ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 

รักแท้หรือรักลวง


รักแท้หรือรักลวงมันก็เป็นแค่ปรากฏการณ์มิราจ* ยิ่งเราเดินเข้าไปใขว่ขว้าหาเท่าไหร่
มันก็ยิ่งเดินห่างเราไปทุกที
ทุกครั้งที่เราคว้ามันก็จะมีแต่ความว่างเปล่า
จบเจอเพียงอากาศธาตุที่เราก็จับต้องไว้ไม่ได้...

บางครั้งรักนั้นก็ทำให้เราชุ่มชื่นได้
แต่ก็เป็นเพียงนามธรรมไม่ช้าความชุ่มชื่น
ก็ต้องกลายเป็นความขื่นขมเสมอ

ทำใจเสีย...แล้วหันมามองโลกตามความเป็นจริงเถิด
เราอาจจะบอกสามารถเสียสละอะไรได้ให้เธอทุกอย่างได้
แต่...ลองถามตัวเองอีกที ซิว่าจริงหรือ...เพราะจิตใจลึก ๆ
ของมนุษย์เราก็ยังมีความเห็นแก่ตัวซ่อนอยู่
ถึงแม้เจ้าตัวอาจปฏิเสธ...

ความเห็นแก่ตัวนั้นคือ...
ความไม่ต้องการอยู่โดดเดี่ยว...ไม่อยากเหงา
เดียวดาย...อยากมีคนรู้ใจ
แต่ให้รู้ไว้เถิด...สักวันเราทุกคนต้องอยู่คนเดียวอยู่แล้ว

วงเวียนของความรักเป็นสิ่งผูกจิตใจสัตว์
ให้ติดข้องอยู่ในสังสารวัฏยากที่จะดิ้นหลุด

เธออาจจะรักเขาเพราะความสงสาร...
หรือเขาเองก็สงสารเธอ
ทั้งคู่จึงตก วนเวียนแต่ความสงสารเห็นใจกัน
สุดท้ายก็พากันจม..นที...แห่งการเวียนว่ายตายเกิดอันกว้างใหญ่
หาเบื้องตนเบื้องปลายไม่ได้เลย
นี่แหละเขาจึงเรียก...วัฏฏะสงสาร


หมายเหตุ*

ปรากฏการณ์มิราจ (Mirage) หรือปรากฏการณ์ภาพลวงตา เกิดขึ้นจากการหักเหของแสงในน้ำ ทำให้เห็นภาพคลาดเคลื่อนจากสิ่งของจริงๆ




 

Create Date : 21 มีนาคม 2551    
Last Update : 21 มีนาคม 2551 20:38:07 น.
Counter : 806 Pageviews.  

เมื่อข้าพเจ้า...เริ่มมองเห็นฝั่ง

ก่อนนั้นข้าพเจ้าคือผู้ว่ายตามน้ำอยู่ในกระแสวังวนของชาวโลก
ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังอยู่ในกระแสน้ำที่บิดเกรียวไปมาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เราต่างก็ไม่รู้ว่ามันมีกระแสน้ำนี้ไหลอยู่
เพราะทุกคนก็ต่างไหลตามน้ำวนแห่งนี้

...เหมือนกับเราเดินอยู่บนรถไฟที่เคลื่อนที่
หากรถไฟนั้นวิ่งไปไม่มีวันหยุด ไม่มีหน้าต่าง
ไม่มีการเร่งความเร็ว ไม่มีการเบรค ไม่มีเสียงของเครื่องยนต์
เมื่อเราอยู่บนรถไฟนั้นจนชิน เราก็จะไม่รู้เลยว่ารถไฟนั้นกำลังเคลื่อนที่

จนกว่าเราจะหาทางกระโดดออกจากรถไฟนั้น
แล้วมองกลับไป จึงรู้ว่าที่แท้ เรากำลังเคลื่อนที่อยู่...ฉันนั้น
...

การตกอยู่ในวังวนของโลกก็เหมือนกัน
เราทุกคนจะไม่รู้ว่าตัวเองตกอยู่ และไหลตามกระแสวังวนของโลก
ตราบใดที่เราไม่พยายามว่ายน้ำเพื่อหาฝั่ง
และหยุดอยู่ที่นั้นสักพัก

เราก็จะรู้ว่าที่แท้แล้วโลกคือ อะไร กระแสแห่งวัฏฏะสงสารคืออะไร
เหตุใดจึงทำให้บรรดาชาวเราต้องตกอยู่ในกระแสนี้อย่างไม่มีวันจบสิ้น

ข้าพเจ้ามองเห็นฝั่งแล้ว...และพยายามว่ายน้ำทวนกระแส
อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้ถึงฝั่ง
เพราะไม่อยากตกอยู่ในวังวนแห่งวัฏฏะสงสารนี้อีก





 

Create Date : 21 มีนาคม 2551    
Last Update : 21 มีนาคม 2551 9:13:07 น.
Counter : 417 Pageviews.  

เมื่อมองทุกอย่างว่าเริ่มต้นจาก...จิต

เมื่อเราเปลี่ยนมุมมองของคนใหม่ว่า
มีจุดเริ่มต้นจากดวงจิต
เราจะสามารถหาทางยับยั้งแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธี
คือยับยั้งแก้ไขกันที่จิต

เมื่อจิตเราบริสุทธิ์ มีความสงบ
ความสุขก็จะตามมาหาทันที

มันจึงไม่ใช่ความสุขที่ถูกปรุงแต่งแบบโลก ๆ

แต่เป็นความสุข ที่ปราศจากความดิ้นรนค้นหา
เป็นความสงบเยือกเย็นหาประมาณมิได้จริง ๆ




 

Create Date : 19 มีนาคม 2551    
Last Update : 19 มีนาคม 2551 21:07:48 น.
Counter : 358 Pageviews.  

เทคโนโลยี...และวิทยาการสมัยใหม่เป็นที่พึ่งให้เราได้จริงหรือ?

ข้าพเจ้าคือคนหนึ่งที่เสพ ความรู้ติดตามข่าวสารทางเทคโนโลยี
อยู่เสมอเพราะตัวเองจบด้าน วิศวกรรมไฟฟ้า
นอกจากนั้นยังติดตามข่าวสารทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์
อยู่เป้นระยะ ๆ

ด้วยความที่ต้องการเป็นคนก้าวหน้าจึงพยายามเรียนรู้เทคโนโลยี
สมัยใหม่เสมอ

แต่แล้วเมื่อศึกษากันจนถึงขั้นหนึ่งก็กลับมาถามตัวเองว่า

นี่เรามาถูกทางหรือเปล่า...

ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนามากเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนชาวเรา
ก็มีปัญหาให้แก้มากเป็นเงาตามตัว

โปรแกรมคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์
อย่างไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งผกผันกับศีลธรรมของชาวเราที่ตกต่ำอย่างไม่มีใครฉุด
รั้งไว้ทัน

วันหนึ่งข้าพเจ้าก็ปลงตกแล้วว่าเทคโนโลยีคงไม่มีประโยชน์อะไรเสียแล้ว
สำหรับข้าพเจ้า ดังนั้นจึงหยุดพัฒนา Software มูลค่าหลักแสนลง
แล้วจึงส่งให้เพื่อนสนิทนำไปพัฒนาต่อ

เพราะคิดว่าทำต่อไปคงไม่สามารถแก้ปัญหาของผู้คนได้ต่อไป
เมื่อเขาได้อย่างหนึ่งแล้ว ก็มักต้องการอีกสิ่งหนึ่งตามมาเสมอ
ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อ และพอกันที จะขอวางมือ...

แล้วเข้าหาธรรมะของพระพุทธเจ้าดีกว่า

น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าพเจ้าพ้นไปจากความทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง

เมื่อข้าพเจ้าสามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้...ก็จะนำหนทางมาแจ้งแก่ชาวเรา
เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขที่แท้จริง
<ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ>






 

Create Date : 19 มีนาคม 2551    
Last Update : 19 มีนาคม 2551 20:35:26 น.
Counter : 382 Pageviews.  

อาหารที่กินแล้ว...ไม่มีวันอิ่ม

ถาม:อาหารอะไรหนอที่เราปรารถนากินกันไม่มีวันอิ่ม
ตอบ:ก็มีอาหารทางตา อาหารทางหู อาหารทางจมูก อาหารทางลิ้น
อาหารจากสัมผัส แล้วก็อาหารใจ

ถาม:แล้วเหตุใดจึงไม่มีวันอิ่ม
ตอบ:ก็เพราะอาหารทั้งหลายที่กล่าวมา เป็นที่เจริญต่อกิเลสเบื้องลึกน่ะสิ กิเลสตัวนี้มันไม่มีวันอ้วน ไม่มีวันโต ไม่มีวันหยุดกระหาย มีแต่ความหิว ตลอดเวลา

ถาม:แล้วทำไม่ถึงไม่ฆ่ากิเลสตัวนี้เสีย
ตอบ:เพราะเจ้าของต่างก็รักกิเลสตัวนี้ปานลูกในไส้ แต่แท้จริงมันคือพยาธิต่างหาก เขาคิดว่าเมื่อฆ่ากิเลสตัวนี้แล้วชีวิตเขาคงดับสูญเป็นแน่ เขาจึงยินดีที่จะเลี้ยงไว้ตลอด

ถาม:แล้วถ้าฆ่าได้เจ้าของจะตายสาบสูญจริงหรือ
ตอบ:ไม่เลย...เขาจะได้ความสุขที่เป็นนิรันดร์ จากการไม่ต้องหาเลี้ยงเจ้าพยาธิตัวนี้อีก

ถาม:เยี่ยมเลย แล้วเราจะทำยังไงเพื่อฆ่ากิเลสตัวนี้กัน
ตอบ:ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาอย่างแยบคาย ให้รู้ชัดว่าอะไรคืออาหารของพยาธิ พยาธิกินอาหารนี้ทางไหน เราก็ใช้สติปัญญาดับมันทางนั้น เมื่อมันไม่ได้อาหาร ไม่นานก็จะตายไปเอง


ถาม:







 

Create Date : 18 มีนาคม 2551    
Last Update : 18 มีนาคม 2551 21:00:45 น.
Counter : 389 Pageviews.  

1  2  

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.