จดหมายจากพ่อ - ต้นฉบับประกวดบันทึกชีวิต ( ตอนจบ)

(ตอนฉันได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวเรื่องผลการประกวด ฉันโทรไปบอกพ่อถึงเรื่องนี้ พ่อหัวเราะหึหึและบอกเพียงว่า ระวังมันจะเป็นโทรศัพท์หลอกให้ไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบที่คนอื่นเขาโดนกัน.... แปลว่าพ่อไม่เชื่อว่าลูกสาวจะได้รางวัล ... อืม ฉันเองก็ยังไม่เชื่อเลย... )จดหมายจากพ่อ
ทุกวันที่เดินกลับบ้าน ฉันจะก้มลงมองตู้จม.แทบทุกครั้ง ด้วยหวังลมๆแล้งๆว่าเผื่อมีใครเขียนจดหมายมาหาฉัน หรือจะเป็นแค่ จดหมายขยะ (junk mail )ก็ยังดี
หัวค่ำวันหนึ่งฉันพบจดหมายจ่าหน้าถึงสิริพันธุ์สองฉบับ ฉบับหนึ่งมาจากพี่ชายคนโตที่รู้ใจน้องสาว พี่มักตัดคอลัมน์น่าสนใจจากเมืองไทยมาให้คนไกลบ้านอ่านสม่ำเสมอ ส่วนอีกฉบับ มองปราดเดียวก็รู้ว่าส่งมาจากพ่อ
ลายมือของพ่อเป็นเอกลักษณ์ เพียงไม้เอกตัวเดียว บางทีฉันอาจบอกได้ว่าไม้เอกอันไหน พ่อเขียน
ฉันเดินตัวลอยๆ ถือจดหมายไปวางไว้ที่โต๊ะ ยังไม่อ่านทันทีทันใด เพราะของสำคัญอย่างนี้ต้องมีพิธีรีตองกันหน่อย ความสำคัญไม่ใช่เพียงจดหมายจากพ่อที่ข้ามน้ำข้ามทวีปมาหา แต่มันเป็นจดหมายฉบับแรกในชีวิตของฉันที่ได้รับจากพ่อ
ฉันแกะซองจดหมายอย่างประณีตบรรจง บางครั้งพิธีการเล็กๆน้อยๆก็เพิ่มความขลังได้อย่างประหลาด
จดหมายฉบับก่อนที่ฉันเขียนถึงพ่อ ฉันโอดครวญถึงใบกระเพราว่าที่นี่ขายแพงและกลิ่นไม่หอมเหมือนใบกระเพราบ้านเรา ฉันจึงลอบมองดูในซองว่าพ่อจะแนบใบกระเพรามากับจดหมายด้วยหรือไม่
ฉันโล่งใจที่พ่อไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะหากมีใบกระเพราแนบมา ซึ่งหมายถึงมันลอดสายตาด่านศุลกากรมาได้ อีกไม่นานฉันคงเขียนจดหมายตอบและรบเร้าพ่อในครั้งต่อไปว่า พ่อจ๋า ครั้งหน้าขอใบโหระพาด้วยนะจ๊ะ
วิธีการเขียนของพ่อบ่งบอกลักษณะนิสัยของผู้เขียนชัดเจน ตัวหนังสือเท่ากันและเป็นระเบียบเหมือนพิมพ์ดีด ย่อหน้าตรงเป๊ะไม่ผิดแม้องศา มีตัวเลขไทยสีแดงกำกับตรงตำแหน่งเดียวกันทุกแผ่น และเว้นช่องไฟด้านซ้ายของกระดาษตรงแหนว ราวกับเอาไม้บรรทัดมานาบกับกระดาษเวลาเขียน
แต่ภาษาที่พ่อใช้ในจดหมาย ตรงกันข้าม
พ่อออกตัวว่าชีวิตประจำวันของพ่อเหมือนตารางสอนที่ซ้ำซากจำเจ แต่เมื่อมันบอกเล่าผ่านลายมือของพ่อ ทุกวรรคตอนดูจะน่าตื่นเต้นไปเสียหมด เคยมีคนเล่าขานให้ฟังว่าสมัยหนุ่มๆ พ่อเป็นนักเขียนจดหมายตัวยง เขียนหาเพื่อนทีหนึ่งแทบจะใช้กระดาษหมดทั้งอำเภอ และคนรับจะแบ่งปันให้คนรอบข้างอ่านกันครื้นเครง
ฉันเขียนได้ไม่เก่งเท่าครึ่งหนึ่งของพ่อ แต่ฉันคงรับมรดก คนชอบเขียน จากพ่อมาพอสมควร
พ่อบอกเล่าเหตุการณ์ทั่วไปที่เกิดขึ้นในเมืองไทยให้ฟังแบบย่อ เหมือนอ่านสรุปข่าวฉบับครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับในหลวงที่พ่อประทับใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ฉันอ่านจดหมายของพ่อซ้ำๆ เหมือนว่าเป็นบทอาขยานจากพ่อ
อ่านช้าๆ ... เพราะพ่อบอกมาในจดหมายว่าใช้เวลาเขียนหลายวัน เขียนๆหยุดๆ เขียนๆไปปวดหลังก็หยุดเขียนไปวันหนึ่ง แล้วค่อยมาเขียนใหม่ บางทีก็ต้องระดมความคิดว่าจะเขียนอะไรถึงลูกสาวดี
ฉันรู้ดีว่าจดหมายห้าหน้านี้ พ่อใช้เวลาเขียนนาน อาจต้องปวดหลังหลายรอบพร้อมๆกับปวดหัวนิดหน่อย ฉันเลยอ่านช้าๆให้สมกับที่พ่อละเมียดเขียน
ถึงฉันจะอยู่ในโลกการสื่อสารไร้พรมแดนที่ปัจจุบันสามารถส่งอีเมล์ถึงกันได้เพียงปลายนิ้วพรมลงบนแป้นคอมพิวเตอร์ แต่ฉันก็ยังลุ่มหลงเสน่ห์ของการส่งจดหมายแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยการรอคอย ความหวัง และความตั้งใจ
บางทีอาจไม่ใช่เพียงเนื้อความในจดหมายที่เรารอคอย แต่เรายินดีที่จะชื่นชมความสุขเล็กๆน้อยๆที่รายรอบระหว่างการเดินทางของจดหมายนั้นต่างหาก
ฉันยอมเป็นโรคถุงลมโป่งพองสักสองสามวัน หากว่าการสูดเอาตัวหนังสือของพ่อเข้าไปพองในปอดแล้วจะสามารถหายใจออกมาเป็นความปิติ
บรรทัดสุดท้ายก่อนถึงลายเซ็นของพ่อ เขียนไว้สั้นๆว่า รัก ฉันอมยิ้ม... รู้สึกเหมือนเป็นถุงลมโป่งพองอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันไปพองที่หัวใจ
เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่บุรุษท่านนี้จะเปิดเผยคำนี้ให้ลูกสาวรับรู้ คล้ายว่าพ่อจะภูมิใจที่ได้แสดงออกทางการกระทำมากกว่า
แม้มันอาจตีความได้ว่าเป็นเพียงคำลงท้ายสามัญเหมือนคำว่า Love, ในภาษาอังกฤษ แต่ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และตีขลุมเอาง่ายๆว่าเป็นความในใจจากพ่อ ที่ความหมายของมันมีค่าเป็นทศนิยมไม่รู้จบ
Create Date : 02 กันยายน 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 2 กันยายน 2552 9:58:20 น. |
Counter : 1310 Pageviews. |
|
 |
|
วันศุกร์อย่าลืมถ่ายรูปตอนรับรางวัลมาให้ดูด้วยนะจ๊ะ แล้วจะว่างมาให้ข้าพเจ้าเลี้ยงยินดีเมื่อไหร่ก็บอกมา เตรียมตัวเสียตังค์อยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาเคอร์ฟิวด้วยรึเปล่า?
หรือจะเป็นการดี พาคุณพ่อมาชมคุณพระช่วยสำแดงสดตอนพ.ย. ข้าพเจ้าก็จะยิ่งเป็นเกียรติรับใช้เป็นอย่างยิ่ง
Congratulations!