สอนไทยให้ฝรั่ง # 1: มานะซัง กับ มานีจัง
ไม่นานมานี้ ฉันได้รับเมล์ส่งต่อจากเพื่อน เป็นข้อความสั้นๆแจ้งว่าหนังสือแบบเรียนคลาสสิกเรื่องมานะ-มานี กำลังจะกลายเป็นภาพยนตร์เร็วๆนี้แล้ว

ตัวอย่างภาพสเกตช์ตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้
ฉันเกิดในยุคเกือบรุ่นท้ายๆที่ได้เรียนแบบเรียนมานะ-มานี ก่อนกระทรวงศึกษาธิการจะเปลี่ยนหลักสูตร รู้สึกเป็นโชคและเป็นบุญที่มีโอกาสได้เรียนแบบเรียนชุดนี้ ถ้าให้ฉันประมวลรายชื่อหนังสือในดวงใจ แบบเรียนมานะ-มานีต้องอยู่ในลำดับต้นๆแน่นอน
จำได้ว่า ตอนฉันเรียนป. 1 ฉันทุ่มเถียงกับพี่ชายคนที่สองของฉันอยู่นาน พี่ชายซึ่งเรียนจบชั้นประถมไปก่อนหน้านี้นานแล้วหาเรื่องมาอำน้องว่า เจ้าแก่ ( ม้าของปิติ - หนึ่งในตัวเอกของแบบเรียน)ตายแล้ว
แต่เด็กประถมหนึ่งอย่างฉัน ยังอ่านแบบเรียนไม่ถึงชั้นปีต่อไปเถียงใจขาดว่าปิติยังขี่เจ้าแก่ไปโน่นมานี่อยู่เลย ปิติยังขี่เจ้าแก่มาอวดมานีด้วยนะ...
พี่ชายตัวดียังหาเรื่องมาชวนแกล้งในเรื่องอื่นๆอีกมาก ถ้าจะอิงภาษาชาวพันทิปคงต้องว่า พี่ชาย 'สปอยล์'* เรื่องมานะ-มานีให้ฉันเซ็งไปหลายรอบ
( หมายเหตุ - สปอยล์* เป็นภาษาเฉพาะของชาวพันทิป หมายถึง การเล่าเรื่องในหนัง ในละคร หรือในหนังสือให้คนอื่นที่ยังไม่เคยดู เคยอ่าน รู้ตอบจบจนหมดเปลือก )
ความทรงจำแสนสุขในห้องเรียน และเรื่องราวของมานะ มานี ชูใจ ปิติเนิ่นนานมาแล้ว แต่ฉันไม่นึกเลยว่ามันจะหวนกลับมาให้ได้คิดถึงอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันสัมผัสหนังสือเล่มนี้ในฐานะคุณครู ไม่ใช่เด็กนักเรียนเหมือนในวันวาน ...
บันทึกต่อไปนี้ ฉันเขียนเก็บไว้เมื่อปีก่อน เป็นบันทึกความทรงจำแสนสนุกเกี่ยวกับวิชาอ่านไทย เขียนไทยให้ฝรั่งตาน้ำข้าวคนหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งเป็นศิษย์เอกของฉัน
สอนไทยให้ฝรั่ง
ฉันฝันอยากเป็นโน่นเป็นนี่มากมาย มีโครงการในหัวร้อยแปด สำเร็จแล้วบ้าง ลมๆแล้งๆบ้าง แต่ฝันเล็กๆอย่างหนึ่งคืออยากเป็นครู เพราะฉันรู้สึกดีเสมอเวลาได้ถ่ายทอดอะไรให้ใครได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
พอมาถึงเมลเบิร์น จัดการเรื่องลงเรียนและปรับตัวไม่ถึงสัปดาห์ฉันก็เริ่มมองหางานทำ งานที่ฉันเลือกทำมักเกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารเพราะมีความชอบเป็นทุน
แต่การสอนภาษาไทยให้ฝรั่งนั้น เป็นจ๊อบพิเศษที่เรียกว่าจับพลัดจับผลู มากกว่ามุ่งมั่นจะทำตั้งแต่แรก แต่แล้วมันกลับเป็นจ๊อบที่ฉันสนุกและภูมิใจที่สุด
สตีฟ เป็นนักเรียนคนแรกและคนเดียวที่ฉันสอนภาษาไทยให้เป็นเรื่องเป็นราว สตีฟเคยมานั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนๆสมัยฉันทำงานเสริ์ฟที่ร้านอาหารฝรั่ง ตอนฉันไปเสิร์ฟกาแฟที่โต๊ะ สตีฟถามว่าฉันเป็นคนไทยหรือเปล่า ฉันประหลาดใจถามอย่างสนเท่ห์ว่าคุณรู้ได้ยังไง
สตีฟบอกว่า I guess from your smile
.
หลังจากฉันลาออกจากร้านฝรั่งนั้นได้พักใหญ่ ก็ได้รับการติดต่อจากสตีฟว่าสนใจอยากเรียนภาษาไทยกับฉัน โดยเพื่อนสนิทชาวญี่ปุ่นที่ยังทำงานที่ร้านนั้นให้เบอร์มา
สตีฟเป็นชาวออสซี่แท้ อายุห้าสิบกว่าๆ ทำอาชีพช่างไม้ มีภรรยาเป็นคนญี่ปุ่น เคยไปอยู่ญี่ปุ่นและพูดญี่ปุ่นได้ดีพอใช้ เขาอยากเรียนไทยทั้งอ่าน เขียนและพูดเพราะเขาเคยไปเที่ยวเมืองไทยแล้วรักเมืองไทยมาก โดยเฉพาะชีวิตสงบเงียบแถวหาดชะอำ
เขาตั้งใจว่าอยากไปใช้ชีวิตวัยเกษียณที่เมืองไทย เลยอยากเรียนรู้ภาษาไทย อีกอย่างสตีฟบอกว่าอาชีพที่เขาทำเป็นอาชีพที่ต้องออกแรง เขาจึงอยากหากิจกรรมหลังเลิกงานที่ไม่ใช่เล่นกีฬาหรือบริหารร่างกาย แต่บริหารสมองแทน สมองจะได้ฝึกฝนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังดูเข้าที
ฉันมีภาระหนักเรื่องเรียนกับเรื่องทำงานพิเศษบ้างบางวัน แต่สตีฟอยากเรียนภาษาไทยเพียงชั่วโมงครึ่งต่อสัปดาห์ ฉันจึงคิดว่าสามารถจัดสรรเวลาได้ไม่ลำบากนัก
ลำพังค่าจ้างค่าออนที่ได้ไม่คุ้มค่าเดินทาง ค่าเวลาเตรียมการสอนและอื่นๆ แต่งานนี้จุดมุ่งหมายไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่ออุดมการณ์ในใจ และเป็นงานในอุดมคติที่ฉันอยากทำอยู่แล้ว ฉันจึงตกลงเป็นครูสอนภาษาไทยให้นักเรียนฝรั่งตั้งแต่บัดนั้น
เรื่องชวนหัวในห้องเรียน : ห้องเรียนนี้ไม่มีไม้เรียว แต่ลงโทษด้วยขนม
สตีฟเคยเรียนภาษาไทยมาบ้างสมัยตอนไปเที่ยวเมืองไทย แต่เรื้อไปนานจนคืนก ไก่ ถึง ฮ นกฮูกลงหม้อต้มยำน้ำใสให้อาจารย์ไปหมดแล้ว ฉันต้องมาเริ่มต้นปรับพื้นฐานภาษาและฟื้นฟูความจำให้สตีฟใหม่ตั้งแต่พยัญชนะ จนถึงสระ วรรณยุกต์
ช่วงแรกๆของการเรียนฉันกังวลว่าการเรียนการสอนของเราคงก้าวหน้าไปไม่ถึงไหน เพราะเจอกันแค่สัปดาห์ละหน แถมผลสอบPre-test ที่ฉันลองประเมินดูก็น่าใจหาย แต่พอผ่านระยะวิกฤตช่วงสับสน บ ใบไม้เป็น ป ปลา / ฝ ฝา เป็น ฟ ฟาน พัฒนาการของสตีฟก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนฉันเบาใจ
ความฝันสูงสุดของสตีฟคืออยากอ่านนิทานสองเล่มที่ซื้อมาจากเมืองไทยให้ได้ แต่ฉันจัดตารางเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไปให้สตีฟ โดยหลังจากเคี่ยวกรำวิชาพยัญชนะ สระไทยให้สตีฟอยู่นานพอควรจนมึนตึ๊บกันไปทั้งครูทั้งนักเรียนแล้ว ฉันก็เริ่มให้นักเรียนสตีฟหัดอ่านหนังสือ มานะ มานี

สตีฟมีสำเนาหนังสือ มานะมานีเล่มป.หนึ่ง ซึ่งสตีฟเรียกว่า มานีชาน ( หมายถึง มานีจังตามแบบสำนวนญี่ปุ่น) ฉันบอกสตีฟว่าหนังสือมานะ-มานีเป็นหนังสือแบบเรียนที่ฉันรักมาก
ตอนกระทรวงศึกษาธิการยกเลิกแบบเรียนนี้ ฉันเสียดายมาก มันคงเศร้าไม่แพ้สมัยคุณยายชาวสยามที่ติดหมาก แต่ต้องโค่นต้นหมากทิ้งทั้งน้ำตาในช่วงปฏิวัติของชาตินั่นล่ะ ฉันพลิกดูสำเนาหนังสือ มานะ- มานีทีละหน้าอย่างคิดถึงและบอกสตีฟว่า รู้ไหมตอนฉันเรียนป.หนึ่งนะ ฉันแอบอ่านตำรามานีจบเล่มตั้งแต่วันแรกเลย เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็อ่านเพลินดี แค่แผนผังหมู่บ้านมานีหน้าแรก ฉันก็นั่งเล่นกับหน้านี้ได้เป็นชั่วโมงแล้ว ฉันปลูกบ้านฉันในแผนผังนี้ด้วยนะ

(แผนที่หมู่บ้านของมานี ในหนังสือแบบเรียน ถ้าไม่นับแผนที่ประเทศไทยของครูทองใบ แตงน้อยแล้ว แผนที่ชิ้นนี้แหละที่ถือเป็นสุดยอดแผนที่ในดวงใจของฉัน)
สตีฟถามว่าจริงเหรอ บ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ ฉันหัวเราะเอานิ้วจิ้มไปแถวๆตลาด ซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำ พลางบอกว่า ฉันเลือกเอาแถวใกล้ตลาดเพราะหิวเมื่อไหร่ก็วิ่งแจ้นไปซื้อขนมกินได้ แถมไปนั่งเล่นริมน้ำได้บ่อยๆด้วย

( บ้านหลังที่ฉันกาดาวแดงไว้บนหลังคา หลังนี้แหละที่แอบจองไว้ตั้งแต่เป็นเด็กหญิงชั้นป.1 วัยนั้นยังไม่รู้จักคำว่า เขตธรณีสงฆ์ เห็นมันทำเลดีใกล้ตลาด กับใกล้แม่น้ำ ก็รีบจิ้มๆจองเอาไว้ด้วยอารามตื่นเต้น
หารู้ไม่ว่าถ้าแผงผังนี้เป็นหมู่บ้านจริงๆ ฉันคงเผลอจับจองศาลาวัด ไม่ก็ที่ทำการสงฆ์ของมัคนายกหรือเจ้าอาวาสเข้าให้แล้ว ... )
ถึงตอนสอนอ่านจริง แค่เริ่มต้นให้นักเรียนสตีฟทำความรู้จักตัวละครในเรื่องมานะ มานีก็สนุกแล้ว ฉันเคยบอกสตีฟว่าชื่อคนไทยนั้น ส่วนมากมักมีความหมาย เพราะคนไทยนั้นลึกซึ้ง เวลาตั้งชื่อจึงเน้นชื่อที่เป็นสิริมงคล และคัดสรรชื่อประจำตัวอย่างพิถีพิถัน
สตีฟเลยขอให้ฉันอธิบายถึงความหมายของชื่อตัวละครแต่ละตัวในมานะ-มานีอย่างละเอียด ( เกรงเรื่องจะยาวเกินไป แล้วผู้ชมบลอกจะถอดใจเสียก่อน จึงยกยอดไปต่อตอนจบ ในเอนทรี่หน้า - ขอบคุณค่ะ)
Create Date : 22 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 10:59:55 น. |
|
11 comments
|
Counter : 5274 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Kanda O'Connell IP: 124.149.2.226 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:11:17:10 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:11:21:39 น. |
|
|
|
โดย: ภูเพยีย วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:12:36:19 น. |
|
|
|
โดย: psyche IP: 204.114.196.11 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:14:47:12 น. |
|
|
|
โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:16:37:03 น. |
|
|
|
โดย: chabori วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:15:32:16 น. |
|
|
|
โดย: ญา IP: 27.55.69.97 วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:19:23:54 น. |
|
|
|
โดย: K.aojung IP: 1.20.138.217 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:06:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:14:42:40 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใส หลักสี่ IP: 58.11.117.35 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:18:35:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|