|
๔๗๖ - กลแห่งมาร ตอนที่ ๓ (จบ)
เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาในการขอคำตอบของพระราชา ชายนักเดินทางถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้ายังท้องพระโรง ก่อนที่เขาจะพูดปฏิเสธและขอออกจากเมืองเพื่อเดินทางต่อ ทำให้พระราชาทรงพิโรธหนัก เพราะเหตุจากความเห็นผิดคิดว่าชายนักเดินทางเย่อหยิ่ง และเข้าใจว่าเขาดูถูกในสมบัติของพระราชาว่าไร้คุณค่า พระราชาจึงอ้างเหตุนี้จับกุมตัวชาบนักเดินทาง และให้ประหารชีวิตในวันรุ่งเช้า ตอนพระอาทิตย์โพล่พ้นทิวเขา แม้ว่าองค์หญิงจะขออดโทษให้ แต่ก็ไม่เป็นผลประการใด นอกจากว่าชายนักเดินทางจะเปลี่ยนใจรับข้อเสนอของพระราชา
ฮึ ๆ ตั่งแต่ข้าเกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นผู้ใดโง่งมเท่าเจ้ามาก่อน ข้าอุตส่าห์มอบบัลลังก์ พร้อมทรัพย์สมบัติ รวมทั้งองค์หญิงลูกสาวของข้า เจ้ายังปฏิเสธ ประหนึ่งของสิ่งนี้มีค่าเพียงงเถ้าธุลีใต้ฝ่าเท้าเรา ถ้าหากเจ้ารักการเดินทางมากเพียงนั้น ก็จงไปแต่เพียงวิญญาณเถิด นอกเสียจากก่อนพระอาทิตย์รุ่งวันพรุ่งนี้ เจ้าจะเปลี่ยนใจรับข้อเสนอ พระราชาตรัสด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องไปทั้วท้องพระโรง
ชายนักเดินทางพอทราบชะตากรรมของตัวเอง เขาจึงไม่ตระหนกใจอะไร และไม่พูดสิ่งใดอีก ปล่อยให้ทหารคุมตัวเขาไปขังในห้อง เพื่อทำการประหารชีวิตในวันพรุ่งนี้ ชีวิตความเป็นความตาย บางทีมันก็อยู่ที่เราจะเลือก ตลอดเวลาที่ผ่านมา พบผ่านเรื่องราวมากมาย ทำให้เขารู้จักชีวิตนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นมาชั่วคราว ไม่ได้ถูกฆ่าในคราวนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะถูกสิ่งอื่นฆ่าตาย หรือไม่ก็ต้องตายด้วยเหตุจากโรค หรือไม่ก็ถูกความชราครอบงำและเข้ามาทำลายชีวิตนี้ ความตายแม้จะเร็วหรือช้า มันจะสำคัญมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ
ตลอดค่ำคืนก่อนการประหาร องค์หญิงดูจะเป็นผู้มีความทุกข์ร้อนใจมากกว่าใคร เธอเองเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมด แม้ว่าความตายไม่อาจจะพรากชีวิตเธอได้ในตอนนั้น แต่พรุ่งนี้ก็ต้องมีคนมาตายแทนอยู่ดี องค์หญิงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ชายนักเดินทางรับข้อเสนอในฐานะผู้มีพระคุณ ในขณะเดียวกันก็ออดอ้อนอ้อนวอนพระราชาผู้เป็นบิดาลดหย่อนโทษให้
ชายนักเดินทางมองดูอาการขององค์หญิงรัชทายาท มำให้รู้สึกสงสารอยู่ไม่น้อย เขาได้พูดขอบพระทัยต่อองค์หญิงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในชีวิตตั่งแต่เกิดมาหรือเท่าที่จำความได้ ก็ไม่มีใครเอาใจใจส่ดูแลมากมายเท่านี้มาก่อน
จวบจนกระทั่งรุ่นอรุณของวันใหม่เริ่มมาเยือน แสงสีทองเริ่มปรากฎเหนือเส้นขอบฟ้า อันเป็นสัญญาณเริ่มต้อนของวันใหม่ ชายชราผู้ถือสารแห่งพระราชา ทวนคำพิพากษาซ้ำ และประกาศว่า เพียงชายนักเดินทางพยักหน้ารับ การประหารครั้งนี้จะถูกยกเลิก และพระราชบัลลังก์รวมทั้งราชสมบัติมากมาย จะตกเป็นของเขา แต่ชายนักเดินทางก็ยังคงนิ่ง หากเขาตัดสินใจรับคำเสนอ การเดินทางก็คงต้องยุติหรือหากจะลักลอบหนีไปในภายหลัง ก็คงจะเสียสัจจะเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย กลายเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวงไปโดยเปล่า
พระอาทิตย์เริ่มโพล่พ้นขอบฟ้าอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับชายนักเดินทางที่ถูกหิ้วมาถึงลานประหาร โดยมีเพชฌฆาตหนุ่มถือดาบเล่มโตรออยู่ ชายนักเดินทางถูกมัดมือและขาจนแน่นติดกับหลักประหาร น่าแปลกที่ว่า จิตใจของเขากลับรู้สึกสงบมาก แม้ความตายจะรออยู่ข้างหน้า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความตาย ดังนั้นจึงไม่ต้องมีความกลัวหรือความกังวลกับสิ่งที่กำลังจะมาเยือน ห่างออกไปหลายร้อยเมตร เทวบุตรตนนั้นซุ่มดูความเคลื่อนไหวของชายนักเดินทางอยู่ตลอดเวลา และเสียรู้สึกอับอาย ที่แผนการของเขากำลังจะล้มเหลว อย่างไม่เป็นท่าในอีกไม่นาน
บุรุษผู้นี้ยอมแลกชีวิตเลยเชียวหรือ... เทวบุตรตนนั้นพรำพรัม
ไม่นานนักชายชราผู้อ่านสารก็ประกาศให้เริ่มต้นการประหารชีวิต เพชฌฆาตผู้รู้หน้าที่และจังหวะเวลา ก็เตรียมเหวี่ยงดาบลงบนคอชายนักเดินทาง แต่ก่อนที่ดาบนั้นจะสับเข้าต้นคอของเขา สรรพสิ่งรอบ ๆ กายของชายนักเดินทางกลับหยุดนิ่ง พันธนาการที่รัดกุมถูกปลดด้วยอำนาจบางอย่าง ชายนักเดินทางค่อยลืมตามองรอบ ๆ ตัว
'นี่มันอะไรกัน...' ภาพผู้คนในลานประหารต่างหยุดนิ่งไม่ไหวติง ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์ แต่ธรรมชาติรอบ ๆ ตัวต่างหยุดนิ่งไปด้วย เขานิ่งเงียบสักพักหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงบุรุษพูดออกมา
ไม่น่าเชื่อว่า เจ้าจะมีจิตใจเด็ดเดี่ยวขนาดนี้... เสียงของเทวบุตรตนนั้นนั่นเอง เขามาปรากฎตัวเพื่อยุติการประหาร เพื่อไม่ให้บาปกรรมที่ก่อ ส่งผลมาถึงตัวของเขาเอง
ท่านเป็นใครกัน... ชายนักเดินทางถาม
เราเป็นเทวบุตร มาเพื่อขัดขวางไม่ให้ท่านเดินทางปสู่ดินแดนนิพพาน เทวบุตรตนนั้นอธิบายตามความเป็นจริง
ถ้าเช่นนั้น เรื่องราวต่าง ๆ ก็เป็นเพราะฝีมือของท่าน
ถูกต้องแล้ว เราต้องขออภัยและขอโทษกับสิ่งที่ทำไปด้วย เหตุเพราะนี้เป็นหน้าที่ของเรา ที่เกิดมาให้กงล้อแห่งวัฏฏะยังคงหมุนวนต่อไป แต่ท่านไม่ต้องห่วง ต่อแต่นี้ไป เราจะไม่มาก่อกวนท่านอีก เว้นเสียแต่เทพบุตรตนอื่น กรณีนี้ข้าไม่รับรอง เทพบุตรตนนั้นพูด
เอาเถอะ ๆ ผมเจอเรื่องราวประเภทนี้จนชินแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อีกอย่าง ผมก็ก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ ต่อให้ผมตายจริง จิตที่ผูกพันในการเดินทาง มันก็จะทำหน้าที่นำทางกลับมายังที่เดิม และเดินทางต่ออีกครั้งอยู่ดี... ชายนักเดินทางพูด
ฮึ ๆ นั่นนะสินะ เหตุนี้เอง เสนามารจึงกล่าวชื่นชมในตัวท่าน เทพบุตรตนนั้นชม
หลังจากที่หมดเวลาสำหรับการสนทนา ชายนักเดินทางก็จัดแจงเตรียมหาเสบียงและออกเดินทางต่อ ก่อนที่ฤทธิ์เทพบุตรตนนั้นจะจางหาย และพวกทหารของพระราชาออกตามล่าตัวเขา
วันนี้ชายยนักเดินทางได้บททดสอบกำลังใจสำคัญ ยอมตายเพื่อหนทางดับกิเลส ดีกว่าอยู่กับความสุขเพียงชั่วคราว และหลงทางอยู่ในวัฏฏะอันยาวนาน...
Thank you images from '//photo.lannaphotoclub.com/index.php' and '//www.daz3d.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/r/a/rain05nov12c_1.jpg'
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2557 23:04:01 น. |
|
9 comments
|
Counter : 563 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 30 ธันวาคม 2557 เวลา:19:19:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2558 เวลา:7:55:55 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:13:58:21 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:19:28:02 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 12 พฤษภาคม 2558 เวลา:9:48:51 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2559 เวลา:7:02:31 น. |
|
|
|
| |
|
|
สวัสดีปีใหม่ 2558 ค่ะคุณอัสติสะ
ขอให้ มีหัวใจที่เข้มแข็งและแข็งแรง
พอที่จะรับทั้งความสุขและความทุกข์ได้...ตลอดไปค่ะ