พฤศจิกายน 2558

1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
หมอเถื่อน ณ บ้านไพร (Dek-d ตอนที่125)
  คณะแพทย์อาสาชนบทกลับมาพร้อม ขาดก็แต่อภิรักษ์ แต่ก็มีสัตวแพทย์หญิงอย่างแมรี่มาแทน เป็นคู่คิดของหัวหน้าคณะ ตะบันแบกฟืนอยู่ แล ๆมาถึงกับทิ้งโครม เจ้าพวกเด็กแก๊งแสบมากันแล้ว ความสงบคงไม่มีอีกแน่ เกตุฉากออกมาจากแผ่นหลังของหาญศึก ส่งเสียงเรียกดังใหญ่ วิ่งเข้ามาสวมกอดหมอกฤษณ์อย่างถือสนิทยิ่ง หมอลูบศีรษะเธอเบา ๆอย่างเอ็นดู ตามองร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาของนายทหารที่มองตรงมา
“ต้องขออภัยคุณหมอด้วยนะครับ เด็กนี่ทำรุ่มร่ามอีกแล้ว”
หมอส่ายหน้า มุมปากมีรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ หมอกับน้องเค้าสนิทกับอยู่แล้ว”
คุณหมอยิ้มหวานหยดทีเดียว น้อมใบหน้าให้ เขามือลูบท้ายทอย ออกอาการเขิน ปกติหมอชอบทำแบบนี้แต่ มาอยู่ต่อหน้าคนอื่นมันรู้สึกพิกล เจ้าเด็กพวกนี้จะหาว่าเขาเป็นเกย์ไปด้วยนี่สิ เกตุมองสองคนแล้วแอบหยิกพี่หมอ ทำเอาสะดุ้ง ต้องรีบเชื้อเชิญทุกคนเข้าที่พัก ปลงสัมภาระลงก่อน แมรี่ยืนสูบบุหรี่ ปล่อยควันฉุ่ย หันหน้าเข้าราวป่า ทำท่าไม่สนใจใคร พอหมอกฤษณ์เข้าไปใกล้ หล่อนก็ทำเสียงหึดุ ๆในลำคอ หางตาปลาบมา หมอต้องก้มหน้าถอนใจ ตรงนี้แมรี่กับเกตุออกอาการเดียวกันเลย พาลอย่างไม่มีเหตุผล ตนเองแค่ต้อนรับผู้กองตามปกติเท่านั้นเอง
สองผู้ช่วยตักน้ำชาร้อน ๆส่งไอกรุ่นมาเสิร์ฟให้ทุกคน พึ่งจะสี่โมงเย็น แต่อากาศเหมือนจะใกล้ค่ำมาก หมอกฤษณ์บอกว่า ที่นี่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน แล้วหันหน้า มองแสงทองรำไรลอดพุ่มต้นมะม่วงป่า ทุกคนมองตาม ภาพดูคลุมเครือ ด้วยสายหมอกบางเริ่มก่อตัวเป็นฉากหลัง วงล้อมรอบกองไฟ ต่างคนเลือกนั่งเก้าอี้สนามบ้าง ขอนไม้บ้าง ซดเครื่องดื่มร้อน ๆคงกะพันหัวร่อแฮ่ รับถ้วยชา มองกะเหรี่ยงผิวเข้ม ผู้มีดีกรีจบการแพทย์จากนอกอย่างเต๊อะ นึกชมในใจ คนอะไรเรียนก็เก่งขนาดจบหมอ แถมแอ๊คชั่นตอนจับปืนยังเท่มากเลย เต๊อะเพียงยิ้มตอบ เดินวนถือถาดไปเสิร์ฟให้ผู้กองกับจ่าแจ๋ว ที่เลือกไปนั่งขัดกับพื้นหิน เนลอญกับลูกมือหลายคนกำลังหั่นฝักหั่นเนื้อ เสียงสับเขียงดังแข่งกับเสียงคนคุยกันทางนี้เลย ครัวตั้งอยู่ใกล้ตลิ่ง กางผ้าใบพอกันน้ำค้าง
หมอกฤษณ์พูดคุยกับผู้กองเรื่องงานทางนี้ หลังผู้กองกลับไปที่หมู่บ้าน เกตุทำตาแป๋ว กอดเอวหมอกฤษณ์อยู่อย่างนั้น ต้นเหตุที่แมรี่ทำท่าเคร่งขรึม ผู้กองสะกิดก็แล้ว เกตุยังอิงแอบหมอไม่เลิก
“เด็กนี่คงกวนใจคุณหมอแล้วครับ หวังว่าคุณหมอคงไม่ถือสา”
“ผมเลิกถือสาน้อง มานานแล้วครับ”
คำพูดนี่ ทำเอาเกตุตาขุ่นเขียว ผุดมานั่งเหมือนคนอมข้าว มือเท้าคาง ได้แต่บ่นทางสีหน้า
แมรี่ขยับเข้ามาวงสนทนา ริมฝีปากทาลิปสีแดงชาด ซึ่งปกติไม่ได้ทา อาจเพราะช่วงนี้สูบบุหรี่มาก
“ระหว่างที่ผู้กองกลับไป พวกเราพึ่งค้นพบพืชที่สำคัญต่อวงการแพทย์ค่ะ เป็นหัวว่านขนาดเท่าท่อนขาทีเดียว เจ้านายกำลังทำการวิจัยมันอยู่” หล่อนชี้ไปที่หัวว่านที่ว่า วางเด่นบนโต๊ะที่ไร้คนสนใจ หาญศึกไม่เห็นว่ามันจะพิเศษตรงไหน จ่าแจ๋วกำลังซดชาอยู่ ถึงกับสำลักตาเหล่ นั่นมันว่านผีกระสือ ทำไมมันถึงใหญ่โตขนาดนั้น ท่าจะแก่ได้ที่คงมีปรอทลงกิน หาญศึกมือลูบสากไรหนวดใต้คางที่เริ่มขรึ้ม
“ที่ว่ามีคุณต่อวงการแพทย์ หมายถึงอะไรครับ คือคุณหมอต้องเข้าใจนะ ผมเป็นทหาร ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เลย คงต้องขอความรู้กับคุณหมอแล้ว”
“เป็นเรื่องบังเอิญครับ หมอกำลังมองผ่านแล้ว ตอนนั้นตะบันมีบาดแผลที่มือ ไปสัมผัสโดนยางมันเข้า เท่านั้นเอง เลือดก็หยุดไหล แผลสมานเร็วมากหลังจากนั้น ผมเห็นเป็นอัศจรรย์ใจมาก ในหัวว่านน่าจะมีสรรพคุณแน่ ถึงได้ทำให้บาดแผลที่มือของตะบันสมานเร็วมาก”
จ่าแอบแยกเขี้ยว ฉิบหาย นั่นมันแรงขนาดสูบเลือดคนได้ ใช่สมานแผลเสียที่ไหน
หมอหัวเราะเสียงเล็ก จิบชาไปด้วย คงเพราะเจอสมบัติล้ำค่าของหมอแล้ว แต่จ่าแอบเอามือเท้าคางตามเกตุไปอีกคน หมอหาเรื่องให้หมู่คณะเข้าแล้ว คอยดูคืนนี้มันได้ออกลายแน่ เจ้าว่านผีกระสือใหญ่ขนาดนี้พึ่งเคยเจอ จะจับเอามาหุงด้วยเวทมนต์ ขลังดีนักเรื่องคงกะพันชาตรี
หมอกฤษณ์หันมาสะกิดใต้คางเกตุ ให้หันมาฟังทางนี้บ้าง
“ดงผีผาทางนี้สนุกนะ มีเรื่องมหัศจรรย์ใจ ให้ได้เจออยู่ตลอดเลยนะคะ”
“เรื่องรับเป็นลูกบุญธรรม ใช่ไหมคะเจ้านาย”
แมรี่รีบขัดขึ้นเสียก่อน น้ำเสียงเหมือนเล่นลิ้น เล่นเอาคุณหมอเหมือนไก่แจ้จะโก่งคอขัน แล้วขันไม่ออก แมรี่เริ่มแล้วสินะ หาทางแก้เผ็ดจนได้ หมอขึงถ้วยชาไปด้วย เพื่อเอาความอบอุ่นสู่มือ พอมองอีกที หาญศึกยิ่งส่งสายตาเร่งเร้าเอาคำตอบมาใหญ่เลย สองคนยิงเรื่องให้กันเข้าขาเสียจริง
“หมอคิดเรื่องนี้ไว้แล้วครับ หมอตกลงรับน้อง ไม่ใช่แค่เกตุ แต่รับทั้งหมดสี่คนเป็นลูกบุญธรรม เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษา ในปีนี้หมอก็รับลูกบุญธรรมไว้เป็นร้อยคนแล้ว ตั้งเป้าหมายส่งเรียนให้สูงที่สุด เพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเองในอนาคต”
“เอ๊ะ ทำไม รับเจ้าทโมนพวกนั้นมาด้วยคะเจ้านาย”
“ได้ยินว่าพวกน้องชาย เป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้ว โตมาในสถานรับเลี้ยง เพื่อฝึกฝนเด็กมีพรสวรรค์ด้านกีฬา เดินทางมาครั้งนี้ งานการด้านเป็นนักกีฬาคงหมดอนาคตแล้ว คงต้องมามุ่งมั่นด้านการเรียนต่อ เพราะอายุยังน้อยอยู่เลย พฤติกรรมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร หมอจะคอยอบรมขัดเกลาให้ใหม่นะ”
เป็นการรับลูกบุญธรรม ที่ไม่พิเศษอะไรเลย เจ้านายเข้าใจคิดนะ แมรี่ส่งสายตาดุฉายวาบ แล้วกลบเกลื้อนก่อนใครจะเห็นด้วยการจิบชา แล้วก็พรางบ่นว่าทำไมชามันเย็น สั่งเต๊อะมาเติมให้ใหม่ หาญศึกดูจะพอใจกับคำตอบที่ได้รับ ถึงกับส่งเสียงและกวักมือเรียกพวกคงกะพัน ที่ยืนแกร่วอยู่ในที่พัก ให้เข้ามา
“จริงหรือครับ คุณหมอจะรับพวกคงกะพัน เป็นลูกบุญธรรม”
“จริงครับ หมอคิดทบทวนดีแล้ว”
“ถือว่า เป็นโชคดีของพวกเขาเลยนะครับ”
เกตุดูจะตกใจ ทำตาใสเหมือนจะร้องไห้ ที่พี่หมอรับปากง่ายเหลือเกิน ลูกบุญธรรมจะเป็นไปได้ไง ก็ในเมื่อเธอกับพี่หมอ มีอะไรเกินเลยกันไปแล้ว คงกะพันเดินเกาแขนยิก ๆหัวร่อแฮ่ นำพรรคพวกมาก่อน หาญศึกออกมาตบบ่าตบไหล่เด็กหนุ่มทั้งสามคน
“เป็นโชคดีของพวกเธอแล้วนะ คุณหมอตกลงใจ รับพวกเธอทั้งสี่คนเป็นลูกบุญธรรมแล้ว”
“จริงหรือครับนี่ พะ พี่.พี่ผู้กอง” เจ้าลิงตาเบิกลานเลยทีเดียว
“ถ้าไม่เชื่อ มาฟังจากปากคุณหมอเองจะดีกว่า”
คุณหมอลุกขึ้น หันมาอ้าแขนตอบรับ
“มาเถิด ต่อไปนี้หมอจะดูแลพวกเธอเอง ให้เหมือนลูกจริง ๆของหมอ หมอรู้จากคุณหาญศึกว่าพวกเธอเป็นกำพร้า เคยประสบปัญหาเลวร้ายในชีวิต ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่พวกเธอก็ฟันฝ่าจนได้เป็นนักกีฬา และการเดินทางมาในครั้งนี้ ทำให้พวกเธอต้องหมดอนาคตเรื่องกีฬา เพียงเพื่อรักษาน้ำใจระหว่างพี่น้องว่าจะต้องไม่ทิ้งกัน ทำให้หมอประทับใจน้ำใจอันงดงามเช่นนี้ หมอจึงตกลงใจ ที่จะหาทางช่วยเหลือพวกเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา”
คำพูดของหมอกฤษณ์ช่างสดใสดังกังวาน เหมือนกล่าวสุนทรพจน์ ทำเอาโย่งผู้อ่อนไหวง่าย ถึงกับน้ำตารื้น สะอึกสะอื้นเพราะไม่ทันเตรียมใจไว้ล่วงหน้า หมอกฤษณ์เป็นคนใจดีและเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ ตนเองได้เป็นลูก ช่างโชคดีเสียจริง เดชยิ้มแก้มนูนแล้วสยายยิ้มมองคงกะพัน ที่เอาแต่ยืนเกาท้ายทอย ทั้งงง ทั้งทำใจไม่ถูก ตัวมันเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ มีพ่อใหญ่ พ่อ แม่ ลุงป้าน้าอาตั้งยี่สิบคน ไม่คิดว่าตัวเองเป็นกำพร้าสักนิด แต่ก็ดีถ้าได้เป็นลูกบุญธรรมคนรวยอย่างหมอกฤษณ์
ทั้งสามคนมายืนแถวหน้ากระดาน ไม่วายมีตบมีหยอกกันอีก เกตุถลึงตาใส่ ปรามว่าอย่าพูดจา เพ้อเจ้อต่อหน้าพี่หมอ อย่างไม่มีใครคาดคิด หมอกฤษณ์คว้าแขนโอบไหล่คงกะพันเข้ามา แล้วประทับจูบแก้มขวา เล่นเอาเจ้าลิงหน้าแดงร้อนฉ่า แดงถึงใบหู มองหมอตาลอยเลย หมอผิวสวยจูบแก้มโย่ง ตามด้วยเดชอย่างไม่ถือรังเกียจ ทำเอาทุกคนนิ่งงัน คราวนี้ถึงคราวเกตุบ้าง หมอบรรจงจูบที่หน้าผากแล้วไล้มากระซิบที่ใบหูว่า “ขอเป็นคุณพ่อขายาวนะคะ” แล้วขยิบตาให้ เล่นเอาเกตุพับตา อายง้วน พี่หมอเข้าใจคิด ทำไมไม่บอกแต่แรกนะ เล่นเอาจิตตกเลย พอหันมาถึงกับสะดุ้ง เห็นคงกะพันขบเล็บ ยืนบิดอายเหมือนกะเทยหัดใหม่
“ทุเรศ ทำหน้าทำตาให้มันดี ๆหน่อย ยืนบิดยังกะกะเทย บัดเดี๋ยวเจอถีบ”
เสียงแปร๋นของหล่อน ทำเอาคงกะพัน เดช โย่งยกนิ้วมาแตะปาก ทำเสียงซู่ ๆลูกพี่สาวดันพูดจาเพ้อเจ้อเสียเอง หาญศึกขบขันการเล่นของเด็กพวกนี้มากกว่า ต้องขอบคุณหมอ ที่สร้างเซอร์ไพร์สในครั้งนี้ แมรี่ทำขยับห่างออกมา พวกนี้เอะอะทะลึ่งตึงตังทั้งวัน ไม่รู้จะพามาด้วยทำไม
“ปีนี้เจ้านายรับเด็กเป็นร้อยคน เป็นลูกบุญธรรม เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษา หวังว่าพวกเธอจะตั้งใจเรียนจนจบ อย่าให้เงินของเจ้านายสูญเปล่า ยังมีเด็กอีกมาก ไม่ได้โอกาสเช่นนี้” แมรี่พูด
คงกะพันไม่ชอบสายตาดูถูกของแมรี่เอาเสียเลย แต่ก็ยิ้มตอบรับไป
“ครับ พวกผมก็ตั้งใจไว้แล้ว จะเรียนต่อ แต่ของผมขอเรียนช่างกล เอาแค่อนุปริญญาก็พอครับ”
เดชชี้นิ้ว มาที่อกตัวเอง ยิ้มอย่างเขิน
“ผมตั้งใจจะสอบเข้าพลตำรวจครับ ผมจบมอหกแล้ว สอบได้”
“ไฝ่ต่ำวะ ไอ้เดช แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบตำรวจ ยังจะไปสอบตำรวจอีก อย่างแกมันไม่เหมาะกับตำรวจหรอก มาเป็นเด็กขัดรองเท้าฉันดีกว่า”
คงกะพันหยอกเพื่อนอย่างคึกคะนอง หาญศึกรีบปัดมือห้ามใหญ่ เด็กพวกนี้มันห่ามเสียจริง
หมอยิ้มเล็ก ๆมุมปาก ไม่คิดถือสาอะไร
“แล้วโย่ง ตั้งใจจะเรียนอะไรครับ”
“ผมจะเรียนสายพละศึกษาครับ จบแล้วจะสอบเป็นครู ผมจะสอนมวยกับบาส”
เด็กหนุ่มร่างผอมสูง กล่าวอย่างมั่นใจ
“เอ๊า งั้นตกลง ไม่มีใครเรียนสายสามัญเลย แล้วเกตุล่ะ จะเรียนอะไร”
เกตุดูหงอยไป คิดอะไรอยู่คนเดียว พอถูกถามกลับทำหน้าบึ้ง จนหมอกฤษณ์ช่วยถามย้ำมาอีก เพราะอยากรู้อนาคตของเธอจะเลือกไปทางไหน พอนานเข้ายังเฉย จนแมรี่อดพูดแขวะมาอีก
“อย่าบอกนะว่า เธอจะไม่เรียน จะอยู่ไปวัน ๆ ถ้าไม่เรียนก็ต้องหางานทำ แล้วอย่างเธอจะไปทำงานอะไรได้ อายุก็แค่นี้” อยากตอบโต้เสียจริง หาเรื่องตำหนิกันชัด ๆเกตุกัดฟันกรอด แต่ก็สงบเสียได้ เพราะมีพี่หมอนั่งอยู่
“ฉันตั้งใจ จะเรียนเศรษฐศาสตร์”
“ห๊า เศรษฐศาสตร์ เรียนจบแล้วจะไปทำกินอะไร”
คงกะพันออกลายอีกแล้ว แซวลูกพี่สาวกลางวง หล่อนกลับยิ้ม ดวงตาใสรื้นทีเดียว
“เรียนจบก็ไปทำงานที่ตลาดหุ้น บริษัทน้ำมัน ธนาคาร”
“พี่เกตุนับตังค์ ถอนตังค์ยังผิดเลย ทำงานธนาคารคงไม่ไหวหรอก มาเรียนสายพละกับผมดีกว่า”
โย่งว่าโดยซื่อ คราวนี้ลูกพี่ร้องว๊ากเลย อยากง้างเท้าเข้าให้ เจ้าพวกนี้มันยั่วโมโหเสียจริง
หมอกฤษณ์นิ่งคิดไป ตามกระแสเสียงของเกตุ ไพรวัลย์เรียนเศรษฐศาสตร์ ลูกศิษย์คนนี้ก็จะเรียนเศรษฐศาสตร์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจของเธอกันแน่ “เรียนเศรษฐศาสตร์ก็ดีนะคะ พี่อภิรักษ์จะได้รับไปบริหารงานที่โรงพยาบาล”
“จริงหรือคะ พี่หมอ”
“จริงจ๊ะ เรียนจบแล้ว มาบริหารโรงพยาบาลของพี่หมอนะคะ”
อีกกองไฟหนึ่ง ตาลีกับลูกศิษย์เอกหนานคำ กำลังนั่งเคี้ยวหมากกันอยู่ รูปตาเหมือนจิ้งจอกหรี่ลงดวงตาจ้องเข้มกับเหตุจุมพิตเมื่อครู่ นายหมอเทวดาของแกทำอะไรอะไรบางอย่างขึ้น ที่คนอื่นยากเข้าใจยกเว้นแกที่เข้าใจ
“นายหมอ ให้ของดี เจ้าเด็กพวกนั่นเข้าให้แล้ว”
“ของดีอะไร พ่อปู่”
หนานคำจะส่งหมากเข้าปากพลันชะงัก ถามขึ้น
“ยันต์ศักดิ์สิทธิ์”
“ยันต์?”
หัวคิ้วหนานชนกัน
“ยันต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ประทับเอาไว้กับเด็ก เพื่อประกาศการเป็นเจ้าของ แก่ผีสางเทวดา ทั้งสี่เป็นคนของท่านแล้ว ห้ามมาทำร้ายบริวารของท่าน”
“เป็นลูกบุญธรรม ก็คนของนายถูกแล้ว พ่อปู่”
“นายหมอมีตบะบารมีมาก ไม่ต้องบริกรรมคาถาอันเชิญอะไร เพียงกระแสจิตของท่านที่แผ่ออกมา พ่อปู่รู้สึกได้ นายหมอมีเมตตาต่อเด็กพวกนี้มากกว่าใคร”
ลูกศิษย์หัวหงอกกว่าอาจารย์เสียอีก ถึงกับเคี้ยวหมากไม่แหลก ไม่เข้าใจคำพูดของครูอาคม ก็ในเมื่อนายหมอเป็นคนสมัยใหม่ คาถาอาคมไม่มีติดตัว แล้วจะไปให้ยันต์ศักดิ์สิทธิ์กันยังไง เมื่อครู่เห็นแต่จูบดังจ๊วบดังจ๊วบ มันยันต์ศักดิ์สิทธิ์ยังไงกันหว่า แต่แกก็ไม่เถียงครูของแกหรอก นายหมอต้องมีดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถึงทำให้พ่อปู่ยอมตนมาช่วยงาน ทั้งที่อายุมากขนาดนี้ เห็นลูกศิษย์เงียบไป ถ้าจะไม่เข้าใจ วัน ๆเอาแต่ต้มเหล้ารสจืดไปเซ่นยักษ์เฒ่า คาถาอาคมไม่ก้าวหน้าเอาเสียเลย ไม่ทันหนานคำจะพูดอะไร หมอผีก็ยกมือขึ้น แล้วถ่มน้ำหมากลงดิน
บรรยากาศกำลังชื่นมื่น ทุกคนกำลังคุยกันสนุก บุรุษชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นข้างลำธาร น้ำใสราวกระจก ตะบันเห็นเข้าก่อน ร้องทักขึ้น หมอกฤษณ์หันมา ถึงกับผุดลุกขึ้นยืนร้องเรียกชื่อ แล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปต้อนรับ คงกะพันพูดกับโย่ง ก็เห็นขามาเดินนำหน้ามาตลอด ไหงมาถึงที่หลังตั้งนาน แล้วยังเจ้าเด็กรูปร่างหน้าตาคล้ายนายสัณฑ์ สองคนนั้นหายไปไหน ทำไมไม่มาด้วยกัน
“ดูสิ ยืนจังก้า มาดเท่เหลือเกิน พี่แกไปเอามาดเท่แบบนี้มาจากไหนกันนะ”
“อืม ดูแล้ว เหมือนสภาพสุดท้ายก่อนมาถึงป่าบอนเลย ตรงตามที่แกบอกเลยโย่ง นายสัณฑ์คนนี้กับคนที่อยู่ป่าบอนเป็นคนละคนกัน ตัวจริงผิวกร้านแดดมาก ผิวในร่มผ้าดูซีด ตัวก็สูงกว่า ดูหยาบกร้านไปทั้งตัว ตกลงคนที่อยู่ป่าบอน เขาชื่อโรเบิร์ต เป็นหมอเด็ก”
“ส่วนที่เหมือนกันคือ กวนโอ๊ยเด็กเหมือนกัน”
เกตุหน้างอเหมือนม้า สรุปมา เหล่หางตาคม ๆไปทางคนคู่นั้น
“เหมือนเดิมทุกอย่างเลย พี่หมอแล่นไปหา ยังกะคู่ผัว มันน่านัก!”
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงครหาพึมพำ หาญศึกต้องราเสียงให้เบา ๆหน่อย
“พวกเธอนี่ มันยังไงกัน คุณแมรี่ก็อยู่ที่นี่ จะนินทาอะไรก็ให้ดูผู้ใหญ่ด้วย คุณหมอจะเป็นเพศอะไร คุณหมอก็เป็นคนดี และที่สำคัญ ตอนนี้เป็นพ่อบุญธรรมของพวกเธอ ควรจะให้ความเคารพ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง” เจอตำหนิขนาดนี้ แก๊งจอมเตะนิ่งเงียบไปตามกัน แมรี่ยิ้มมุมปาก ทำเสียงในลำคอไปพร้อมกัน ผู้กองเป็นคนใช้ได้ ไม่เอาใจเด็กจนเหลิง
หมอกฤษณ์ถึงกับน้ำตาซึมทีเดียว สัณฑ์ยื่นนิ้วมาแตะขอบตาให้
“นายทำตัวอ่อนแอ เหมือนผู้หญิงอีกแล้วนะ”
“ผมดีใจครับ ไม่ได้อ่อนแอ”
“เออ..” สัณฑ์ว่าหนักในลำคอ
“มาช่วยงานคณะต่อเถอะนะครับ อย่ามัวแต่หลบหน้าอยู่เลย ผมรู้ว่าที่อยู่ป่าบอน ไม่ใช่คุณ”
สัณฑ์มือไถหนังหัว ผมฟู่กระเซิง
“นายรู้ได้ไง ไม่ใช่ฉัน”
กฤษณ์ปัดใบไม้ ใบหญ้าติดเสื้อออกให้
“อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ทำไมจะไม่สังเกตครับ บุคลิกต่างกันมากเลย หมอโรเบิร์ตดูเซอร์ ๆแต่ความจริงดูแลความสะอาดอย่างดี ตั้งแต่เส้นผม จรดปลายเท้า จะดูเนี๊ยบมาก จ้าวแฟชั่นด้วย แล้วยังใจดีกับเด็กมากด้วย”
“เฮอะ แล้วฉันมันตรงข้ามทุกอย่างใช่ไหมวะ ไอ้หมอ”
หมอหัวเราะไม่ออก สัณฑ์จะตัดพ้ออย่างนั้นก็ไม่ปฏิเสธ แต่เข้ามาคล้องแขนพาเดินกลับเข้าแค้มป์
“เฮ้ย อย่ามาคล้องแขนได้มั้ย”
“แต่ผมไม่ถือ”
“นั่นมัน ที่ฉันต้องพูดโว้ย”
“คุณสัณฑ์เป็นตลกร้าย ผมไม่ถือครับ”
“บัดเดี๋ยวผู้หญิงของนายก็มาแหกอกฉันหรอก ดู๊ดู กำลังยืนจ้องเขม็งใส่ฉันใหญ่เลย”
เกตุสูดหายใจขึ้นลงแรง ถึงกับเดินเข้าไปเบียดแยกเอาพี่หมอออกมา ผู้ชายที่นิสัยคล้ายผู้หญิงอย่างพี่หมอความจริงเป็นชายแท้ แต่เจ้าผู้ชายที่ดูเหี้ยมอย่างนายสัณฑ์น่าจะเป็นเกย์มากกว่า ดูแต่เปลือกนอกไม่ได้จริง ๆคนสมัยนี้
น้ำชาร้อนถูกนำมาเสิร์ฟ สัณฑ์ปฏิเสธกลับขอก้อนข้าวกับเนื้อเค็มก็ยังดี เพราะกำลังหิวมากหมอกฤษณ์มองไปที่ครัว เนลอญกำลังเร่งมืออยู่ สั่งให้เต๊อะไปเอาแซนวิชมาให้กินรองท้องก่อน หาญศึกกับจ่าแจ๋วพยักหน้าให้กัน กลับเข้าไปจัดการกับสัมภาระของตน เกตุหน้างอเหมือนม้าทำเฉิดใส่ ที่นายคนนี้มาทีไร ตนเองหมดความสำคัญทุกที นายสัณฑ์น่าห่วงกว่าแมรี่เสียอีก
วงสนทนาแยกย้าย ข้างกองไฟเหลือก็แต่หมอกฤษณ์กับสัณฑ์นั่งคุยกันอยู่ ผู้หญิงหน้าม้าหลบข้างกระโจม มองเข้ามาไม่คลาดสายตา
หาญศึกไม่ทันเข้าที่พัก หมอผีพุงโตก็เข้ามาสะกิดหลังยิก ๆ พอหันหน้ามา แกก็แบมือขอของที่สั่งไว้
“ไหนล่ะ เหล้าสก็อตของปู่”
“ผเกือบลืมไป ครับ ๆผมเตรียมเอาไว้แล้ว”
เขาปลงย่ามหลังลง แล้วล้วงเอาเหล้าออกมา หมอผีรับมาท่าจะกระหายมาก จะดื่มมันตรงนั้นเลยพอไขฝ่า ไม่ทันส่งน้ำเหล้าเข้าปาก แกมองแล้วทำจมูกฟุตฟิต เหมือนได้กลิ่นผิดปกติ
“ผีห่าที่ไหน มาแอบกินเหล้าวะ”
เสียงแกดัง จนจ่าหยุดมือจากการจัดที่นอน ออกมาดู
หาญศึกถึงกับวางสีหน้าไม่ถูก
หมอผีไม่ว่าอะไร แกปล่อยขวดเหล้าทิ้งลงพื้นดื้อ ๆเดินไปขอเหล้าต้มกับหนานคำเหมือนเดิม และอย่างไม่ทันที่น้ำเหล้ากระฉอกไปสองที ก็มีมือดีมาคว้าขวดเหล้าไปไวมาก ก่อนที่หาญศึกจะทันก้มลงเก็บเสียอีก เล่าอูนั่นเอง แกฉวยเอาเหล้าสก๊อตไปต่อหน้าต่อตา โดยมีชาติวิ่งตามหลังไปเหมือนโจรวิ่งราวทรัพย์ไปแอบหลบมุมหลังกระโจม เอาไปแบ่งกันดื่มอย่างเต็มกระหาย
ฟ้ามืดสนิท แสงไฟในแค้มป์สว่างจ้า หลังอาหารมื้อค่ำเสร็จไปอย่างรวดเร็ว เกตุหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในกระโจมก็พอดีพวกผู้ชายกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่ หล่อนหลบอยู่ข้างประตู ท่าทางอิดอ่อนไม่ยอมเข้ามา โย่งเห็นเข้า จะเข้าไปรับกระเป๋าแต่เกตุถอยออกมา ทั้งยังก้มหน้า
“เกตุ ทำไมไม่จัดสัมภาระ แล้วเลือกหาที่นอน เราช้ากว่าคนอื่นมากแล้วนะ”
หาญศึกติงมา
เธอดูเชื่องซึมลงไปมาก ขนตาสั่นไหวดิก
“ฉ.ฉัน ไม่พักรวมได้ไหม”
“ตอนเดินทาง เราก็นอนรวมกัน ทำไมตอนนี้ถึงไม่นอน”
“ไม่!”
เกตุหุนหันหิ้วเป้เดินจากไป หาญศึกจะมาตาม แล้วก็พลันหยุดถอนใจ ยังไงก็คงไม่พ้นไปนอนกับหมอกฤษณ์ ยังไงก็เป็นพ่อลูกแล้วยังมีแมรี่อยู่อีกทั้งคน คงไม่มีอะไรเสียหาย
“เด็กคนนี้ยังมีแผลในใจอยู่แน่ ไม่น่าเลย ก็เห็นห้าวอยู่ดี ๆ”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่ารื้อฟื้นอีกเลยครับ ผมรู้พี่เกตุเจ็บปวดมาก”
โย่งพูด ดวงตาของเขาส่อความสลด ลูกพี่สาวถูกข่มขืน ต้องมีแผลใจฝั่งลึก แล้วยิ่งมาอยู่กับนายสัณฑ์เลยเกิดอาการหลอนขึ้นมา คงต้องใช้เวลานาน กว่าจะรักษาแผลในใจของเธอได้
ภายในกระโจมอันกว้างขวางและสะอาด หมอกฤษณ์กำลังส่องกล้อง วิจัยแยกธาตุจากพืชที่ขุดพบได้ แมรี่กำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำ ได้ยินเสียงฝีเท้าคนมาแอบหลบอยู่หลังประตู หล่อนส่งเสียงดังทันที
“ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันเอง!”
“ฉัน! ก็แล้วมันใคร อย่าให้ฉันต้องเอาปืนออกมานะ”
เกตุโผล่หน้ามาก่อน แถมทำหน้าทะเล้นอีก
“จ๊ะเอ๋ พี่หมอ ขอนอนด้วยคนได้มั้ย”
หมอกฤษณ์ถึงกับใจหวิว วางมือจากกล้อง ดูท่าเรื่องราวยุ่งยากกำลังเริ่มแล้วสินะ
“เกตุจ๊ะ ทางโน่นพี่หมอเตรียมที่นอน เอาไว้ให้แล้วนะ”
“ก็ พี่หมอ ทางโน่นมีแต่ผู้ชาย”
“แต่ก่อนก็เห็นนอนได้ แล้วยังมีผู้กองอยู่ด้วย ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมนอน”
แมรี่สวมแต่ผ้าเช็ดตัวผืนนิดเดียว ถึงมือเท้าสะเอว เด็กสาวเอาปลายนิ้วชี้จี้กันอย่างไร้ความหมาย
“พวกนั่น แก้ผ้ากันนี่ ฉันอาย ผู้หญิงด้วยกัน เธอก็น่าจะเข้าใจฉันนะ”
หมอกฤษณ์ทำหน้าเบื่อโลก แต่ก็เห็นใจกับเหตุผลของเธอ
“เอาเถอะ เดี๋ยวจะให้เต๊อะไปย้ายเครื่องนอนมาไว้ที่นี่ให้ เกตุ กลางคืนที่นี่มักมีงูออกมานะคะ อย่าเดินไปไหนโดยไม่มีไฟฉายติดมือ แล้วห้องน้ำอยู่ข้างนอก เป็นแอ่งน้ำ มีก้อนหินใหญ่พอเป็นที่กำบังสี่ด้าน เดินเลาะไปตามลำธาร ประมาณร้อยเมตร ตอนไปเกตุต้องถือไฟฉายไปด้วยนะคะ”
แมรี่จะหันไปคัดค้าน แต่เจ้ากรรมผ้าผืนน้อยดันหลุดลงมากองกับพื้น เจ้าตัวแรกทีจะตกใจ แล้วก็วางสีหน้าเรียบเฉย ในเมื่อก็มีอยู่สามคน เกตุก้มมามองเปรียบหน้าอกของตัวเอง รูปร่างแมรี่เหมือนหุ่นเปลือยไว้สวมเสื้อผ้าโชว์ในห้าง รูปร่างสวยเสียด้วย พึ่งเห็นเต็มตาคราวนี้ เจ้าตัวไม่คิดหยิบผ้ามาปกปิดร่างกาย กลับอวดผิวขาวนวลเนียนเหมือนงาช้าง เยื่องย่างอย่างมั่นใจ ตาก็มองเด็กสาว แล้วไปนั่งตักหมอกฤษณ์ โอบคอมาคลอเคลียแนบชิด
“ที่นี่ไม่เหมาะกับเด็กอย่างเธอหรอกนะ เกิดมาเห็นอะไรเข้า มันจะไม่เหมาะกับเยาวชน”
ฮึ่ม! เกตุกัดฟันกรอด นี่จงใจข่มกันนี่ แต่อย่างพี่หมอคงเห็นเป็นอนาโตมี่




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2558 16:06:27 น.
Counter : 979 Pageviews.

2 comments
  
ขอบคุณมากค่ะ
โดย: วรรณษร IP: 180.183.116.2 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2558 เวลา:16:33:20 น.
  
^^ ติดตามทั้ง 2 ที่เลย ขอบคุณมากค่ะ
โดย: ไม่บอกเขิล IP: 118.174.90.91 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2558 เวลา:21:27:24 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แจ็ค ในสวนถั่ว
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ยินดีต้อนรับสู่บ้านของคนชอบคิดชอบเขียนครับ
New Comments