All Blog
|
หมอเถื่อน ณ บ้านไพร ตอนที่ 12 นักสู้สาวที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งให้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว พวกรุ่นน้องทั้งสามคนถูกคนหนุ่มในหมู่บ้านลากไปร่วมวงสุราด้วย หาญศึกก็หายไปกับเฒ่าเซี๊ยะเก็งดู เธอจึงหันมาเดินเดี่ยวเที่ยวดูวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ โดยมีที่หมายคือใต้ถุนยกสูงของบ้านหลังหนึ่ง ที่นั่นหญิงชาวกะเหรี่ยงสองคนกำลังช่วยกันตำข้าวเปลือกอยู่ในครกกระเดื่อง เสียงดังป๊ก..ป๊ก..ฟังแล้วน่าประหลาด เชิญชวนให้เข้าไปดูใกล้ๆมาก สากไม้กระแทกกับเม็ดข้าวเปลือก และก้นครกดังอย่างต่อเนื่องดึงดูดให้สาวชาวเมืองรีบไปหา เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นของจริงเลย เคยแต่เห็นในภาพข่าวในสารคดีโทรทัศน์ แล้วยิ่งมาเห็นเสื้อผ้าของพวกเธอก็ช่างมีสีสันลวดลายสะดุดตา พอนึกขึ้นได้ก็งัดเอาโทรศัพท์แบบถ่ายรูปได้ขึ้นมากดแฉะอยู่หลายที โดยไม่สนใจเสียงของพวกนายคงที่ตะโกนทั้งกวักมือเรียกอยู่ไวๆจากใต้ถุนบ้านอีกหลังหนึ่ง สาวกะเหรี่ยงทั้งสองคนยิ้มให้ บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อเต็ม เธอก็เพียงยิ้มตอบเท่านั้นเพราะพูดจากันไม่รู้เรื่อง เธอเปลี่ยนสายตาไปมองดูเสาบ้านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง พื้นกับผนังทำจากไม้ไผ่สานขัด หลังคาก็มาจากหญ้าคา บ้านทั้งหลังสร้างขึ้นโดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติมากนัก วิถีชีวิตของชาวเขาดูสมถะ ใช้ทรัพยากรน้อยและใช้อย่างคุ้มค่ามาก ปัจจัยสี่ก็ล้วนแต่จัดหาเองจากแรงงานทั้งหมด ใครก็มักจะพูดว่าชาวเขาอยู่ต้นน้ำและทำลายต้นน้ำไปด้วยนั้นคงจะไม่ใช่ทั้งหมดแน่ ชีวิตประจำวันของพวกเขาใช้ทรัพยากรน้อยมาก แค่จะกินข้าวสักมื้อหนึ่งยังต้องออกแรงตำเองเลย ขณะที่คนเมืองแค่เปิดกล่องโฟมก็ได้กินได้แล้ว โฟมมันทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม มีสารทำลายบรรยากาศชั้นโอโซนซึ่งคนในเมืองก็รู้ดีแต่ก็ยังทำอีก เกตุหันมาพยายามส่งภาษามือกับหญิงชาวบ้านกันสุดฤทธิ์ แม้จะพูดกันคนละภาษา หากแต่ภาษาสากลทางร่างกายนั้นเข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเป็นมิตร เธออยากจะลองตำข้าวดูบ้าง พอเหยียบกระเดื่องแล้วปล่อย หลายๆครั้งมันใช้แรงไม่น้อยเหมือนกัน มิน่าเธอถึงไม่เคยเห็นผู้หญิงกะเหรี่ยงรูปร่างอ้วนเลย เพราะต้องทำงานที่ต้องใช้แรงงานอยู่เสมอนี่เอง ไม่นานหาญศึกก็กลับมาหา เห็นเกตุกำลังสนุกกับการตำข้าวเลยอาสาจะเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวหมู่บ้านให้ พี่หาญศึกค่ะเธอมองไปที่เขาอย่างรู้สึกผิดคือว่า..ตะกี้ที่น้องพูดแย้งขึ้นตอนพี่หมอกำลังชันสูตรศพ น้องต้องขอโทษด้วยจริงๆมันลืมตัวทุกทีเลยถ้าพูดถึงเรื่องการต่อสู้" ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง ฉงนกับคำของสาวจอมห้าว ริมฝีปากยังเผยอยิ้มได้ เอื้อมมือไปโอบไหล่เของเธอเขย่าเบาๆ อย่างสนิทสนมอย่างผู้ใหญ่เล่นกับเด็ก เกตุเองก็เห็นเขาเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือ มากกว่าที่จะคิดไปเป็นอย่างอื่น หาญศึกยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่เสมอ พี่ไม่ได้โกธรอะไรน้องซักหน่อยนี่ ทำเป็นร้อนตัวไปได้นะแม่นักเทควันโดคนซื่อ แต่ต่อไปเราจะต้องระมัดระวังกิริยากับหมอกฤษณ์ด้วยนะ อย่ามองคนแค่เปลือกนอกว่าดูดี ยังไงซะพวกเราเองยังไม่รู้จักเขาดีพอการที่หมอกฤษณ์เกี่ยวข้องกับนายสัณฑ์ มันเป็นสิ่งที่นายทหารชายแดนอย่างเขาไม่อาจจะวางใจได้ พี่หมอก็ดูเป็นคนดีออกนี่คะ แต่..เอาเถอะน้องจะเชื่อที่พี่พูด หาญศึกพูดพาดพิงถึงพี่หมอในแง่ลบ เกตุนึกอยากจะเถียงแทนพี่หมอจริงๆแต่เวลานี้เธอต้องยอมสงบปากสงบคำไปก่อนคนร่างใหญ่มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนไม่ว่ายังไงเขาก็รู้จักเธอดีมาตั้งเด็ก เรื่องดื้อรั้นไม่ฟังความเกตุเป็นที่หนึ่งทีเดียว นั่นหละดีแล้วยังไงเราก็ยังเด็กไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคน ยังไงหาญศึกก็รู้ทันว่าเกตุไม่ฟังคำของเขาแน่ ได้แต่ย้ำให้เธอระมัดระวังตัวอย่าไว้ใจใครในดินแดนแห่งนี้ เกตุแค่เออออไปก่อนเท่านั้นในใจคิดอยู่เสมอว่าผู้ชายคนนั้นยิ่งได้ใกล้ชิดยิ่งรู้สึกเชื่อมั่นศรัทรา เธอไม่เชื่อว่าพี่หมอจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้เลยนอกจากการเป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้แย้งคำพูดของหาญศึกชายคนนี้เป็นผู้ใหญ่ที่เธอพึ่งพาได้เสมอ เดี๋ยวเราจะขึ้นไปเยี่ยมบ้านพรานเฒ่าหลังนั้นกันก่อน พี่มีเรื่องหลายอย่างอยากปรึกษาแกทั้งสองเดินมาถึงกระท่อมหลังหนึ่งไม่ห่างกันนัก พากันเดินจูงมือกันขึ้นไปนั่งข้างบน เจ้าของบ้านเป็นชายแก่กำลังนั่งสานกระบุง แกยิ้มเห็นเหงือกสีคล้ำ ฟันดำที่เหลืออยู่ในปากไม่กี่ซี่ หาญศึกเริ่มพูดคุยธุระของตนทันที เกตุนั่งฟังอยู่เงียบๆเช่นเคย ใจหนึ่งรู้สึกทึ้งมาก หาญศึกดูเป็นคนกว้างขวางและทำอะไรได้มากกว่าที่เธอคิด นานทีเดียว กว่าทั้งสองจะกลับลงเรือนของพรานเฒ่า เกตุรีบไปจัดการทั้งทุบทั้งปลุกพวกนายคงที่นอนเมาแอ๋อยู่ที่วงเหล้าวงเดิม ที่นี่ค่ำมืดเร็วมาก ไม่มีไฟฟ้า แสงไฟประดิษฐ์ของคนมีไม่มากไปกว่าตะเกียงน้ำมัน เวลาเพียงหกโมงเย็นมันกลับดูมืดค่ำเร็วมาก ทางกลับแค้มป์ต้องผ่านสวนกล้วยของชาวบ้าน นกเค้าแมวออกหากินตอนกลางคืน กระพือปีกบินหนีจากต้นเพกาต้นหนึ่งทันที เมื่อได้ยินเสียงเอะอะของพวกเด็กหนุ่ม พวกขี้เมาเดินนำหน้ามาก่อน เกตุกับหาญศึกเดินพูดคุยกันอยู่รั้งท้าย ทางเดินในดงกล้วยเวลานี้ ค่อนข้างลื่นและแฉะ สองข้างทางเห็นเป็นเงาสลัวดูไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย แสงตะวันเริ่มไม่พอให้มองเห็นทางเดิน หาญศึกรอบคอบเสมอที่เอาไฟฉายติดมือมาด้วย เกตุเดินยิ้มคนเดียวเงียบๆได้อาศัยเกาะเเขนของเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวกันลื่นล้ม รู้สึกอุ่นใจได้เสมอเมื่อมีเขาคนนี้อยู่ใกล้ เมื่อกี้พี่พูดคุยอะไรกันลุงคนนั้นคะ ภาษากะเหรี่ยงน้องไม่ได้ซักคำแต่ดูสีหน้าของพี่กับตาลุงคนนั้นแล้วดูเคร่งเครียดจังเกตุถามขึ้น สีหน้ามีกังวล หาญศึกยังคงสงบนิ่งแม้แววตามีความกังวล เรื่องที่พูดกันมีอยู่สองเรื่องเท่านั้นคือเรื่องที่ชาวบ้านกังวลเกี่ยวกับพวกทหารป่าที่พักนี้มาปรากฏตัวแถบนี้อยู่บ่อยครั้ง เจ้าศพทั้งห้านั่นก็ใช่ด้วย พรานเฒ่าอยากให้ทางการนำกำลังมาเฝ้าระวังให้ด้วย เพราะเมื่อหลายปีก่อนเคยมีทหารกะเหรี่ยงพุทธและกะเหรี่ยงคริสต์มารบกันแถบนี้ มีทหารแตกแถวมาเที่ยวปล้นชิงเสบียงของชาวบ้าน มีคนถูกฆ่าตายไปมากทีเดียว ชาวบ้านเขาเกรงจะไม่ปลอดภัย พี่จึงรับปากจะแจ้งเรื่องนี่ให้กองทัพทราบเพื่อหาทางแก้ไข เกตุพอนึกขึ้นได้ว่าเครื่องแบบของศพพวกนั้นเป็นแบบเดียวกันกับพวกที่เธอไปมีเรื่องด้วยที่ตลาดเมื่อวันก่อน พวกนี้ดูน่าอันตรายมากทีเดียว อีกเรื่องที่พี่มาหาพรานเฒ่าก็คือ พี่อยากให้แกช่วยหาพรานนำทาง เราจะมัวรอแต่นายเคราดำนั่นแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ พี่มั่นใจว่าด้วยความสามารถของพวกพี่ บวกกับความชำนาญของคนนำทาง พี่จะตามเณรจนพบและพากลับมาได้แน่หาญศึกกล่าวอย่างเชื่อมั่นในตนเอง หากจำเป็นจริงเขาไม่อยากจะพึ่งหมอกฤษณ์กับคนของเขา เกตุกับคิดไปอีกเรื่อง แววตาดื้อรั้นฉายแววออกมาอีก แสดงอาการไม่พอใจปรากฏออกมาทางสีหน้าชัดเจน พี่หาญศึกพูดแบบนี้ จะกีดกันไม่ให้น้องตามไปด้วยเหรอคะท้ายเสียงของเธอห้วนมาก ชายหนุ่มถึงกับถอนลมเฮือกใหญ่ ให้เขาไปต่อการกับอริราชศัตรูที่ไหนก็ยังดีกว่ามาต่อกรกับเด็กดื้อตรงหน้า เธอสะบัดหน้าไปทางอื่นทันที นิสัยรั้น ไม่ฟังใครมันเป็นนิสัยถาวรของเธอ การตามหาน้องชายมันเป็นหน้าที่โดยตรงของคนเป็นพี่สาวเท่านั้น เห็นแววดื้อเงียบของเกตุกลับมาอีก อาการปวดหัวของหาญศึกก็เกิดขึ้นทันที เเต่ยังสงบใจพูดอย่างมีเหตุผลออกมาได้ น้องสาวจอมโมโหร้ายร้ายของเขาใช้ว่าจะรับมือได้ง่ายซะที่ไหน น้องเกตุต้องเข้าใจพี่นะ พี่อยากให้น้องหยุดการเดินทางอยู่แค่นี้จริงๆ ธุระเรื่องตามหาเณรมอบให้พี่แล้วเกตุก็กลับไปทำหน้าที่ของเราที่ว่าจะไปโอลิมปิกอย่างที่น้องเคยตั้งความหวังไว้ไง พี่รู้จักนิสัยของน้องดี น้องไม่ใช่คนที่จะทนอยู่นิ่งๆรอคอยอะไรได้ ที่พวกน้องออกตามหากันเองแต่แรกนั้น มันเสี่ยงมากนะที่มากันลำพังอย่างนั้นถ้าพี่ตามมาไม่ทัน ตอนนี้ไม่รู้จะถึงไหนแล้วที่ฝังโน่นน่ะอันตรายมากเกินกว่าที่พี่จะยอมให้น้องไปด้วยได้จริงๆ หญิงสาวเพียงก้มหน้าหลบตา เพราะจนแก่เหตุผลไม่มีคำอะไรจะพูดออกมาอีก คำพูดและเหตุผลของหาญศึก เธอไม่สามารถแย้งกลับคืนได้เลย ทั้งหมดเดินทางกลับถึงแค้มป์หลังตะวันตกดิน แสงไฟฟ้าจากกระโจมแต่ละหลังสว่างจ้า พลังงานของแค้มป์ได้มาจากแผงโซล่าเซลล์ คนที่มาจากถิ่นที่มีไฟแสงสีจึงรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่าเมื่อมาพักอยู่ที่นี่ รถจิ๊บคันหนึ่งจอดอยู่ข้างกระโจมใหญ่ ไม่ปรากฏคนขับอยู่บนรถ หาญศึกดูจะตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อได้พบมันมากกว่าทุกคน รีบตรงรี่เข้าไปหาทันที ลูบคลำอยากหลงไหล สายตาจ้องมอง สำรวจทุกรายละเอียด รถเก่าแบบนี้กลับมีคุณค่ามากในสายตาของเขา นี่มัน!..รถจิ๊บวิลลี่นี่นายทหารแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง มือลูบคลำตัวถังรถคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา รถเก่าสมัยสงครามเวียดนามแบบนี้ในเมืองไทยเหลืออยู่ไม่กี่คัน ตัวเขาเฝ้าเพียรเสาะหามานาน ไม่นึกว่าจะมาเจอที่นี่ เลยเดินดูโดยรอบรถอย่างสนอกสนใจ เกตุต้องคอยคุมพวกรุ่นน้องเดินตามหลังมา เห็นอาการของเขาเลยพอเดาออก พี่หาญศึกสนใจรถคันนี้หรือคะ ใช่เขาพยักหน้ายิ้มอย่างมีความสุขที่บ้านพี่ก็มีรถจิ๊บวิลลีแบบนี้เหมือนกันแต่มันคนละรุ่น คันนี้เป็นรุ่น cj4 ปี1951 หรือที่เมืองไทยเราเรียกรุ่นหน้ากบพี่อยากได้สะสมมานานแล้ว พี่เป็นแฟนพันธุ์แท้รถจิ๊บเชียวนะชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี จอมเตะสาวพลันนึกขึ้นมาได้ หัวคิ้วย่นหากัน ร้องอ๋อทันที หาญศึกกับพ่อของเขาเป็นนักเลงรถเก่าที่บ้านของพวกเขามีรถรุ่นเก่าๆแต่ราคาแพงแบบนี้สะสมอยู่เต็มบ้าน มันเป็นงานอดิเรกของพวกคนรวยที่จะทำกัน สายตาของเธอไม่ค่อยจะชอบของพวกนี้ มันก็เเค่รถเก่า ใคร?เป็นเจ้าของรถคันนี้กัน มีใครทราบไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาหันหน้ามองซ้ายมองขวาเพื่อขอคำตอบ
ถึงตอนนี้ยังเป็นช่วงแนะนำตัวละครอยู่ครับ มาถึงตอนที่ 14ถึงจะเริ่มเนื้อหาจริงๆของเรื่องที่เป็นการผจญภัยในป่า เนื้อเรื่องจะเข้มข้นจริงจังมากขึ้น
โดย: คุณหมอเถื่อน (doctorwar ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:44:16 น.
|
แจ็ค ในสวนถั่ว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ยินดีต้อนรับสู่บ้านของคนชอบคิดชอบเขียนครับ
|