทั้งวัน
แต่เปลี่ยนรถป้ายแดงโชว์สาวเป็นว่าเล่น
เปลี่ยนสาวไม่ซ้ำหน้า
แต่แทบไม่เคยให้สาวมาบ้านนะ
เพราะสภาพบ้านมันแย่เกินกว่าบ้านที่ไม่มีคนอยู่ซะอีก





หนุ่มเกาหลีคนนี้เลยบอกว่า
ชั้นบอกผู้หญิงว่าไม่มีรถดีกว่า ดูซิว่าเค้าจะคบชั้นต่อรึเปล่า
แต่ส่วนใหญ่ก็คือไม่
ก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันอะไรผิดปกติรึเปล่าวะ
อายุ 33 แล้ว หน้าที่การงานก็ดี แต่ทำไมยังโสด
ไอ้หนุ่มลูกครึ่งเมกันเกาหลีที่เราปิ๊งที่เวิ่นเว้อไปบล็อคที่แล้ว
อายุ 25-26 มันยังแต่งงานมาเป็นปีแล้วเลย
เพราะจะอ้างว่าเป็นเอเชียก็คงจะไม่ใช่
เพราะคนเอเชียในเมกาก็เยอะแยะ

แล้วมันก็ถามว่าเราอายุเท่าไหร่
มันก็คงอีกว่าทำไมเรา 30 แล้วยังโสด
เอิ่ม
สถานการณ์ประเทศชั้นกับประเทศแกไม่เหมือนกันนะ
รู้มั้ยว่าอัตราส่วนระหว่างผู้หญิงแท้กับผู้ชายแท้ในเมืองไทยเป็นเท่าไหร่
ชั้นว่าอย่างน้อย 10 ต่อ 1 นะ
ชั้นไม่อยากไปต่อสู้กับผู้หญิงอีก 9 คน
ชั้นอยู่โสด ๆ ของชั้นแบบนี้ก็สบายดีนะ





ได้ฟังดังนั้น
มันทำหน้ากรุ้มกริ่มแล้วบอกว่า
เดี๋ยวมันขอทำเรื่องย้ายมาประจำเมืองไทยมั่งดีกว่า ฮา ๆ
แต่ยูต้องดูให้ดีนะว่าหญิงที่ยูเห็นน่ะ
หญิงแท้หรือหญิงเทียม
มันก็บอกเหมือนกันว่า
เออ
ทำไมเมืองไทยมี ladyboy เยอะจัง
ก็ถามว่าแล้วยูแยกออกรึเปล่าล่ะ
เค้าก็บอกว่า
ถ้าสูง ๆ แล้วดูสวยเกินจริง
เค้าจะสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ามีอะไรผิดปกติ
หรือถ้าเค้าเข้ามาหาไอก่อน ก็ต้องมีอะไรผิดปกติ

อ้าว
ก็เพื่อนฝรั่งข้าง ๆ บอกชั้นเองนะ
ว่าถ้าปิ๊งหนุ่มเมกันเนี่ย
ยูห้ามอายนะ
ถ้าอาย เค้าไม่รู้นะ
ยูต้องเป็นคนรุกเข้าไปเลย
เช่น
เฮ้ ชั้นชื่อนี้นะ ไปกินกาแฟกัน
ประมาณนี้





แล้วเพื่อนของเพื่อนก็เล่าเหมือนกัน
คือเค้าไปปิ๊งหนุ่มเมกันที่เจอกันที่วิลล่า
อีเพื่อนหนุ่มเมกันบอกเลยว่า
เดี๋ยวชั้นจดชื่อซอสที่คนเมกันชอบกินแต่หายากหน่อยให้ยูนะ
แล้วยูเอาไปให้คนนั้นหาให้
พอหาเจอนะ ก็ขอบคุณแล้วบอกว่าถ้าไม่ได้ยู ไอคงไม่ได้ซอส
ไปกินกาแฟกัน
นั่น เอางั้นเลยนะ

เราก็บอกว่า
เอิ่ม เราไม่กล้าหรอก หญิงไทยใจงาม
ได้แต่ปลื้มแล้วก็กรี๊ดอยู่ในใจ เจอหน้ากัน แค่จะมองให้เต็มตาก็เขินจะแย่
ให้คุยด้วยหรือชวนไปกินกาแฟคงไม่ไหว
อีฝรั่งข้าง ๆ มันเลยบอกว่า ยูถึงโสดอยู่จน 30 นี่ไง ชิ!





แล้วก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้หนุ่มเกาหลีที่ไปอยู่เมกามาเกินครึ่งชีวิตให้ฟัง
ฮีบอกว่าไม่จริงนะ
ผู้หญิงเมกันเวลาชอบใครก็ค่อยมีใครมารุกก่อนนะ
อาจจะมีมองตากันบ้าง แต่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาก่อน
นั่น ทฤษฎีที่ไอ้หนุ่มเมกันสอน 2 คน มันไปเอามาจากไหนวะ
ดีนะไม่เอาไปทำ ฮา ๆ

พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ขอเม้าหน่อยนะ
เป็นวันที่เรากินข้าวช้าที่สุดในชีวิตและรู้สึกว่าเวลาพักกินข้าวเที่ยงมันนานช้าที่สุดในชีวิต
พอดีว่าวันนี้เนี่ย
เรากินข้าวคนเดียวที่โรงอาหาร
ทุกทีจะมีกลุ่มกินข้าว
แต่วันนี้เค้าต้องไปประชุมเลยหายกันไปหมด
เราก็นะ
กินคนเดียวก็ได้
ดี จะได้มองหนุ่มที่แอบปิ๊งด้วย เผื่อจะกินในนั้น
หรือเค้าเดินผ่านจะได้เห็นด้วย
ไม่ต้องมองมั่ง ไม่มองมั่งให้คนในกลุ่มเค้าจับได้ว่าชอบหนุ่มคนนั้น
เลยเลือกที่นั่งติดหน้าต่างแต่มันเป็นโต๊ะใหญ่





แล้วทีนี้
ยังไม่ทันจะนั่งเล้ย
เสือกเจอหนุ่มคนนึงที่เราอยู่ในทีมที่ดีลงานด้วย แต่มันไม่ต้องดีลกับเรา
แม่ง ไม่รู้เป็นบ้าไร ตูไปที่ไหนก็จะเจอแต่หน้ามัน
ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากเจอเล้ย
มาถามก่อนเลยว่าวันนี้มาคนเดียวเหรอ
นั่งตรงไหน
ขอนั่งด้วยคนนะ
โห่
ตู
ทำไงดีวะ
กะจะนั่งเปลี่ยว ๆ ส่องหนุ่มอยู่คนเดียวอย่างสบายใจซะหน่อย
ดันไม่เปลี่ยวซะละ
จะไม่ให้มันนั่งก็ไม่ได้
เลยเอาวะ
นั่งด้วยก็ได้ แต่ไม่นั่งตรงกันนะ บังวิวตูหมด เดี๋ยวหนุ่มคนนั้นเดินผ่านมาแล้วมองไม่เห็น นั่งเยื้อง ๆ กันเพราะโต๊ะมันนั่งได้ 6-7 คน





แล้วทีนี้
ทีมมันมา
มีแต่แก่ ๆ ผิวสีอีกต่างหาก
นั่งดำทะมึนเต็มโต๊ะ
มีตูเป็นอาหมวยผิวขาวหยวกอยู่คนเดียว
จะหนีก็ไม่ได้

คิดดูสิ
ทั้งชั่วโมงนั้นน่ะ
กว่าเราจะกินข้าวได้แต่ละคำ
แล้วต้องนั่งกับใครก็ไม่รู้ไม่รู้จัก
เค้าก็ไม่ได้คิดจะรู้จักเรา แต่เราก็ไม่คิดอยากจะทำความรู้จักกับพวกเค้า
จะลุกหนีไปนั่งที่อื่นก็กลัวจะเสียมารยาท
แล้วอีกอย่าง
โต๊ะติดหน้าต่างดั๊นมีโต๊ะเดียว
ถ้าไปนั่งที่อื่นก็จะไม่เห็นหนุ่มที่ปิ๊งเดินผ่าน
เพราะวันนี้สายรายงานว่า หนุ่มคนนั้นใส่เสื้อลายสก๊อตน่ารักมากถึงมากที่สุด
โอย
อยากจะเห็นใจจะขาด (เอ๊ะ ได้ข่าวว่าหนุ่มคนนั้นแต่งงานแล้วนี่หว่า)
สุดท้าย
ช้ำใจมาก
หนุ่มที่ว่าก็ไม่เห็น
ทั้ง ๆ ที่ทนนั่งอยู่ 1 ชั่วโมงพักเที่ยง
เซ็งและช้ำใจเป็นที่สุด โฮ ๆ





แล้วเม้าอีกเรื่อง
พูดถึงหนุ่มที่ปิ๊งจากบล็อคที่แล้ว
คือเค้ายังไม่บินกลับล่ะ
แต่จะกลับภายในวัน 2 วันนี้
เมื่อวาน
ไม่รู้ว่าเค้ากลับวันไหน
แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อย
แล้วปรึกษาชาวบ้านแล้วว่าขอถ่ายรูปผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย
เราก็ไม่ได้เจอเค้าอีก
แล้วเค้าก็เป็นฝรั่ง เค้าไม่คิดอะไรหรอก

นั่งรอที่โรงอาหารจนเห็นว่าเค้าจะเดินกลับออฟฟิศคนเดียว
ก็รวบรวมความกล้าที่สะสมมาตลอดเสาร์ อาทิตย์
เดินตามหลังน้องเค้าไป
แล้วถามว่ายูบินกลับวันไหนเหรอ
หน้ายูออกเอเชีย ยูเป็นลูกครึ่งเอเชียรึเปล่า
เค้าก็บอกว่าเป็นลูกครึ่งเกาหลี
โอ้ว
เกิดมาเพิ่งเคยเห็นลูกครึ่งเกาหลีหน้าหวานและหน้าตาดีขนาดนี้
ทุกทีที่เห็นลูกครึ่งหน้าตาดีคือครึ่งญี่ปุ่น ไม่ก็ครึ่งเวียดนาม
อันนี้พูดในใจนะ
ในมือเราถือมือถือกำลังจะขอเค้าถ่ายรูป
ปรากฎว่า
เพื่อนมันอีก 3-4 คนเดินตามหลังมาถึงพอดี
โห่
อดเลยตู
ก็เลยโอเค บาย





จังหวะไม่ได้จริง ๆ
เราไม่อยากขอถ่ายรูปเวลากลุ่มมันอยู่ง่ะ
อยากขอถ่ายตัวต่อตัว เราจะได้ไม่เขิน แล้วเค้าก็อาจจะไม่เขิน
แต่เพื่อนบอกว่า
จริง ๆ เพื่อนมันมาก็น่าจะขอถ่ายนะ
จะได้ให้เพื่อนมันถ่ายให้
โห่
ใครจะไปกล้า อยู่ดี ๆ โผล่มาตั้งหลายคน แล้วชายล้วนอีกต่างหาก
โอย

แค่มีอยู่วันนึงที่จะต้องเอาเอกสารไปที่ออฟฟิศพวกมัน
เปิดประตูเข้าไป ผลัวะ! ฝรั่งชายล้วนประมาณ 30 คนนั่งประชุมหันกลับมามองเราเป็นตาเดียว
โอย
ณ จุดนั้น สวย ไม่สวยก็แทบจะละลายกองลงไปกับพื้นเลยจ้า 555





เล่าให้เพื่อนฝรั่งในออฟฟิศที่นั่งข้าง ๆ กันฟัง
ฮีขำมากแล้วบอกว่า
ตอนหนุ่ม ๆ ทุกคนหันมามอง
ยูไม่แนะนำตัวเลยล่ะ ว่ายูชื่ออะไร แล้วต่อท้ายว่ายังโสดนะ ก๊าก ๆ
ใครจะไปกล้าวะ
แค่จะทำหน้ายังไงตอนเจอสายตา 30 คู่ที่มองมายังยากเลย
นี่ขนาดหนุ่มพวกนั้นอ่อนกว่าชั้นนะเนี่ย
ถ้าทั้งหมดนั่น อายุเท่าชั้น ชั้นคงแย่กว่านี้นะ ฮา ๆ


แต่พี่คนที่ไปปฏิบัติธรรมกลับมาบอกว่า
ปิ๊งหนุ่มที่แต่งงานแล้ว ๆ จะไปขอถ่ายรูปกับเค้าเนี่ย
จะถ่ายไปทำไม เพื่ออะไร
จะเอาไปเพ้อดูก่อนกินข้าววันละ 3 เวลาหรือยังไง
มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะเค้าแต่งงานแล้ว
แล้วเค้าก็มาเมืองไทยแค่เดือน 2 เดือนแล้วเค้าก็กลับ
แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต
ยิ่งได้รูปมา นั่งสมาธิก็ยิ่งคิดถึง ไม่มีสติ
ไม่เหนื่อยเหรอไง นั่งวิปัสนาปวดขาเป็นชั่วโมง ๆ แล้วไม่ได้ปัญญา แต่ได้แต่ไอ้หน้าหนุ่มน้อยคนนั้นน่ะ





โห
เจ็บอ่ะ
ฟังแล้วตื่นเลย
เออ
เอาวะ
ไม่เอาแล้วก็ได้
ได้รูปมาก็เท่านั้นอ่ะ
เอามาทำไม?
เอาเค้าเข้ามาในจิต แล้วก็ต้องนั่งใช้ไฟเตโชเผาเค้าออกจากจิตอีก
ไม่รู้ว่าเผานานอีกกี่วัน กี่เดือนถึงจะหมดความหลง
ไม่เหนื่อยเหรอไง
เอาพลังงานไปเผาอย่างอื่นที่สั่งสมอยู่ในสังขารไม่ดีกว่าเหรอ

เฮ้อ
ความหลงนี่มันมีอนุภาพร้ายแรง น่ากลัวดีจริง ๆ


มีภาคต่อด้วยนะ ยังเวิ่นเว้อไม่จบไม่สิ้น


เราคงไม่ต้องการรอยยิ้มในมือถือก่อนจากกันไปตลอดกาลแล้วล่ะ เพราะรอยยิ้มของเค้าก็ติดอยู่ในใจเราไปเรียบร้อยแล้ว

และ
น้องเค้าต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราแน่เลย ถึงทำให้เราลุ่มหลงไม่เลิกขนาดนี้

รวมถึง
มีดบาด...ไกลหัวใจ แต่ทำไมมันเจ็บไปถึงหัวใจ T-T




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2556
2 comments
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2557 8:56:01 น.
Counter : 6219 Pageviews.

 

จริงๆเลยอ่ะ เจอแล้วก็อยากมีรูปนู้นนี้นั้น ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีโอกาส ถึงได้รูปมาก็เท่านั้น มันก็ร้อนรุ่มในจิตใจอยู่ดี ฮ่าๆๆๆ มาอัพบ่อยๆนะครับ

 

โดย: davidchung IP: 101.108.97.204 26 กุมภาพันธ์ 2556 16:21:07 น.  

 

ชอบที่เจ้าของบล๊อคเขียนเล่าเรื่อง แล้วจะได้ถ่ายรูปกับเค้าไหมน้อ

 

โดย: แฟนlinKinPark 27 กุมภาพันธ์ 2556 0:57:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.