|
๔๓๐ - บ่วงรัก (ตอนที่ ๒ จบ)
ต่อจากตอนที่ ๑
"พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความดีงาม หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ฉันเองได้อ่านพุทธประวัติอย่างละเอียด ทำให้ฉันเข้าใจพระพุทธเจ้าและความรักของพระพุทธเจ้าในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นความรักที่ละเอียด ยั่งยืนกว่าความรักที่ปุถุชนทั่วไปเข้าใจ ในครั้งที่พระองค์ยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและทรงหนีออกจากพระราชวัง เพื่อออกบวชค้นหาสัจธรรมแท้จริงของชีวิต ในเวลานั้นมีความคลุมเครือฉงนสงสัยในใจของบรรดาพระญาติและบุคคลที่ได้รับข่าว โดยเฉพาะพระนางพิมพาผู้เป็นชายา ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดพระราชโอรสได้เพียงคืนเดียว เหล่าพระญาตินั้นคิดว่าพระองค์นั้นทรงทอดทิ้งและหนีเอาตัวรอดเพียงพระองค์เดียว
หากแต่ในกาลเวลาต่อมา หลังจากพระองค์ทรงตรัสรู้เป็นอนุตรอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็เสด็จกลับมาโปรดบรรดาเหล่าพระญาติให้รู้แจ้งในสัจธรรม และพากันหนีภัยจากวัฏฏะสงสารไปได้เป็นอันมาก โดยเฉพาะพระนางพิมพาและพระราชบิดาก็ได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดในเวลาต่อมา ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงเข้าใจว่าความรักแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ความรักที่ไม่ประกอบด้วย ตัณหา ราคะ และเยื่อแห่งกามนั้นเป็นความรักที่บริสุทธิ์โดยแท้ และความรักที่ทั้งสองคนพากันก้าวข้ามฝั่งมหานทีแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด" พูดจบ หญิงสาวก็รู้สึกอึ้งไปอีก แม้หล่อนจะเคยศึกษาพุทธศาสนามาบ้าง แต่ในหัวของเธอก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเชื่อเสมอว่า พุทธประวัติ ก็ไม่ต่างอะไรกับนิทานที่คนเติมแต่งกันมาในภายหลัง แม้จะมีเค้าโครงความจริงอยู่บ้าง แต่สังคมวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ก็มีอิทธิพลทำให้เธอไม่ปักใจเชื่อใด ๆ หากยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตาหรือมีหลักฐานที่ชัดเจนจริง ๆ
"เวียนว่ายตายเกิดอะไรกัน มันเป็นแค่เรื่องราวของความเชื่อที่คนโบราณสอนต่อ ๆ กันมา เพื่อไม่ให้คนหลงไปทำความชั่วต่างหาก เธอมีหลักฐานอะไรที่บอกว่าพุทธศาสนาสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ๆ " หญิงสาวย้อนถาม ซึ่งเป็นประเด็นที่ชายหนุ่มน่าอึดอัดใจมากที่สุดในการตอบคำถาม เพราะคำถามประเภทนี้ แม้แต่พระอรหันต์ก็ยังยากที่จะหาคำพูดมาอธิบายคำตอบให้ปุถุชนเข้าใจได้โดยง่าย
"ฉันไม่มีหลักฐานอย่างที่เธอพูดมาหรอก เพียงแต่เราสามารถหาหลักฐานเทียบเคียงได้ เช่น หากว่าการเวียนว่ายตายเกิดไม่มีจริง ชาติหน้า ชาติก่อนไม่มีจริง คนทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ ก็ต้องมีความเสมอภาคกัน ต้องไม่มีคนพิการ ไม่มีคนจนกว่า รวยกว่า ไม่มีคนที่หล่อกว่า สวยกว่า รวมทัศนคติ ความคิด ความเห็น สติ ปัญญา ความฉลาด ก็ควรจะเท่าเทียมกันทุกคน แต่เธอก็เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น คนทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ ล้วนแต่มีความแตกต่าง แม้แต่ฝาแฝดคลอดออกมาพร้อม ๆ กัน ก็ยังมีข้อแตกต่าง แล้วเธอคิดว่าอะไรเล่าเป็นเหตุของความแตกต่างนี้กัน" ชายหนุ่มย้อนถามดูบ้าง หญิงสาวรู้สึกอึกอักใจอีกครั้ง เพราะหล่อนไม่คิดว่าจะถูกตั้งคำถามกลับ
"ฉันจะรู้ได้อย่างไรกัน ฉันไม่ได้เป็นผู้วิเศษนะ คนเราเกิดมาแล้วก็แล้วกัน จากเด็กเล็กก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความคิดความเห็นก็มีส่วนมาจากสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดู มันไม่เห็นแปลกที่คนเราจะมีความแตกต่างกัน อีกอย่างรูปร่างหน้าตา ก็เกิดจากการคัดพันธุ์ที่ดีที่สุดของพ่อกับแม่ ไม่แปลกอะไรที่จะมีความแตกต่างกันอีก ฉันว่าประเด็นนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคำถามของฉัน นอกเสียจากว่าเธอเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามของฉัน เพราะไม่มีคำตอบก็เท่านั้น..."
"เดี๋ยวสิ เพราะสิ่งที่ทำให้คนเรามีความแตกต่างกันทั้งผิวพรรณ วรรณะ และทรัพย์สิน สมบัติ ก็คือกรรม หรือการกระทำที่ส่งผลต่อ ๆ กันมาในครั้งอดีตชาติ และจะส่งผลสืบต่อไปในอนาคตชาติ หากเราไม่สามารถหยุดวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดนี้ได้" ชายหนุ่มอธิบายต่อ แต่ดูจากสายตาของหญิงสาวแล้ว เธอไม่อยากยอมแพ้ง่าย ๆ
"นับวันเธอยิ่งเหมือนพระเข้าทุกที ตอนนี้ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เธอจึงขอเลิกกับฉัน" หญิงสาวเริ่มใจอ่อนลง
"ฉันก็แค่อยากให้เธอเข้าใจฉัน และมองพุทธศาสนาในมุมที่ถูกต้อง " ชายหนุ่มพูด
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็คุยทำความเข้าใจกันต่ออีกมากมายหลายประเด็น เกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธา และมุมมองของตัวเองที่มีต่อศาสนา แม้ว่าหลาย ๆ ข้อคิดเห็นจะฟังดูขัดแย้งกันพอสมควร แต่นั่นก็เป็นข้อเท็จจริงของความรู้สึกที่เรามีต่อศาสนานี้อย่างไร
บางครั้งเราอาจจะไม่ได้คำตอบที่ถูกใจทุกอย่าง และเชื่อว่า การคิดทบทวนหาเหตุหาผล อาจจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราเกิดความรู้สึก และมีมุมมองของพุทธศาสนาที่ดีขึ้น (ก็เป็นไปได้)...
ป.ล. เรื่องราวตัวละครที่เขียนเป็นเพียงสมมติขึ้นมา โดยดำเนินเรื่องสะท้อนแง่มุมความคิด ความเห็น และความต้องการที่ขัดแย้งกันของคนสองคน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มันก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ในสังคมนี้
Thank you pretty image from ' https://encrypted-tbn1.gstatic.com '
Create Date : 06 มีนาคม 2556 | | |
Last Update : 7 มีนาคม 2556 9:12:59 น. |
Counter : 843 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
๔๒๙ - บ่วงรัก (ตอนที่ ๑)
แววตาของหญิงสาวจ้องมองใบหน้าของแฟนหนุ่มอย่างค่อนแคะ ในใจของเธอนั้นต้องการคำตอบที่มีเหตุผลเพียงพอสำหรับการขอแยกทางกัน ในเรื่องของความรัก
"ฉันไม่เข้าใจเธอจริง ๆ อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ " หญิงสาวถามอย่างตัดพ้อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวั่นไหว เขามองแฟนสาวด้วยอาการสงบ ประหนึ่งว่าเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
"ฉันขอโทษเธออีกครั้ง หรือจะให้พูดอีกกี่ร้อยครั้งก็ได้ ที่ต้องขอแยกทางกับเธอก็เพราะฉันต้องการแสวงหาความจริงของชีวิต เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า แต่เธออย่าเพิ่งโทษศาสนาหรือพระพุทธเจ้าเลย หากจะโทษ ก็โทษฉันคนเดียว" ชายหนุ่มพูด
"ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้หรือ เธอจะไปหาความจริงอะไรของเอ นี่มันยุคไหน สมัยไหนแล้ว คนที่คิดอย่างเธอ มันก็มีเพียงคนโบราณบางกลุ่ม ที่ค้นหาอะไรก็ไม่รู้ เธอก็รู้ไม่ใช่หรือ ว่าโลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ทำไมเรายังคิดจะเดินถอยหลังลงคลองไปเพื่ออะไร" แฟนสาวพูดด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจเบา ๆ ยิ่งนานวันที่เขาเริ่มสนใจเกี่ยวกับศาสนา เขาและเธอก็เริ่มห่างกันไปเรื่อย ๆ ตอนนี้มันอาจจะเป็นรอยแยกของความคิด ที่ยากจะทำการสานต่อกันได้เหมือนเช่นเดิม
พุทธศาสนาสอนหลักความจริงของชีวิต แต่ก็มีน้อยคนที่จะสามารถเข้าใจหลักความจริงของชีวิตอย่างลึกซึ้ง และใช้ประโยชน์จากความจริงที่ได้รับ หญิงสาวเข้าใจเพียงว่าศาสนาเป็นเพียงความเชื่อ เธอคิดว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมีศาสนาก็ได้ ซึ่งหากจะคิดเช่นนั้นบนฐานของความจริงอีกประเภทหนึ่ง เราก็สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดไม่ได้ไกลจากความจริงนัก นก หนู งูเห่า หรือสัตว์ต่าง ๆ มันไม่มีศาสนา ไม่ต้องเข้าวัด ทำบุญ มันก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
หากแต่มนุษย์นี้ต่างออกไป มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมที่พัฒนาข้ามพ้นจากเดรัจฉานมาแล้ว เรามีการรับรู้ทางอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนกว่า มีความสลับซับซ้อนทางโครงสร้างทางกายภาพและจิตวิญญาณ และต้องการแสวงหาคำตอบจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติรอบตัวตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็เพื่อความอยู่รอด อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อความอยากรู้อยากเห็น มนุษย์เราจึงรู้จักคิด มีการนำความรู้จากอดีตมาใช้ปรับปรุงปัจจุบัน และอนาคต
"ฉันไม่อยากเอาอนาคตของเธอมาพิงไว้ที่ฉัน หากเธอมีคนอื่นที่ดีกว่า และสามารถปกป้องดูแลเธอได้ ฉันอยากให้เธอเลือกคน ๆ นั้น " คำพูดของชายหนุ่ม รุนแรงเพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายถึงกับร้องไห้สะอื้นออกมา
"ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา ทำไมเธอไม่บอกกับฉันก่อน ทำไมต้องเป็นวันนี้ วันที่ฉันรักเธอหมดใจไปแล้ว " หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ จนทำให้ฝ่ายชายแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
ความรักนั้นเป็นทุกข์ เป็นเหมือนบ่วงที่คล้องคอสัตว์ให้จมลงนทีแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอย่างยาวนาน ยิ่งความรักที่เต็มไปด้วยแรงตัณหาและความปรารถนา ก็ยิ่งมีแรงยึดเหนี่ยวให้สัตว์จมกับความทุกข์โศกอย่างทรมาน ยากจะหลุดพ้น
ชีวิตนี้แสนสั้น มีสัตว์มากมายที่เอาชีวิตอันแสนสั้นนี้ วิ่งวุ่นตามหาความรัก แต่จะมีสัตว์สักกี่ตนกันที่สามารถประสบกับความรักที่แท้จริงและยั่งยืน จนสามารถใช้ประโยชน์จากความได้อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องติดอยู่กับบ่วงบาศนั้นอีก
แม้ว่าแววตาของชายหนุ่มจะรับรู้ถึงความรัก ความปรารถนาของฝ่ายหญิงเป็นอย่างดี แต่อะไรก็ตามที่เขาจำเป็นต้องเลือก มันจะต้องมีคนเสียใจเช่นนี้เสมอ
อ่านต่อตอนที่ ๒
Thank you very good image from '//2.bp.blogspot.com/'
| | |
| |