ไปรษณีย์เจ้าขา ดราม่าเต้าฮวย สาขาโรงเจ #1

ทุกปีเมื่อเทศกาลกินเจมาถึง ถนนสายกลางบริเวณหน้าโรงเจของเมืองชลฯจะคล่าคล่ำด้วยรถรา และร้านรวง
มองเผินๆเหมือนกลุ่มพันธมิตรกำลังเคลื่อนทัพมาตั้งหลักประท้วง เพราะธงเหลือง ป้ายเหลือง และอะไรต่อมิอะไรที่ล้วนแต่ใช้วัสดุสีเหลืองเป็นหลักจะถูกนำมาประดับประดาทุกพื้นที่
ฉันไม่ได้ถือศีลกินเจชนิดต้องขนเอาถ้วยชามในบ้านมาล้างขัดแบบบางบ้าน แต่ก็เต็มใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเทศกาลนี้
แค่เพียงบังคับตนเองให้มีวินัยและละกิเลสในการกินเพียง 10 วัน นอกจากเป็นการฝึกตนกลายๆแล้ว ยังรู้สึกว่าเมื่อกินเจ ผิวพรรณจะผ่องใสราวกับเพิ่งฉีดโบทอกซ์มาหมาดๆอย่างน่าอัศจรรย์ด้วย
กิจกรรมที่ฉันชอบในช่วงเทศกาลคือการไปเดินเที่ยวรอบโรงเจ
ฉันชอบบรรยากาศที่อยู่รายล้อมคนสวมชุดขาว หน้าตาอิ่มเอิบ ร้านค้าขายอาหารเจ ของใช้ ของที่ระลึกจากเมืองจีนที่มักเน้นสีแดงและสีทอง เสียงเพลงจีนหงุงหงิงจากลำโพงร้านขายซีดีสวดมนต์ เสียงพ่อค้าแม่ค้าเรียกซื้อสินค้า เสียงต่อรองราคา และกลิ่นควันธูปจางๆที่อวลออกมาจากศาลเจ้า
ฉันทึ่งกับเมนูอาหารบางชนิดที่ยังอุตส่าห์สร้างสรรค์ออกมาขายกันเอิกเกริก เช่น หมูสะเต๊ะเจ ก๋วยเตี๊ยวตือฮวนเจ กระเพาะปลาเจ ทั้งที่ชื่อมันมีเนื้อสัตว์ทนโท่ แต่เมื่อพะคำว่า เจ ต่อท้ายเมนู
ดูเหมือนจะกลายเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่คนสวมชุดขาวพร้อมใจกันเข้าไปอุดหนุนกันอุ่นหนาฝาคั่ง
ฉันจำได้ว่าตอนฉันยังเด็ก แม่ซึ่งมีอาชีพค้าขายมักขนวัตถุดิบเช่น ข้าวสาร- น้ำตาลเป็นกระสอบ ผักเป็นมัดๆ ฯลฯไปให้แม่ครัวประจำโรงเจใช้ประกอบอาหารให้ผู้คนทั่วไปที่โรงทาน
ทีแรกฉันนึกว่าแม่โชคดีได้เป็นแม่ค้าผูกขาดการส่งของให้โรงเจ แม่คงได้กำไรมาก แต่ต่อมาถึงรู้ว่าแม่ขนของไปบริจาคโดยไม่คิดเงินสักบาท
ฉันจึงได้เรียนรู้และซึมซับความสุขของการให้จากต้นแบบอย่างแม่ ซึ่งกลายเป็นนิสัยติดตัวฉันไปตลอดชีวิต
ถัดออกมาจากโรงทาน จะมีลานกว้างนำไปสู่ประตูใหญ่ของศาลเจ้า เหมือนเป็นด่านสุดท้ายที่กั้นเขตระหว่างคนรับเจ้าถือศีลเคร่งครัดกับผู้มาเยี่ยมโรงเจทั่วไปออกจากกัน
เยื้องประตูทางเข้าศาลเจ้า มีโต๊ะยาวตัวเขื่องตั้งไว้บริการไปรษณีย์อยู่หนึ่งสาขา ซึ่งไปรษณีย์สาขาโรงเจจะพิเศษกว่าไปรษณีย์ทั่วไป ตรงที่ลูกค้าสามารถมาเลือกซื้อชุดของขวัญที่ระลึกเพื่อส่งให้ญาติผู้ล่วงลับได้
ฉันเคยลองใช้บริการนี้เป็นครั้งแรกตอนทดลองส่งของให้แม่ ทุกสิ่งทุกอย่างในชุดของขวัญล้วนทำด้วยกระดาษรีไซเคิลทั้งสิ้น ซึ่งชุดที่ฉันเลือกให้แม่ประกอบด้วยเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ รวมถึงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อNOKA
ฉันนึกขำ เพราะสมัยแม่ยังอยู่ มือถือยังไม่แพร่หลายในบ้านเรา ฉันสงสัยอยู่เหมือนกันว่าถ้าแม่ได้รับของ แม่จะเคืองฉันไหมที่ไม่ได้ส่งคู่มือการใช้มาด้วย
ฉันจำได้ว่าตอนใช้บริการครั้งแรก ฉันเป็นลูกค้าที่ป้ำเป๋อพอใช้ เพราะฟอร์มที่เจ้าหน้าที่ยื่นให้ลูกค้ากรอกรายละเอียดนั้นมีแต่ตัวหนังสือเป็นภาษาจีนทั้งหมด ไม่มีฟอร์มและตัวอย่างการกรอกแบบที่เห็นตามเคาเตอร์ธนาคารแต่อย่างใด
ฉันจึงต้องอาศัยความกล้ากึ่งเขิน ขอตัวช่วยจากเจ้าหน้าที่ให้อธิบายแบบฟอร์มให้หน่อย
ช่องแรก - ชื่อผู้รับ ฉันเขียนลายมือสวยๆลงไปในช่อง บุรุษไปรษณีย์ ( ซึ่งคงเป็นทีมงานของเจ้าองค์ใดสักองค์ที่อยู๋ในโรงเจ) จะได้ส่งได้ถูกคนตามความประสงค์ของผู้ส่ง
ช่องถัดมา เจ้าหน้าที่บอกให้ฉันลงไปกรอกฟอร์มด้านล่างเป็นชื่อผู้ส่ง และที่อยู่ของผู้ส่ง
ถึงตอนนี้ ฉันเงยหน้าถามเจ้าหน้าที่โรงเจว่า ฉันยังกรอกช่องผู้รับยังไม่เสร็จ ....ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน แล้วฉันจะเขียนที่อยู่ผู้รับได้อย่างไร
Create Date : 20 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 9:02:40 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1107 Pageviews. |
 |
|
|
อ่านเรื่องนี้แล้วยิ้มอยู่คนเดียว
อารมณ์ขันเหลือเฟือจริงๆ
ไปงานสัปดา์ห์หนังสือมาบ้างหรือเปล่า ?
อยากเอาเพลงมาฝากแต่กลัวว่าไม่ค่อยได้ฟัง