Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
23 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
ไม่ชอบเลยกับการไปปิ๊งหนุ่ม หมดเปลืองพลังงาน แถมหนุ่มน้อยฝรั่งที่ว่า ดั๊นแต่งงานแล้ว

เอิ่ม
เอนทรี่นี้เล่นเอาเรียบเรียงไม่ถูกเลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้เราลุกขึ้นมาเขียนบล็อคตั้งแต่ 6 โมงเช้าวันเสาร์ ที่เราไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้ในวันหยุดของเรา นั่งพิมพ์ ๆ ๆ ๆ จนหมดใจถึงบ่ายนี้ก็คือ
temptation ของการไปแอบชอบหนุ่มน้อยฝรั่งคนนึง ที่มารู้ที่หลังว่าเค้าแต่งงานแล้ว แง้ว
น้องคะ น้องอายุแค่ 25-26 เอง ทำไมรีบแต่งจังคะ ไม่รอพี่เลย 555

คนอาจจะงงว่า temptation คืออะไร
เอาคำแปลมาให้อ่านดีกว่า

Temptation is the desire to perform an action that one may enjoy immediately or in the short term but will probably later regret for various reasons: legal, social, psychological (including feeling guilt), health-related, economic, etc. In the context of religion, temptation is the inclination to sin.

คือภาษาไทยมันไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรให้ได้ดั่งใจอ่านะ ไม่ได้กระแดะ
มันเหมือนสิ่งที่เราทำมันผิด แต่เราก็ยังอยากจะทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุข แม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น และสุดท้ายแล้วมันก็เป็นผลเสียกับเรา และทำให้เรารู้สึกผิด ประมาณนั้น
น่าจะเรียกว่าความลุ่มหลง หรือ หลงผิดก็น่าจะได้นะ
อารมณ์ว่าเลือกทำในสิ่งที่ถูกใจ มากกว่า สิ่งที่ถูกต้อง





เรื่องของเรื่องก็คือ
เอ...จะเขียนยังไงให้มันไม่โยงเข้าออฟฟิศจริง ๆ ของเราได้หว่า
กลัวคนที่ทำงานมาอ่านแล้วรู้จังเลย ฮา ๆ

คือทุกปีเนี่ย
จะมีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ฝรั่งร่วมร้อยคนมาทำงานแลกเปลี่ยนความรู้กับประเทศเรา
เค้าจะมากันประมาณ 1-2 เดือน
ส่วนใหญ่หนุ่มน้อยพวกนี้จะทำเกี่ยวกับดูแลระบบคอม
แต่จะมีไปในออฟฟิศหลาย ๆ ที่ตามต่างจังหวัดด้วย
พวกสาวโสดอย่างพวกเราก็จะได้กระชุ่ม กระชวย กรี๊ดกร๊าดกันก็ช่วง 1-2 เดือนนี้แหละ
ที่จะได้เห็นหนุ่มน้อยเดินเพ่นพ่านในกันออฟฟิศ
หนุ่มใหญ่พวกหัวหน้าก็มีนะ แต่พวกเราไม่ได้โฟกัส
โฟกัสแต่พวกเด็ก ๆ
แล้วพวกเด็ก ๆ เนี่ย หุ่นล่ำ ๆ ทั้งน้านนน...
ถ้าในออฟฟิศมีกระเทย เก้ง กวาง ก็ไม่ต้องทำงานอ่ะ
ขนาดผู้หญิงอย่างพวกเรายังส่องแล้วส่องอีก ฮา ๆ
แบบรูปนี้เลย แต่ไม่ได้ถอดเสื้อเท่านั้นเอง แผล็บ ๆ





คือปีอื่นจะมีนะแต่อยู่ออฟฟิศเราน้อย
ปีนี้นี่ เห็นต่ำ ๆ ก็ 30-40 คนเลยนะ ละลานตามาก
แต่ไม่กล้าโฟกัสใคร มันอยู่เป็นกลุ่ม
ใครจะกล้ามองเนอะ สาวไทยใจงาม (มิน่าเลยโสดถึงทุกวันนี้)
เวลาเดินผ่านก็ไม่กล้ามองซักคนเลยนะ
แหม เขินจะตาย เราคนเดียวเดินผ่านมันมาเป็นฝูง
ได้แต่ก้มหน้างุด ๆ

จะมีบ้างที่ต้องไปดีลงานกับหัวหน้าในออฟฟิศนั้น
แต่ก็ไม่กล้ามองอ่ะ มันเยอะ เลยได้แต่โฟกัสเดินไปหาคนที่เราต้องดีลงานด้วย
คุยงานจบก็รีบเดินกลับ
เขิน
กลัวจะละลายอยู่ออฟฟิศนั้น (แหม สวยนักนี่หล่อนน่ะ ได้ข่าวว่าบล็อคที่แล้วเพิ่งจะเขียนว่าน้ำตาไหลเพราะมีคนชมว่าสวยเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่เกิดมาไม่ใช่เหรอ ฮา ๆ)





แล้วหลายวันก่อน
เราเดินผ่านหนุ่มคนนึง เค้าเดินมาคนเดียว
หน้าตาออกเอเชีย เราว่าน่าจะเป็นลูกครึ่งนะ หน้าออกเอเชียแต่จมูกโด่งมาก และโครงสร้างสูง ใหญ่แบบฝรั่งเลย
โหย
ปิ๊งมากกกก
แบบว่าตกหลุมรักเลย

บอกก่อนว่าที่ทำงานเรา เราดีลงานกับฝรั่งเป็นหลักก็จริง
แต่เราไม่ชอบฝรั่ง
หนังฝรั่งเรายังไม่ชอบดูเลย
รู้สึกว่าวัฒนธรรมมันไม่ใกล้เคียงกันเลย
พวกฝรั่งส่วนใหญ่เป็นคนไม่มีศีล กินเหล้ากันแทนน้ำ แบบว่าไม่อยากได้
แล้วฝรั่งที่เราดีลก็ไม่ใช่เด็ก ๆ เป็นระดับหัวหน้าอายุ 40 อัพ มีลูกมีเมียแต่งงานกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบไปแล้ว
เราก็เลยไม่ได้สนใจเลย
แล้วพวกเด็ก ๆ ที่มาแต่ละปี
ก็มองพอสนุก ๆ ไม่เคยปิ๊งเลยให้ตายสิ

แต่หนุ่มออกเอเชียคนนี้
แบบว่า...ปิ๊งมากมาย
ก็ได้แต่กรี๊ดแล้วก็เล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง ไม่กล้าเข้าไปคุยหรือทำความรู้จักอะไรหรอก
ดีแต่ปากน่ะ พูดว่าเดี๋ยวจะอย่างนู้น เดี๋ยวจะอย่างนี้ให้ดู
สุดท้าย เจอหน้าก็ยังไม่กล้าจะมองเต็มตา เรื่องจะคุยนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางเกิดขึ้น ฮา ๆ





คืออธิบายหน้าน้องเค้ายังไงดีหว่า
เอาเป็นดาราที่เราชอบตั้งแต่เด็กเลยดีกว่า
คือเราเป็นคนชอบผู้ชายเอเชียหน้าหวานน่ะ
ตั้งแต่เด็กมัธยมเนี่ย
แต่ก่อนไม่มีเกาหลีใช่มั้ย
เราชอบดาราฮ่องกง 2 คนคือ
เฉินเสี่ยงตง











ดูหนังเกือบทุกเรื่องที่เค้าเล่นเลยนะ

แล้วก็ หลินจื้ออิง ก็ชอบมาก








ต่อมาสมัยเรียนมหาลัย
ชอบหนุ่มคนนึง
หน้าหวานมาก
เพิ่งมารู้ว่าเค้าก็เป็นดารานี่หว่า
คือ บุ้ง ณัฐชาติ ชั้นกาญจน์







แล้วตอนทำงาน
เกาหลีเริ่มมาแรงก็มาชอบน้อง Lee Hong Ki วง FT Island










คราวนี้
พอจะเดาหน้าตาหนุ่มคนนั้นออกรึยังว่าประมาณไหน

แล้วเราก็เล่าขำ ๆ ให้พี่ฝรั่งผู้ชายที่เค้าเป็นหัวหน้าโครงการนี้แล้วก็แวะมาออฟฟิศเราบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ต้องบินมาเมืองไทย ปีละหลายครั้งให้ฟัง
เค้าก็ไปสืบมาให้นะ
เค้าก็ sms กลับมาว่า
ชื่อนี้ นามสกุลนี้ แล้วลงท้ายว่า married :(





โอ้โห
เซ็งเลยทีเดียว
แต่ไหน ๆ ก็ได้ชื่อ นามสกุลแล้ว ขอ search ดูหน่อยดีกว่า
ก็เจอ facebook เค้านะ
แต่เค้าล็อคไว้ทุกรูปเลย
รูป profile ก็ไม่ชัด เพราะถ่ายย้อนแสงมืด ๆ แต่เห็นและว่าเป็นรูปคู่
โดนด่าเลยว่า
ยูทำเป็น Stalker นะเนี่ย
Stalker คืออะไร
มันก็คือสิ่งที่เราทำอยู่เนี่ยแหละ
คือการไปล้วงค้นข้อมูลคน ๆ นั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว
แล้วก็แอบดูเค้าตลอดเวลา
รู้หมดว่าเค้าทำอะไร กินอะไร นู่น นี่ นั่น
อ้าว
ก็เราชอบของเรา เราก็อยากรู้สิว่าเค้าเป็นใคร มาจากไหน ยังไง




ถามว่าจนน้องเค้าจะกลับประเทศแล้ว
ได้คุยกันมั้ย
โถ่
อย่าว่าแต่คุยเลย
แค่ได้บังเอิญเดินผ่านให้เห็นหน้ากัน ยังไม่มีจังหวะนั้นทุกวันเลย
วันนั้นเราโชคดีมากที่ได้เดินผ่านเค้าแบบตัวต่อตัว
แต่ก็เป็นโชคร้ายของเราที่ต้องมามี temptation แบบนี้

เราไม่ชอบอาการ in love เลย
มันทำให้เราหมดเปลืองพลังงาน
แต่มันทำให้เราอารมณ์ดีได้ทั้งวันแม้ว่างานจะเยอะ
แต่สติในการทำงานกลับไม่มี มีแต่อารมณ์ดีเท่านั้น





คือเราเป็นคนเยอะ
เวลา in love เราก็จะเยอะ
เยอะตั้งแต่...

เรานอนไม่หลับเลยตอนกลางคืน
เราเป็นมาร่วมอาทิตย์แล้วตั้งแต่เราเจอหน้าน้องเค้า
กว่าจะหลับได้ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง
จะนั่งสมาธิ หน้าน้องก็ผุดขึ้นมาอยู่นั่นทั้งชั่วโมง
จะอ่านหนังสือให้ง่วง ก็ไม่มีสมาธิ เห็นแต่หน้าน้องเค้า ตัวหนังสือที่สายตาไล่ผ่านไม่ได้เข้าหัวเลยซักประโยค
จะฟังเพลงก็อินเกี่ยวกับเพลงแอบรัก
จะข่มตานอน พอหลับตาก็มีแต่ภาพอากัปกิริยาน้องเค้าที่เดินผ่านกันแต่ช่วง 10 วินาที
เฮ้อ





แล้วอีกอย่างที่เหนื่อยคือ
ข่มตาหลับแต่ละคืนก็ว่ายากแล้ว
ดันฝันถึงน้องเค้าทุกคืนด้วย ย้ำ ทุกคืน ตั้งแต่วันแรกที่ได้เดินผ่านน้องเค้าจนถึงวันนี้ก็อาทิตย์กว่าเข้าไปแล้ว
ตื่นมาตาโบ๋พาร่างไร้วิญญาณไปทำงานทุกวัน

แล้วไม่ได้ฝันได้คุยกับน้องเค้าสมใจนะ
แค่มองน้องเค้าไกล ๆ เนี่ยก็มีแต่คนเดินมาขวาง
พออยากจะเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ ก็ต้องมีคนเดินมาชวนคุยระหว่างทางให้หลุดความสนใจจากน้องเค้า
เป็นแบบนี้ตลอด ทุกคืน
เหมือนจิตใต้สำนึกจะรู้ว่ามันไม่ควรเพราะในฝันก็รู้นะว่าน้องเค้าแต่งงานแล้ว
แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วก็ข่มใจบอกตัวเองว่า
เป็นห่านอะไรนักหนาวะ เจอแค่ 10 วินาที แถมเค้ายังแต่งงานแล้วอีก

มันเหนื่อยมั้ย มันเหนื่อยนะ แต่เหนื่อยแบบมีพลังและมีหวังที่ว่าเดี๋ยวเช้าแล้วมีลุ้นว่าจะได้บังเอิญเจอกันรึเปล่าวันนี้ (เป็นเอามาก)








พอมีอยู่คืนนึง สะดุ้งตื่นมาตอนตี 4 ได้
ช่างแม่ง ไม่นอนละ
แล้วจะสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่บ้าน้องเค้าอีก
การไม่เห็น ไม่เจอหน้า จะทำให้ความคิดเรามันเปลี่ยนแปลงไปเอง
เพราะใด ๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยง ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์คือ
อนิจจัง - ความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ทุกขัง - ความเป็นทุกข์
อนัตตา - ความไม่มีตัวตน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป





คิดซะว่านี่คือแบบทดสอบอย่างหนึ่งหลังจากกลับมาปฏิบัติธรรมแล้วกัน
เพราะตอนไปก็ใจนิ่ง ๆ ไม่ได้ปิ๊งใคร ตัดขาดจากโลกภายนอก มันเห็นธรรมและเข้าถึงธรรมได้ง่าย
แต่พอมาเจอของจริง
โห
รู้นะว่ามันไม่ดี แต่มันเลิกได้ยากจริง ๆ
นี่ขนาดว่าชอบเค้าข้างเดียวโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะ
ถ้าเจ้าตัวรู้แล้วชอบกลับด้วยนี่ท่าทางบุญใหญ่จากเตโชวิปัสนาที่ไปเพียรสร้างมา 7-8 วันเนี่ยคงหายหมด
และเราคงได้ตกนรกนับภพ นับชาติไม่ถ้วนกับอีตานี่แน่เลยตู

เอาวะ ถ้าเราไม่เจอหน้าน้องเค้า และไม่อยากพยายามจะหาทางเจอหน้าน้องเค้า
เดี๋ยวเราจะลืมเค้าได้เองแหละ ถ้าเราไม่เจอ เราก็ไม่คิดหรือคิดถึงน้อย
คือทุกวันนี้ก็มีเจอบ้างแต่ไม่ทุกวัน เดินผ่านบ้างแต่ไม่ได้ทักนะ เห็นไกล ๆ อะไรแบบนี้
แต่ต่อไปนี้จะพยายามไม่เดินผ่านทางนั้น จะเปลี่ยนเวลากินข้าว จะทำทุกอย่างที่ไม่เจอหน้าน้องเค้า
คิดได้ดังนั้น
ฮึกเหิมมาก เราจะต้องเข้มแข็งและก้าวข้าม temptation นี้ไปให้ได้






เช้าวันนั้น
ไปถึงที่ทำงาน
เห็นหลังน้องอยู่ข้างหน้าพอดี
ไอ้ที่ตั้งใจไว้เมื่อตอนตี 4 มันพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
แค่เห็นข้างหลัง
เห็นเลยนะ ว่าจิตเราไปเกาะอยู่บนเป้น้องเค้าแล้ว
โอ๊ย
ลำบากดีจริง ๆ





พี่ฝรั่งที่สนิทกันก็เดินมาแซวหลังจากส่ง sms ว่าตัดใจเหอะ
ฮีแต่งงานแล้ว
พวกที่มาเนี่ย
ไม่ดีหรอก
ไอทำงานพวกเด็ก ๆ พวกนี้มา 10-20 ปี
เห็นมาหมดแล้ว
ใคร ๆ ก็อยากมาเมืองไทย มาเปลี่ยนคู่นอน หาประสบการณ์แปลกใหม่
ทำงานเสร็จ
มันก็ไปเมากันแถวสีลม ซอยคาวบอย หรือสุขุมวิท
แล้วก็ได้ผู้หญิงกลับมา win win มันก็ได้ลอง ผู้หญิงก็ได้เงิน
แต่ละคืนก็เปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า
เด็ก ๆ พวกนี้เนี่ย ตอนอยู่ประเทศมัน ไม่มีใครสนใจพวกมันหรอก
แต่พอมานี่ เวลาไปเที่ยวกลางคืน มีแต่สาว ๆ ในบาร์ให้ความสนใจ take care อย่างดีก็หลงหัวปัก หัวปำ
แต่พอเงินหมด เค้าก็ถีบหัวส่ง
พวกมันยังมาช้ำใจอยู่เลยว่าทำไมเมื่อคืนยังไปกับชั้น วันนี้เค้าไปกับคนอื่นแล้วล่ะ
แล้วเด็กดีอย่างยูยังจะไปเอาพวกมันอยู่เหรอ





อย่างพวกแต่งงานแล้วเนี่ย
อยู่เมืองนอกก็ใส่แหวนนะ
พอมาถึงเมืองไทยก็ถอดแหวนออก
ทำตัวโสด เที่ยวไปเมาแล้วได้สาวกับมาทุกคืน
พวกมันไม่คิดมากหรอก
ยูอยากได้เหรอ

ไอเห็นมาเยอะละเพราะนั่งเครื่องกลับลำเดียวกัน
ตอนเครื่องจะออกจากเมืองไทย
ก็จะมีสาวไทยคู่ขาก็มาส่ง กอดกันร้องไห้จะเป็นจะตาย
ร่ำลากันอยู่นั่นแหละ ไม่จบไม่สิ้นซะที

พอได้ขึ้นเครื่องก็เอาแหวนมาใส่หมือนเดิม
พอบินกลับถึงบ้านมัน
ลูกเมียมารอรับก็กอดกันกลม คิดถึงจะเป็นจะตาย
ดราม่ามั้ยล่ะ
ยูจะเอามั้ยล่ะ





แถมเรื่องตกเครื่องกลับไม่ทันเนี่ย
มีให้เห็นทุกปี
เพราะไปหลงสาวบาร์ไง
อยู่เมืองไทย มีเบี้ยเลี้ยงตกวันละหลายพัน
พาหญิงทั้งกิน ทั้งเที่ยวได้อย่างสบาย เพราะบ้านเรามันถูก
แล้วก็ลืมวัน ลืมคืน หลงหนีไปเที่ยวบ้านเกิดสาวแถบภาคไหนรู้ ๆ กันอยู่
ก็เลยตกเครื่องกันเป็นประจำ
แรก ๆ พี่หัวหน้านี่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยอ่ะนะ
แต่พอทำงานไปซักพักเริ่มรู้
เพราะเดี๋ยวเบี้ยเลี้ยงหมด เงินขาด
เดี๋ยวสาวเจ้าก็พากลับมาคืนเอง
มีทุกปี
แล้วยูยังอยากได้อยู่เหรอ





นี่แค่น้ำจิ้มที่เค้าเล่าเองนะ
เรื่องพวกนี้เล่ากันเป็นเดือน ๆ ก็ยังไม่หมดทุกเคสนะ
แต่เราก็ยังหลงน้องเค้าอยู่ตราบใดที่น้องเค้ายังไม่บินกลับประเทศอ่ะนะ
เพราะมันก็คงไม่ได้เดือดร้อนใคร
น้องเค้าก็ไม่รู้
จะเดือดร้อนก็แต่สติและพลังงานของเราเอง


แล้วมีเรื่องฮาอีกเรื่องนึงจะเล่าให้ฟัง
คือด้วยความที่เราหน้าเด็ก ยิ้มเก่ง เฟลนลี่ เข้ากับใครก็ง่าย (เพราะไม่สวยไงเลยต้องมีอย่างอื่นมาทดแทน ฮา ๆ)
ขนาดคนไทยด้วยกันยังเดาอายุไม่ค่อยจะถูกเลย
พวกฝรั่งที่ไม่ต้องพูดถึง
ฝรั่งบางคนนึกว่าเรามาฝึกงาน
บางคนก็ถามว่า 20 รึยัง กรี๊ด อยากจะกระโดดกอด

แล้วเมื่อวาน
หัวหน้าพวกนั้นที่เป็นผู้หญิงที่เราต้องดีลงานด้วยเนี่ย
แอบมากระซิบให้เราฟังว่า
มีหนุ่มน้อยคนนึงมาถามเค้าว่า เราโสดรึเปล่า เพราะเค้าชอบเรามากเลย
แล้วเธอก็ถามหนุ่มน้อยคนนั้นกลับว่า
ยูอะไรเท่าไหร่ ฮีบอกว่า 21
ชีก็เลยบอกหนุ่มน้อยไปว่า เค้าไม่เหมาะกับยูหรอก จบข่าว
อะไรว้า
ไม่ถามกรูเลยว่ากรูอยากกินเด็กรึเปล่า
แหม ๆ ห่างกันแค่ 9 ปี 10 ปี กระดูกอ่อน เคี้ยวง่าย ชอบเลย ฮา ๆ
แล้วมาเล่าตอนไหนรู้มั้ย
มาเล่าตอนที่วันนั้นเค้าบินกลับประเทศไปแล้วจ้า
จะเล่าทำไมเนี่ย






เฮ้อ
โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยความไม่ลงตัว
หวังว่าถ้าน้องเค้าบินกลับไปแล้ว
ความคิด ความรู้สึก ความหลงของเราคงจะเบาบางลงและหายไปในที่สุด
เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งตัวเราและความคิดของเรา
หวังว่าเราจะผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด
เราตั้งไว้ละว่า ถ้าน้องกลับไม่ อย่างเร็วไม่เกิน 3 วันคงหยุดเพ้อ อย่างช้าไม่เกิน 1 เดือน หน้าน้องจะต้องหายไปจากจิตใต้สำนึกเรา ฮึ่ม






ปล. เพิ่งรู้ว่าน้องเค้าบินกลับไปแล้วเมื่อวานโดยที่เราไม่รู้ตัวมาก่อนเพราะเรานึกว่าเค้าจะกลับอาทิตย์นี้
อะไรกัน เพิ่งจะปิ๊งแค่อาทิตย์กว่าก็ไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิตซะละ
น้องมาแล้วก็ไป
แต่ฝากความทรงจำและ temptation ไว้ในใจเรานานแสนนาน
มันคือความทรมาน
เพราะก่อนหน้านี้มันเหนื่อย แต่มันมีพลังอยากเจอ
แต่ตอนนี้ เหลือแต่ความเหนื่อยและความหมดพลังเหลืออยู่






วันนี้เป็นวันแรกที่มาทำงานโดยที่เพิ่งรู้ข่าวว่าน้องกลับไปแล้ว
โหย
ไม่มีสติเลย ทำงานไม่ได้ น้ำตามันไหลอยู่ข้างใน จะเอาออกมาก็ไม่ได้
เพิ่งรู้สึกเลยคำพูดของพี่ฉอดเลยว่า
"ปัญหารัก ตอบง่ายนิดเดียว ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องของเรา"
ตอนนี้เพ้อหนักมาก (เยอะดีมั้ย)
เพราะอะไรรู้มั้ย
เราคิดมาแล้วว่าเค้าต้องกลับอาทิตย์นี้ ไม่ใช่อาทิตย์ที่แล้ว
เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาก็คิดว่า
เราจะรวบรวมความกล้าไปขอน้องเค้าถ่ายรูปคู่ด้วยซะหน่อย
เพราะยังไงก็คงไม่น่าเกลียดเพราะก็อาทิตย์สุดท้ายแล้ว
แล้วก็คงไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต
เป็นไงล่ะ
ความกล้าที่อุตส่าห์รวบรวมมาตลอดสุดสัปดาห์ พังทลายไม่มีชิ้นดี
เพราะน้องเค้าบินกลับไปตั้งแต่เสาร์ที่ผ่านมาแล้ว โฮ ๆ

ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเป็นเอาหนักเหมือนกัน
นี่ขนาดผ่านการปฏิบัติธรรมมาแล้วนะเนี่ย
ยังประคองสติตัวเองไม่ค่อยจะรอดเลยตู






แต่ก่อนนี้
เห็นเพื่อนไปชอบคนที่มีแฟนแล้วก็ได้แต่ด่าเพื่อนว่ามันบาปนะ นู่น นี่ นั่น
ทำไมยังตัดใจไม่ได้ซะที ประมาณนี้
ไม่เจอกับตัวเองไม่เข้าใจจริง ๆ
พอมาเจอกับตัวเองนี่รู้ซึ้งเลยว่ามันทำใจได้ยากมาก
นี่ขนาดเคสเราคือ one way communication เองนะ
เพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเราด้วยเลยที่เราไปแอบปิ๊งเนี่ย
แต่ถ้าเป็น two way communication มันคงยิ่งจะทุกข์และทรมานกว่านี้ไม่รู้เท่าไหร่
แต่สุดท้าย
เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยความเข้มแข็งที่เราต้องสร้างมันขึ้นมาเอง





มีภาคต่อด้วยนะ ยังคงไม่จบ ไม่สิ้น
เพราะ สุดท้าย น้องเค้ายังไม่กลับ


ปีนี้มีหนุ่มมาเวียนเทียนด้วย แถมหนุ่มที่ว่า เพิ่งเจอกันบนรถใต้ดินแล้วชวนไปก็ไปซะด้วย

และ
เราคงไม่ต้องการรอยยิ้มในมือถือก่อนจากกันไปตลอดกาลแล้วล่ะ เพราะรอยยิ้มของเค้าก็ติดอยู่ในใจเราไปเรียบร้อยแล้ว

และ
น้องเค้าต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราแน่เลย ถึงทำให้เราลุ่มหลงไม่เลิกขนาดนี้

รวมถึง
มีดบาด...ไกลหัวใจ แต่ทำไมมันเจ็บไปถึงหัวใจ T-T




Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 18 กรกฎาคม 2558 18:48:41 น. 4 comments
Counter : 9212 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมยามค่ำคืน...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:03:26 น.  

 
แม๊ น่าจะมีรูปประกอบให้ป้าคนนี้ได้กระชุ่มกระชวยไปด้วย

ปล. นึกว่าลีลีได้เป็นอมตะจากการกินเด็กซะละ หุหุ


โดย: copo de nieve วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:15:41 น.  

 
ชอบอ่านจัง...คล้ายๆเรื่องที่เกิดกับตัวเองเลย 5555


โดย: davidchung IP: 101.108.101.43 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:13:36 น.  

 
อินตามเลยชอบมากเหมือนตัวเราเลย


โดย: the curve IP: 182.53.144.236 วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:15:32:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.