Group Blog
All Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยว - วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา สถานที่ท่องเที่ยว : วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา, ฉะเชิงเทรา Thailand พิกัด GPS : 13° 40' 25.64" N 101° 3' 58.21" E บล็อกท่องเที่ยวไทยบล็อกนี้จะพาไปเที่ยววัดที่มีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ มีความสำคัญและเป็นที่รู้จักกันดีองค์หนึ่งของประเทศไทยกันครับ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เชื่อกันว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เดิมชื่อว่า วัดหงษ์ เพราะมี “เสาหงส์” (เป็นสัญลักษณ์ของวัดมอญ สร้างเป็นสัญลักษณ์หมายถึงเมืองหงสาวดีอันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมอญโบราณ) เป็นเสาสูงมียอดเป็นตัวหงส์อยู่บนปลายเสา ต่อมาหงส์บนยอดเสาหักตกลงมาเหลือแต่เสาและมีผู้เอาธงขึ้นไปแขวนแทนจึงได้ชื่อว่า “วัดเสาธง” ครั้นเมื่อเสาธงหักเป็นสองท่อนจึงเรียกชื่อใหม่ว่า “วัดเสาธงทอน” ส่วนชื่อ “วัดโสธร” อันมีความหมายว่า “บริสุทธิ์” และ “ศักดิ์สิทธิ์” นั้น เรียกตามพระนามของ พระพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อโสธร ซึ่งได้มาประดิษฐานในวัดนี้ ในภายหลังวัดโสธรได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร มีนามว่า "วัดโสธรวรารามวรวิหาร" เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2501 พระพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ดลบันดาลให้พืชพันธุ์ธัญญาหาร อุดมสมบูรณ์ ให้ชาวบ้านปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ หลวงพ่อโสธร เป็นพระรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 3 ศอก5 นิ้ว หรือ 1.65 เมตร สูง 1.98 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง หรือเรียกกันสามัญว่า พระลาว พระพุทธรูปแบบนนิยมสร้างกันมากที่เมือง หลวงพระบาง อินโดจีนและภาคอิสาน ของประเทศไทย แต่ทางวัดเกรงว่าจะมีผู้คนมาลักขโมยไปจึงได้นำปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมี ลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อโสธร ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมาพร้อมๆกับพระพุทธรูปอีก 2 องค์ ในที่สุดมาผุดขึ้นที่แม่น้ำบางปะกงที่ตำบลสัมปทวนและแสดงปาฏิหารย์ลอยน้ำและ ทวนน้ำได้ทั้งสามองค์ ชาวสัมปทวนได้พบเห็นจึงช่วยกันเอาเชือกรวน มนิลาลงไปผูกมัดที่องค์พระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้น แล้วช่วยกันฉุดลากขึ้นฝั่ง ด้วยจำนวนผู้คนประมาณ 500 คน ก็ฉุดขึ้นไม่ได้เชือกขาด พระพุทธรูปหล่อทั้งสามองค์ก็จมน้ำหายไป สถานที่พระสามองค์ลอยน้ำและทวนน้ำได้นี้เลยให้ชื่อว่า "สามพระทวน" ต่อมาเรียกตำบลตรงที่ทำการชักพระขึ้นว่า "สัมปทวน" ได้แก่ ต่อจากนั้นพระทั้งสามองค์ก็ลอยตามแม่น้ำบางปะกง เลยผ่านหน้าวัดโสธรไปถึงคุ้งน้ำใต้วัดโสธร แสดงฤทธิ์ผุดขึ้นให้ชาวบ้านบางนั้นเห็น ชาวบ้านได้ช่วยกันฉุดขึ้นฝั่งแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงเรียกหมู่บ้านและคลองนั้นว่า " บางพระ " มาจนทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้แผลงฤทธิ์ ลอยทวนน้ำวนอยู่ที่หัวเลี้ยวตรงกองพันทหารช่างที่ 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา และแสดงปาฏิหาริย์จะเข้าไปในคลองเล็กๆตรงข้ามกองพันทหารช่างนั้นสถานที่พระลอยวนอยู่นั้นเรียกกันว่า " แหลมหัววน" และคลองนั้นก็ได้นามว่า คลองสองพี่น้อง หลังจากนั้นพระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ได้แสดงอิทธิปาฏิหารย์ไปลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ประชาชน ประมาณสามแสนคนช่วยกันฉุดอาราธนาขั้นฝั่งก็ไม่สำเร็จแล้วล่องเลยไปผุดขึ้นที่ลำน้ำแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ประชาชนชาวประมง อาราธนา ขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดบ้านแหลม ส่วนองค์สุดท้อง ล่องลอยไปผุดขึ้นที่วัดบางพลี จังหวัดสมุทรปราการและชาวบางพลีได้อัญเชิญประดิษฐานอยู่ที วัดบางพลีใหญ่ในอำเภอบางพลี ก็ปรากฏว่ามีผู้คนเคารพนับถือมาก พระพุทธรูปองค์กลาง คือ หลวงพ่อโสธร เมื่อลอยตามน้ำมาจากหัววน ดังกล่าวแล้วมาผุด ขึ้นที่ท่าหน้าวัดโสธร กล่าวกันว่า ประชาชนจำนวน มากทำการบวงสรวงแล้วเอาด้ายสายสิญน์คล้อง กับพระหัตถ์หลวงพ่อโสธร อัญเชิญขึ้นมาบนฝั่งนำ ไปประดิษฐาน ในวิหารสำเร็จตามความประสงค์ แล้วก็จัดให้มีการฉลองสมโภชและให้นามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อโสธร แต่เดิม หลวงพ่อพุทธโสธรประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่น ๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร และมีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระพรหมคุณาภรณ์ (จริปุณโญ ด. เจียม กุลละวณิชย์) อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานการก่อสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิมโดยใช้เทคนิควิศวกรรมสมัยใหม่ ไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธรและพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์ เนื่องจากตำแหน่งที่ประดิษฐานขององค์พระนั้นเป็นตำแหน่งที่มีความเชื่อว่าทำให้บ้านเมืองฉะเชิงเทราเจริญรุ่งเรือง จึงมีข้อจำกัดในการก่อสร้างที่ว่าการก่อสร้างนี้จะต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธร และพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์ แม้แต่กระเบียดเดียว ทั้งทางราบ และทางดิ่ง (หมายถึงว่าจะยกขึ้นลงก็ไม่ได้) โดยต้องสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กครอบฐานชุกชี ติดตั้งเครื่องระบายอากาศ มีเครื่องวัดความชื้น และติดตั้งเครื่องวัด และควบคุมอุณหภูมิและความชื้น งานออกแบบด้านสถาปัตยกรรมโดยนายประเวศ ลิมปรังษี งานด้านวิศวกรรมโครงสร้างโดย สำนักออกแบบนายอรุณ ชัยเสรี ภายในพระอุโบสถหลังใหม่นี้ ประดิษฐานพระพุทธโสธรองค์เดิม (องค์นั่งตรงกลางด้านหน้า) และพระพุทธรูปอื่นๆรวม 18 องค์ อยู่บนดอกบัวบานดอกใหญ่ ล้อมด้วยกลีบบัวเป็นศิลปกรรมวิจิตร พื้นหินแกรนิตเป็นภาพมหาสมุทรแสดงถึงตำนานของหลวงพ่อพุทธโสธรที่ลอยน้ำมา มีปลาขนาดใหญ่ของเมืองแปดริ้ว 5 ตัวว่ายวนอัญเชิญดอกบัว รอบๆมีสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา คาบดอกบัวมาสักการะ ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบของศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ ศิลปินแห่งชาติ ลักษณะพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบรัตนโกสินทร์ประยุกต์ หลังคาประกอบเครื่องยอดชนิดยอดทรงมณฑปแบบไทย ต่อเชื่อมด้วยวิหารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านข้างต่อเชื่อมด้วยอาคาร รูปทรง เดียวกับพระวิหารเป็นอาคารมุขเด็จ จึงมีลักษณะเป็นอาคารมีหลังคาแบบจตุรมุขอย่างปราสาทไทย กว้าง 44.5 เมตร ยาว 123.50 เมตร ส่วนกลางพระอุโบสถมียอดมณฑปสูง 85 เมตร ยอดมณฑปมีลักษณะเป็นฉัตร 5 ชั้น มีความสูง 4.90 เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนัก 77 กิโลกรัม มูลค่า 44 ล้านบาท ผนังด้านนอกพระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ผนังด้านในเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังโดยศิลปินแห่งชาติซึ่งเป็นผู้เขียนภาพประกอบพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล โดยตำแหน่งของดวงดาวบนเพดาน กำหนดตำแหน่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 ณ เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ วัดโสธรวรารามวรวิหารเป็นวัดที่มีผู้คนมาอธิษฐานขอพรกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีผู้คนแวะเวียนกันมาหนาแน่นตลอดทั้งวัน หากใครประสบผลสำเร็จในคำขอพร คำบนบาน ก็มักจะมาแก้บนกันด้วยไข่ต้ม หรือ ละครรำ แต่ไข่ต้มนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่มีข้อห้ามอยู่ 2 เรื่องคือ ขอบุตร กับเรื่องทหาร ห้ามขอ เนื่องจากหลวงพ่อชอบให้ปกปักรักษาบ้านเมือง หากใครบนเรื่องทหารก็มันต้องโดนเกณฑ์ทุกราย หรือได้บุตรไม่ครบ 32 ประการ เนื่องจากท่านได้ส่งลูกหลานเป็นทหารบาดเจ็บล้มตายมาให้นั่นเอง ทางวัดมีโซนจอดรถบริเวณด้านหลังวัด โดยมีพื้นที่จอดค่อนข้างกว้างขวาง สามารถรองรับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก แต่หากมีผู้คนมาเกินกว่าที่พื้นที่ของทางวัดรองรับได้ ก็สามารถจอดรถฝั่งตรงข้ามที่เป็นส่วนของโรงเรียนได้ อีกช่องทางหนึ่งในการติดตาม “ทนายอ้วนพาเที่ยว” Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนพาเที่ยว https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/ Chubby Lawyer Tour ………………….. เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน ไม่ได้ไปนานพอสมควรเลยค่ะวัดโสธร แต่สวยขึ้นเยอะค่ะ
โดย: zungzaa วันที่: 7 ตุลาคม 2563 เวลา:21:05:49 น.
หลวงพ่อโสธรมีชื่อเสียงมานาน คนไปกันเยอะเหมือนกันนะครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 ตุลาคม 2563 เวลา:21:24:26 น.
สวัสดี จ้ะ น้องบอล
มาไหว้หลวงพ่อโสธรด้วยจ้ะ วัดนี้ ครูเคยไปหลายครั้งอยู่ นี่ ไม่ได้ไปหลายปีเหมือนกัน ดูจากรูปถ่ายที่เธอถ่ายมาให้ชม มีสิ่ง ก่อสร้างสวยงามเพิ่มเติมมากมายเลยนะ บล็อกนี้ นอกจากได้ชมภาพสวยงามของวัดโสธรแล้ว ยังได้รับ ความรู้ด้านประวัติความเป็นมาของวัดด้วย ดีมากจ้ะ โหวดหมวด ท่องเที่ยว โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 7 ตุลาคม 2563 เวลา:22:39:08 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ตามมากราบพระด้วยค่ะ เคยไปกับตายายตอนเด็กมากๆ จำได้แต่เพียงไม่ให้ผู้หญิงเข้าโบสถ์ ตอนนั้นไม่รู็เรื่องอะไร รู้แต่ว่าคนเยอะมาก เบียดเสียด และไม่ชอบเลย ในการจะมากราบพระและชมเป็นบุญตา กลับไม่ให้เราเข้าไป แล้วไม่เคยไปอีกเลยค่ะ เป็นครั้งเดียวในชีวิต มาอ่านประวัติแล้วก็นึก..อืม..มีเรื่องปาฏิหารย์แบบนี้เกิดขึ้นตามเล่าจริงๆหรือ...อัศจรรย์ดี หากเป็นเรื่องจริงค่ะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 8 ตุลาคม 2563 เวลา:8:35:16 น.
อยากไปตามรอยจัง ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกันนะนี่
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 8 ตุลาคม 2563 เวลา:9:35:11 น.
ใครไปก็สงสัยว่าองค์ไหนองค์จริง สรุป องค์ตรงกลาง
เหมือนวัดเขาตะเครา อันนั้นองค์จริงอยู่ตรงศาลา สงสัยเหมือนกัน เกิดลืมน่ี่ลำบาก จำลองเยอะเกิน โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 8 ตุลาคม 2563 เวลา:11:01:31 น.
หลายคนสงสัยว่า องค์จริงองค์ใด รวมทั้งผมด้วย.. อ๋อ องค์กลางนั่นเอง
... เมื่อก่อนผมถูกสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียน เพาะช่าง ครูผู้สอบถามผมว่า พระพุทธสิหิงค์ มีกี่องค์... ผมเด็กบ้านนอกเชียงใหม่ โลกแคบมาก เลยตอบว่า มีองค์เดียวที่เชียงใหม่่ครับ 555 ก็สอบตกซิครับเลย ไม่ได้เรียนที่นั่น แหมถ้าเป็นเด็กสมัยนี้ ดูข่าวทางเน็ตได้ คงตอบว่า ไม่ทราบจำนวน ที่แน่ชัดครับ ... โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 8 ตุลาคม 2563 เวลา:15:01:50 น.
ปกติผมไปบ่อยมากครับ เมื่อก่อนโควิด
แต่หลังโควิดยังไม่เคยไปเลยครับ ปกติผมจะไปวันเกิด ปีใหม่ สงครานต์ไรงี้ครับ แม่ไปบนขอผมจากที่นั่นด้วยครับ เดี๋ยวต้องหาเวลาไปไหว้ท่านบ้างแล้วครับ โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 8 ตุลาคม 2563 เวลา:15:14:11 น.
ทำตัวเรียบร้อย
แล้วพี่อุ้มค่อยบรรจงก้มกราบพระ เข้าวัดต้องเป็นกุน-ละ-สะ-ตี อิอิ โดย: อุ้มสี วันที่: 9 ตุลาคม 2563 เวลา:7:54:42 น.
เพิ่งไปมาตอนเดือนมิถุนายน 63 เลยค่า
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 9 ตุลาคม 2563 เวลา:10:54:03 น.
วัดนี้เคยไปเที่ยวอยู่หนนึง สร้างอาคารต่างๆ ได้สวยดีครับ
โดย: สมาชิกหมายเลข 6023213 วันที่: 10 ตุลาคม 2563 เวลา:1:02:52 น.
โดย: mini-guide-hors-serie-changer-de-banque.pdf IP: 139.99.104.93 วันที่: 12 ตุลาคม 2563 เวลา:1:43:06 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?] Friends Blog
|
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B
8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A
3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E
0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B
8%A3
//ilove8riew.com/location/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%
E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%
B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8
A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%
E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%
B8%A3/
https://travel.mthai.com/region/154576.html
//www.sawasdee-padriew.com/8riew-watsothon.html
https://thai.tourismthailand.org/Attraction/%E0%B8%A7%E0
%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8
%98%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2
%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0
%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8
%B2%E0%B8%A3
https://www.paiduaykan.com/76_province/central/chachoeng
sao/watsothon.html