คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
space
space
26 สิงหาคม 2567
space
space
space

ชวนไปเที่ยวเมือง ธรรมศาลา ประเทศอินเดีย ตอนที่ 3
ชวนไปเที่ยวเมือง ธรรมศาลา ประเทศอินเดีย 
ตอนที่ 3

 ตอนที่ 3 นี้ จะพาไปเที่ยว เมืองธรรมศาลา  วันนี้ พวกเราก็ต้องเดินทางทั้งวัน
เพื่อไปเมืองธรรมศาลาเหมือนเมื่อวาน ค่ะ 
พักเที่ยงกินข้าวร้านอาหารระหว่างทาง กว่าจะได้กิน ก็ประมาณ 12.30 น.
กินเสร็จเดินทางต่อไป  ระหว่างทาง รถก็ติดมาก 
ริมถนนก็มีพ่อค้า  แม่ค้า ขายของกิน  รถติดทำให้เราซื้อของกินกัน  เช่น
มีขายโมโม่ (คล้าย ๆ เกี๊ยวซ่า)  ข้าวโพดปิ้ง  ถั่วต่าง ๆ 
ฝรั่ง  ระหว่างทาง  จอยซื้อเชอรรี่ ที่ขาย ครั้งนี้  ลูกใหญ่ น่ากิน มีความกรอบ
  มาถึงร้านอาหาร  จัดการล้างให้สะอาด  กินกันอร่อย     
ไม่ได้ถามว่า  ราคาเท่าไร   แต่ถึงอย่างไร  ก็ถูกกว่าเมืองไทยแน่ ฉันก็ไม่กล้ากิน
เยอะ กลัวท้องเสีย  แล้วก็เป็นจริง  จอยท้องเสีย  อิอิ 
       โรงแรมคืนนี้  ก็อยู่บนเขา  รถเข้าไปถึงตัวโรงแรมไม่ได้    ทางเดินขึ้นโรงแรม
ก็ไกล แถมทางเดินขึ้นไปตัวโรงแรมก็ขรุขระ เดินยาก
เฮ้อ ! โรงแรมที่มาเที่ยวอินเดียครั้งนี้ ไม่มีโรงไหนดีเลย  พวกพนักงาน
มาลากกระเป๋าและนำไปส่งให้ที่ห้องพัก กระเป๋าแต่ละใบ
มีฝุ่นติด  ล้อกระเป๋าใช้งานหนัก เพราะทางที่ลากกระเป๋ามันขรุขระ และไกลด้วย
ถ้ากระเป๋าใครไม่แข็งแรง  น่ากลัวมากว่าล้ออาจจะชำรุดได้ง่าย ๆ  ห้าห้าห้า

              เย็นนี้้  นัดกินข้าวมื้อเย็น สองทุ่มกว่า ของอินเดียว และกินชั้นบนสุดของโรงแรม คือ
ดาดฟ้า มีทั้งภายในที่ร่ม กับ กลางแจ้ง  พวกเราเลือกนั่ง
ในที่ร่มบริเวณที่นั่งกินข้าว มีที่ให้ถ่ายรูปเล่นก่อนอาหารจะมาด้วย  พวกเราก็เดินดูและถ่ายรูป ค่ะ 

 

มุมสวยงามบริเวณห้องกินข้าวของโรงแรม จ้ะ 



ยันต์ต่าง ๆ  บริเวณห้องอาหาร  น่าจะเป็นความเชื่อ ความศรัทธาของเขา ค่ะ 





สิ่งตกแต่ง รูปต่าง ๆ ภายในบริเวณห้องอาหาร



น้องลงมาเป็นคนที่ 3 ร่วมกระบวนกันถ่ายรูปด้วย อิอิ 







 วันที่ 24 มิ.ย. วันนี้กำหนดให้พวกเรากินข้าว  8.30 น. รถจะออกประมาณ 10.00 น.
วันนี้ที่เที่ยวไม่ไกลนัก จะเที่ยวใน  Dharamshala (ดารัมซาล่า)
คนไทย ออกเสียง เป็น  ธรรมศาลา   หรือเรียกว่าธิเบตน้อย ธรรมศาลามีอีกชื่อหนึ่ง
ว่า McLeod Ganj เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในหุบเขา
ท่ามกลางป่าสนที่สวยงาม มองเห็นยอดเขาหิมาลัยขาวโพลนด้วยหิมะ  ธรรมศาลา
มีอาณาเขตติดกับรัฐจามูและแคชเมียร์ รัฐอุตตราขัณฑ์
รัฐปัญจาบ รัฐหรยาณา รัฐอุตตรประเทศ ทุก ๆ ฤดูหนาว หน่วยปกครองของรัฐจะย้าย
ที่ทำการต่าง ๆ มายังเมืองแห่งนี้
           เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย เป็นเมืองหลวงใน
ฤดูหนาวของรัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย 
เป็นสถานที่ตั้งพระตำหนักที่ประทับขององค์ทะไลลามะที่ 14 และ ที่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น
ของทิเบต  กล่าวคือ  ปี ค.ศ. 1959 เมื่อทหารจีนรุกเข้าทิเบต
อย่างร้อนแรงท่ามกลางข่าวแพร่สะพัดว่า   คนทิเบตที่ไม่ยอมก้มหัวให้ปักกิ่ง
ถูกสังหารเป็นหมื่นเป็นแสน องค์ทะไล ลามะ ที่ 14 ได้ลี้ภัย
มาอยู่อินเดีย เดินทางข้ามหิมาลัยมาสามสัปดาห์เต็ม  ๆ  ยวาล์หลาล เนห์รู นายกฯ
คนแรกของอินเดีย หลังจากได้เอกราชจากอังกฤษ
ได้ยื่นมือมาช่วยเหลือด้วยการเปิดทางให้ ทะไล ลามะ มาพักอยู่ที่ธรรมศาลา ซึ่งในเวลา
ต่อมาได้กลายเป็นที่ตั้งของรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบต ภายใต้การนำ
ทั้งด้านการเมืองและจิตวิญญาณของ ทะไล ลามะ  เป็นเมืองศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณชาวทิเบต

ในปัจจุบันมีผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัย ชาวทิเบตมากมายอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้  ประชากร
ในเมืองนับถือศาสนาฮินดูมากสุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.18 
รองลงมาคือศาสนาพุทธร้อยละ 27.70 ชาวต่างชาติ ฝรั่งและชาวพุทธ มาที่นี่ เพื่อฟังธรรม
ขององค์ทะไลลามะ ฝึกสมาธิ ฝึกโยคะ และ กางเต็นท์
สูดอากาศบริสุทธิ์บนยอดเขา​ ตรีอูน  เมืองดารัมซาลานี้  ทางรัฐบาลอินเดียยกให้เป็น
ที่พำนักอาศัยของชาวทิเบตอพยพ​ ถือเป็นอีกเมืองที่น่ามาเที่ยวมาก

      ธรรมศาลาวันนี้ ร้านค้าคึกคักมากขึ้น มีร้านอินเทอร์เน็ต การจราจรตรงสี่แยกกลางเมือง
เริ่มติดขัด เพราะรถราสำหรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
       (รวบรวมและเรียบเรียง จาก อินเทอร์เน็ต) 

โปรแกรมแห่งแรกที่ไปเที่ยว คือ  Gyuyto  Monastery   วัด Gyuto เป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่
ในเมือง Dharamshala รัฐ Himachal Pradesh ประเทศอินเดีย
 วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการทำสมาธิแบบตันตระ ศึกษา และศิลปะพิธีกรรมของ
ศาสนาพุทธแบบทิเบต วัดแห่งนี้เป็นที่ประทับของ Karmapa
ซึ่งเป็นหัวหน้าสาย Karma Kagyu

 วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1959 โดยผู้ติดตามของ Khensur Jetsun Kunga Dhondup
เจ้าอาวาส Gyuto ผู้ล่วงลับ พวกเขาหนีออกจากทิเบต
พร้อมกับองค์ทะไลลามะองค์ที่ 14
 วัดแห่งนี้เป็นสถานที่เงียบสงบที่ให้บรรยากาศเงียบสงบสำหรับพระภิกษุและผู้มาเยือน
สถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้สวยงามและให้ความรู้สึกถึง
การออกแบบแบบทิเบตดั้งเดิมจุดดึงดูดใจหลักอย่างหนึ่งของวัดแห่งนี้ คือการสวดมนต์
ประจำวันของพระภิกษุ ซึ่งเป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ
ที่ล้ำลึก เสียงสวดมนต์ร่วมกันที่กลมกลืนกันดังก้องไปทั่วห้องโถง สร้างบรรยากาศ
แห่งความสงบและการทบทวนตนเอง (จากอินเทอร์เน็ต)  
        ตัวอารมาเป็นสีเหลืองทอง  สีสดใส  ภายในวัดสวยงาม  ให้ถ่ายรูปเฉพาะภายนอกเท่านั้น
  มีพระสงฆ์จำนวนมาก  มาสวดมนต์ตลอดระยะเวลา
ที่นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมพวกเราก็ถ่ายรูปภายนอกอาราม ซึ่งสวยงาม  มาชมรูป ค่ะ 



จอยทำบุญใส่ตู้ ค่ะ  ฉันทำบุญด้วยตามที่ ดาวฝากมาทำบุญด้วย





ตัวอาคารต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบขั้น  ก็ค่อย ๆ เดินขึ้นไป ค่ะ 





ไม่มีใครอธิบายเลยไม่รู้ว่า คืออะไร  เห็นสวยดี พวกเราเลยถ่ายรูปหมู่กัน







บริเวณรอบ ๆ วัด ปลูกต้นไม้มากมาย ตอนนี้แดดร้อนมาก ๆ 



ถ่ายจากมุมสูงของวัด ค่ะ บริเวณกว้างมากพอสมควร





ลีลาของจอย ค่ะ อิอิ 







หน้าโบสถ์ที่จะเข้าไป ค่ะ 





สัญลักษณ์อย่างไรอย่างของวัด มั้ง 



ถ่ายหมู่อีกรูปก่อนอำลาวัดนี้ไป ค่ะ 

จากอารามนี้แล้ว  ก็ไปชมสุสานทหารอังกฤษ  ไม่ได้ถ่ายรูป  เดินไปชมโบสถ์คริสต์
  ซึ่งก็เดินไกลมากโขอยู่  ระหว่างเดินไป รถรามากมาย 
ต้องระวัง  ข้างทางก็มีพ่อค้าขายของกินเหมือนเมื่อวานที่รถติดแล้วพวกเราซื้อกิน
นั่นแหละ โบสถ์นี้ อากาศดีมาก  ร่มรื่น  มีนักท่องเที่ยว
มาชมมากมาย  พวกเราก็ถ่ายรูปกัน  เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก เดี่ยวบ้าง กลุ่มบ้าง มาชมค่ะ



มุมสวยงามมุมหนึงภายในโบสถ์ แห่งนี้ 





บริเวณ รอบ ๆ โบสถ์ ร่มรื่น เขียวขจี อากาศ ดี ค่ะ 





ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่มาก ค่ะ 



ลูกทัวร์ ครบค่ะ 









เข้ามานั่งในโบสถ์ทำใจให้สงบ สักหน่อย  อิอิ 





บริเวณในโบสถ์ ร่มรื่น  เขียวขจี  สะอาด เดินออกกำลังกายได้ดีเลย ค่ะ 



ระหว่างทางเดินกลับไปที่รถ  มีพ่อค้าขายของกินมากมาย  ร้านนี้ขายโมโม่ ค่ะ 


  
ร้านนี้ ขายถั่วหลายอย่าง ค่ะ  พวกเราขอถ่ายรูปกับร้านเขา ค่ะ แต่มีคนซื้อกิน นะ ไม่ได้ถ่ายฟรี

       ออกจากโบสถ์คริสต์นี้แล้ว  ก็ไปเที่ยวและทำบุญที่วัดดาไลลามะ  เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาไหว้
  มาเที่ยว และทำบุญมากเหมือนกัน  อยู่ใกล้กับ Mall Road  ด้วย มาทราบ
เรื่องราวของวัดนี้สักเล็กน้อย ค่ะ  

วัดดาไลลามะ หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า Tsuglagkhang Complex เป็นแหล่งรวม
วัฒนธรรมทิเบต วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1959 หลังจากผู้นำ
ทางจิตวิญญาณชาวทิเบต องค์ทะไลลามะองค์ที่ 14 ลี้ภัยออกจากทิเบต ปัจจุบัน
วัดแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณและการเมือง
ของชุมชนชาวทิเบตในต่างแดนตัววัดเองก็มีความงดงามทางสถาปัตยกรรม
ในบริเวณนี้จะเห็นวัดหลักที่ตั้งตระหง่านอยู่สองข้าง
โดยมีกงล้อสวดมนต์และธงสวดมนต์ที่โบกสะบัดตามสายลมของภูเขา สถาปัตยกรรม
ของวัดผสมผสานรูปแบบทิเบตและอินเดียแบบดั้งเดิม
สะท้อนให้เห็นการอยู่ร่วมกันของวัฒนธรรมและอุดมการณ์ที่หลากหลายในอินเดีย
       เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน คุณจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับ
ไปสู่โลกอีกใบของจิตวิญญาณ ศาลเจ้าหลักประดิษฐานรูปปั้นพระพุทธเจ้าสีทองอร่าม
งดงาม ล้อมรอบด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราว
ในชีวิตและคำสอนของพระองค์ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงสวดมนต์อันผ่อนคลายของ
พระภิกษุสงฆ์ที่กำลังสวดมนต์และทำสมาธิ
สร้างบรรยากาศแห่งการฟื้นฟูจิตวิญญาณ  สำหรับพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาและผู้แสวงหา
สัจธรรม วัดดาไลลามะมีความสำคัญทาง
จิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง วัดแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สักการะบูชาเท่านั้น แต่ยังเป็น
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และออกเดินทางสู่การค้นพบตนเอง ผู้เยี่ยมชมจากทุกระดับชั้นต่างหลั่งไหลมาที่วัดแห่งนี้เพื่อ
ขอพร ความปลอบโยนใจ และคำแนะนำ
จากองค์ทะไลลามะผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งการประทับอยู่ของพระองค์ทำให้วัดแห่งนี้เปี่ยมไป
ด้วยความเมตตากรุณาและปัญญาเมื่อก้าวเข้าไปข้างในวัด
เราจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่โลกอีกใบของจิตวิญญาณ ศาลเจ้าหลักประดิษฐาน
รูปปั้นพระพุทธเจ้าสีทองอร่ามงดงาม ล้อมรอบด้วย
จิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตและคำสอนของพระองค์ บรรยากาศเต็มไปด้วย
เสียงสวดมนต์อันผ่อนคลายของพระภิกษุสงฆ์ที่กำลังสวดมนต์และทำสมาธิ 
สร้างบรรยากาศแห่งการฟื้นฟูจิตวิญญาณ  ชมวัด กราบ
พระพุทธรูป แล้วก็ไปทำบุญให้ดาว100 บาท ที่ดาวฝากมา  ส่วนฉัน เยาว์  จ๋า ทำบุญไป
คนละ 20 บาทยังมีอีกหลายที่ที่เราจะไป ค่ะ  มาชมรูปพวกเรา ค่ะ 



องค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในวัดแห่งนี้ ค่ะ 







นั่งสมาธิสักพัก ค่ะ 





ตรงนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์สำคัญสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าคือ อะไร ไม่มีไกด์ อิอิ 









ออกจากวัดนี้แล้ว  ก็เดินตามถนนที่มีของที่ระลึกขายมากมาย ทุกคนต่างก็เลือกซื้อของที่ระลึก
ที่ตัวเองชอบฉันก็ซื้อไปมากเหมือนกัน  เอาไว้ปีใหม่แจกลูกศิษย์
ที่มาเยี่ยมฉันหรือเป็นของที่ระลึกสำหรับคนที่มาเยี่ยม  เป็นต้น  ราคาชิ้นหนึ่ง ๆ
ไม่กี่สิบบาท  ราคาไม่แพงมาก ค่ะ 

        มื้อเที่ยง  ก็หาร้านกินกันแถวแหล่งช้อปปิ้ง นั่นแหละ   กินเอาตอนบ่าย 3 แล้ว  แล้วก็เดินช้อปปิ้งต่อ 
ฉันกับจอย มาเจอ ร้านขายถั่วที่พวกเพื่อนซื้อกิน แล้วมีความรู้สึกว่า
อร่อยดี ราคาก็ถูก ถุงละ 20 รูปี  เท่ากับ 10 บาทเอง  ฉันซื้อ 5 ถุง 100  รูปี  ไว้ใส่บาตรด้วย 
ขณะที่ซื้อถั่ว เจอพระไทยมาเรียนหนังสือที่อินเดีย 
คนไทย เจอพระไทย ต่างก็ดีใจที่ได้เจอคนไทย  จอยก็ทำบุญ  ฉันก็ร่วมทำบุญด้วย 
เผื่อท่านจะได้ใช้สอยในตอนที่อยู่อินเดีย ค่ะ   
        จากนั้น ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป  เจอร้าน หิมาลายัน  ทุกคนก็เข้าร้านนี้  ซื้อของที่ตัวเอง
ตั้งใจอยากซื้อ  ฉันซื้อแต่ยาสีฟัน  ของเขาใช้ดี นะ 
เพราะซื้อตอนที่ไปเที่ยวเลย์  ลาลัด  ใช้แล้วก็โอเค  มาครั้งนี้ ก็เลยซื้อเพิ่ม ซื้อของเสร็จแล้ว 
เดินไปเจอสถานที่  เป็นห้องแถว แต่มีพระพุทธรูป  เป็นห้องแถว
เล็ก ๆ มีห้องสวดมนต์ ทำพิธี  ไม่รู้เรียกสถานที่นี้ว่า อะไร  พวกเราก็เดินเข้าไปชมสถานที่แห่งนี้
ตึกนี้ มีบันไดขึ้นไปถึงชั้นบนอยู่ด้วย  ฉันกับจอย ถ่ายรูป
อยู่ด้านล่าง  ไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน  คนอื่น ๆ ขึ้นไป  ฉันกับจอยถ่ายรูปด้านนอกและเข้าไปห้อง
ที่พระสงฆ์กำลังจะจัดพิธีอะไรสักอย่าง ฉันหยอดเงินทำบุญเท่านั้น ค่ะ 
ไม่ได้อยู่ดูพิธีของเขา สักพัก พวกที่ขึ้นไปชั้นบนก็ลงมากราบพระ แล้วก็ออกจากห้องนี้ไป ค่ะ 



ถนนที่พวกเรามาเดิน  มีร้านค้ามากมาย ให้เลือกซื้อ โดยเฉพาะของที่ระลึก 



ตรงนี้มีสถานที่ทางศาสนาตั้งอยู่ด้วย  ชื่ออะไร ไม่รู้ พวกเราก็เข้าไปไหว้ ถ่ายรูป



มีพระยืนอยู่ชั้นบนด้วย มองดูความวุ่นวายด้านล่าง  อิอิ 



รูปหมู่สักรูป ค่ะ 



ประตูทางเข้าไปยังสถานที่ของวัดนี้ ค่ะ 





พวกนี้เขาขึ้นบันไดไปชมชั้นบนด้วย ฉันกับจอยอยู่แต่ข้างล่าง ค่ะ 



บรรยากาศชั้นบน ค่ะ 











ห้องที่กำลังจะทำพิธีอะไรสักอย่าง ค่ะ มีคนเข้ามารอ ค่ะ 







บริเวณห้องทำพิธี มีสิ่งก่อสร้าง น่าจะเป็นเจดีย์ แต่ทางแคบถ่ายไม่ได้เต็มองค์ 





ห้องที่คนมากราบไหว้ ฟังธรรม ทำบุญ ค่ะ 

ออกจากที่นี้แล้ว พวกน้อง แต๋ว เกด น้องเมล  จะไปเดินต่อ  ฉันกับจอย ไม่เดินแล้ว จะเดินไปที่
จอดรถ รอพวกเขาพักขาดีกว่า  เพราะสินค้ามันก็เหมือนเดิม
ไม่ได้อยากซื้อ อยากเดินชม  พักใหญ่ ๆ  พวกที่ไปเดินก็มาถึงรถ  แล้วบอกว่า  พวกเขาจะไปวัดไทย
ซึ่งต้องเดินไปอีกที่หนึ่ง  ถ้าฉันกับจอยไม่อยากไป
ก็ให้คนขับรถไปส่งที่โรงแรมก่อน  พวกเขาจะไปและกลับเอง  ฉันกับจอย ตกลงกลับโรงแรมเลย 





ภาพที่เพื่อน ๆ ไป เที่ยววัดไทย ค่ะ 

 อาหารมิ้อเย็น  นัดกินข้าวที่โรงแรม เวลา 8.15 ฉันลงไปกินคนเดียว  จอยบอกไม่กินมื้อเย็น 
เพราะเบื่ออาหารแขกเหลือเกิน อิอิ  
             ตอนที่ 3 ของการเที่ยว ธรรมศาลา  ก็จบไปก่อน  โปรดติดตามตอนที่ 4 ต่อไป นะคะ 



           
         



         






 



Create Date : 26 สิงหาคม 2567
Last Update : 27 สิงหาคม 2567 12:13:43 น. 25 comments
Counter : 394 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmultiple, คุณ**mp5**, คุณRananrin, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณหอมกร, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณkae+aoe, คุณปัญญา Dh, คุณร่มไม้เย็น, คุณNior Heavens Five, คุณชีริว, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณSweet_pills


 
อินเดียไปครั้งเดียวพอค่ะอาจารย์



โดย: หอมกร วันที่: 27 สิงหาคม 2567 เวลา:14:15:24 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 27 สิงหาคม 2567 เวลา:15:37:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ อาจารย์สุวิมล

อ่านบล็อกนี้แล้วได้เปิดหูเปิดตามากค่ะ
ส่วนตัวรินเป็นคนติดบ้านไม่ค่อยได้ท่องเที่ยว
จึงขาดประสบการณ์เหล่านี้ ขอบคุณที่นำมาเรียงร้อย
ให้ได้ชื่นชมนะคะ

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมากค่ะ
จากภาพ อาจารย์และเหล่าคณะดูสดใส
สุขภาพแข็งแรงมากเลยนะคะ
รินชอบภาพต้นไม้ใหญ่เป็นพิเศษค่ะ หาดูได้ยาก ^^

สุดท้ายนี้รินกราบขอบพระคุณที่อาจารย์ไปเยี่ยมชมบ้านแมว
และได้คำแนะนำมากมายที่เป็นประโยชน์นะคะ จะนำไปปรับใช้ต่อไปค่ะ

ส่วนเรื่องเขียนบล็อกที่อาจารย์ฝากไว้ให้มาเขียนบ่อยๆ
จะพยายามนะคะ ถ้ามีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจค่ะ




โดย: Rananrin วันที่: 27 สิงหาคม 2567 เวลา:17:34:30 น.  

 
โอ้ อาจารย์สุ ไปอินเดียหลายวันมากเลยนะครับ
คนชอบไปอินเดียนี่ อาจารย์เต๊ะ สังเกตดู ต้องเป็นสายธรรมะ
ชอบเข้าวัดไหว้พระ ทำบุญ
ส่วนอาจารย์เต๊ะ สายกิน นี่ ไปอินเดีย คงไม่กล้ากินอะไรมากเหมือนกัน
เพราะชอบ ดูคลิปแขก ทำอาหารขาย คนพากย์ก็พากย์ซะกินไม่ลงเลยเชียวครับ 555

แล้วก็ทริปนี้ โชคไม่ดี เจอทัวร์เอา รร ไม่ดีมาให้นอนนะครับ
ก็ต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินให้มาก ขนาดระวังแล้ว
คณะทัวร์ก็ยังไม่วายท้องเสีย จนได้นะครับ

ดูจากรูปแล้ว ชอบบรรยากาศนอกวัด ที่มี landscape สวยงาม
ต้นไม้ร่มรื่น ส่วนย่านร้านค้า นี่ก็ได้บรรยากาศอินตระเดีย
เหมือนหนังแขกที่เคยดูเลยนะครับ

ทริปนี้ เห็นอาจารย์สุ ใส่support หลังตลอดเลย
สงสัยจะเดินมาก ขึ้นบันไดแยะนะครับ
กลับมาเดาว่า อาจารย์สุ ต้องได้มาจองคิวทำกายภาพแหงๆเลยนะครับ แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 27 สิงหาคม 2567 เวลา:19:24:41 น.  

 
ร้านอาหารมีภาพบ็อบ มาร์เลย์ด้วย

ออกเดินทางตอนเช้าช้าหน่อยก็ดีครับ ไม่ต้องเร่งรีบมากจนเกินไป ไม่งั้นเหนื่อยแย่ วัดของเขาก็มีรูปแบบที่สวยงามแปลกตา แตกต่างจากของเรา

ภายในสีสันสดใสมากครับ ทริปนี้ไปทั้งวัดทั้งโบสถ์เลย อินเดียถ้าไม่ไปกับทัวร์ผมไม่กล้าไปเองเลยจริงๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 สิงหาคม 2567 เวลา:21:49:59 น.  

 
ธรรมศาลาเป็นอีกเมืองที่ผมอยากไปครับอาจารย์
เพราะยังไม่เคยไปเลย
ดูจากในรูป วัดวาอารามของเค้าสีสันสวยงามมากครับ

ปล.เวลาดูหนัง ถ้ามีฉากเศร้าสะเทือนใจ ผมก็ร้องไห้นะครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 สิงหาคม 2567 เวลา:21:58:41 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

อ่านเม้นท์อาจารย์เต๊ะ
แล้วนึกถึงตัวเองครับ
ตอนไปอินเดียผมไม่กล้ากินอาหาร street food ของเค้าเลยครับ
ไกด์อินเดียก็เตือนว่าถ้าท้องไส้ไม่แกร่งจริงๆไม่ควรกินครับ 5555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2567 เวลา:4:13:45 น.  

 
เรื่องปวดหลังปวดเอว ปวดขาปวดเข่า
อาจารย์เต๊ะ ก็เป็นครับ แต่ไม่ได้เป็นพร้อมๆกันนะครับ
ยังดีที่มันสลับกันเป็น 555
ช่วงหลังต้องแกล้งลืมไปมั่ง ตอนนี้พยายามออกกำลังไปขี่จักรยานรอบซอย ก็ดีขึ้นนะครับ

เที่ยวเมืองไทยก็ดีครับ ไม่เหนื่อยมาก เมืองไทยก็มีที่อเมซิ่งแยะ
ไม่งั้นฝรั่งคงไม่มาเที่ยวเมืองไทยกันนะครับ
อาจารย์ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ช่วงนี้ฝีดาษลิง มาอีกแล้วครับ แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 28 สิงหาคม 2567 เวลา:4:35:37 น.  

 
ตามอาจารย์มาเที่ยวอินเดียด้วยคนครับ วิวทิวทัศน์บรรยากาศดีมากเลยครับ ผมว่าเสียอย่างเดียวโรงแรมอยู่บนเขาต้องเดินขึ้นไปใช่มั๊ยครับ
ผมมีโครงการจะไปเลดาลัก แต่ยังไม่มีโอกาสเลยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 28 สิงหาคม 2567 เวลา:11:18:11 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ อาจารย์สุวิมล

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ
อ่านแล้วก็โมโหพวกทหารจีนนะคะ สงสารคนธิเบตเลย
ดีที่ทางอินเดียให้พื้นที่ลี้ภัย

ทั้งหมดนั่นที่เป็นอาคารสีแดงเลือดหมูกับเหลือง
เป็นพื้นที่ของวัดหมดเลยเหรอคะ
มีแต่นักบวชอยู่ หรือ มีชาวทิเบตอยู่ด้วยค่ะ
เพราะมันดูมีหลายอาคารมากค่ะ

แค่เห็นบันไดเข่าจันทร์ก็ลั่นแล้วค่ะ 5555

โบสถ์คริสต์เค้าดูสวยงามกระทัดรัดดีนะคะ
ตั้งตระหง่านดูสงบอยู่ในป่าสน

ได้เจอพระไทยที่ไปเรียนอยู่ที่นั่นด้วย
พระท่านคงดีใจนะคะ ได้เจอคนไทย

มีวัดไทยด้วย ทรงโมเดิร์นมากค่ะ
ในวัดพื้นปูหินอ่อน ทำให้ดูเงียบสงบดีนะคะ

ตอนที่3นี่เข้าวัดล้วนๆ อิ่มบุญกันเลยค่ะ
รอชมตอนต่อไปนะคะ



โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 28 สิงหาคม 2567 เวลา:15:54:59 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมศึกษาตามยูทูปเลยครับ
ไม่ยากครับ เพียงแต่ช่วงแรกก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆครับ
ในยูทูปสอนละเอียดมากครับ
แต่ส่วนใหญ่ผมศึกษาเอง ทดลองเองครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2567 เวลา:19:20:03 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:5:09:22 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมรักภาษาไทยตรงนี้เลยครับอาจารย์
มีความงาม มีความมหัศจรรย์มากๆ
คำเดียวกัน
แค่สลับคำ สลับตำแหน่ง
ความหมายก็เปลี่ยนเลย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:12:18:54 น.  

 
สวัสดีครับอาจารย์

อินเดีย ผมยังไม่เคยไปครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 29 สิงหาคม 2567 เวลา:23:56:20 น.  

 
พวกข้อคิดของจีนดีๆ มีเยอะครับ ตอนนี้ผมกำลังอ่านแนวคิดของคนยุคก่อนกับคนยุคนี้ของจีนอยู่ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 สิงหาคม 2567 เวลา:0:09:36 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2567 เวลา:4:41:04 น.  

 
อินเดียผมไม่เคยไปเลยจริงๆครับอาจารย์ เคยได้ยินแต่วัฒนธรรมของเขา การได้อ่านบล็อกของอาจารย์วันนี้ก็เหมือนได้เปิดหูเปิดตาเลยครับ


โดย: Nior Heavens Five วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:6:22:43 น.  

 
สวัสดีครับอาจารย์

วันนี้ผมมาสวัสดีสายเลย
เพราะเน็ตทรูที่บ้านเสียตั้งแต่บ่ายสามเมื่อวาน
วันนี้ก็ยังใช้งานไมไ่ด้
เน็ตทรูเสียบ่อยมากจริงๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2567 เวลา:9:09:14 น.  

 
ตามมาเที่ยวอินเดียต่อครับอาจารย์ ผมเข้าบล็อกเดือนละ 3-4 ครั้ง อาจพลาดบางบล็อกไปนะ

อาหารอินเดียน่ากลัวจริงๆ ขนาดเชอร์รี่ล้างแล้วไม่น่ามีอะไรยังท้องเสียได้ครับ
ภาพตกแต่งโรงแรมนั่นบ็อบมาร์เลย์ครับ ขวัญใจสายเสพกัญชา
Dharamshala อ่านว่าธรรมศาลา อันนี้เพิ่งรู้เลย

ศูนย์กลางของศาสนาพุทธจากประเทศต้นกำเนิด ยังไงก็น่าไปครับ
อินเดียเป็นต้นกำเนิดของศาสนาพุทธและอีกหลายศาสนามากๆ
ปัจจุบันไม่ค่อยเหลือร่องรอยพุทธศาสนาในอินเดียแล้ว มาเข้มแข็งฝั่งพม่า-ไทย เอง

ทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีนและมีวัดลามะในจีนบ้างประปราย
แต่ทิเบตดูจะห่างไกลจากจีนและเข้าหาอินเดียมากกว่านะครับ
ด้วยประวัติศาสตร์ก็ตามที่อาจารย์เล่าเลย บางส่วนก็อพยพเข้ามาอินเดียเลย
พระแต่งตัวแบบวัดลามะที่จีน แต่ศิลปะแตกต่างกันมาก คงเพราะสร้างคนละยุคด้วยครับ

มีโบสถ์คริสต์ด้วย หลากหลายศาสนาในพื้นที่ใกล้กัน

วัดดาไลลามะมีเจดีย์และระฆังรูปแบบเดียวกับวัดลามะที่จีนที่เพิ่งไปมาเลยครับ

ปิดท้ายด้วยวัดไทย คล้ายวัดไทยในต่างแดนอื่นๆ นะครับ
ด้านนอกดูเป็นอาคารทั่วไป ด้านในมีโต๊ะหมู่บูชานิดหน่อย


โดย: ชีริว วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:9:48:51 น.  

 
สวัสดีครับอาจารย์

วันนี้ผมอัพบล็อกตอนบ่าย 3
เน็ตเพิ่งใช้งานได้ครับ
เสียไปสองวันกว่าๆ
เจ้าหน้าที่ของทรูตอบคำถามได้แย่มากครับ

ถ้าผมเป็นอาจารย์ก็คงเสียความรู้สึกมากๆเช่นกัน
เหมือนครั้งนี้ที่เน็ตเสีย
ผมรู้สึกเหมือนโดนทรูโกหกเลยครับ
เดี๋ยวก็บอกว่าบ่าย 3 ใช้งาน
พอโทรไปอีกทีก็บอกเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น
แต่ถึงเวลาก็ใช้งานไม่ได้ เลื่อนไปเรื่อยๆ
จนกลายเป็นสองวันนี่ล่ะครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:15:11:11 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ปัญหาคือที่บ้านใช้เน็ตการหลายคนครับ
และสายที่ลากแถวบ้านก็มีแต่ ทรูนี่ล่ะครับ
ไม่อย่างนั้นผมเปลี่ยนทันทีเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2567 เวลา:23:10:34 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:5:14:43 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:13:17:33 น.  

 
สวัสดีครับอาจขารย์

กลับมาอ่านทริปอินเดียกับอากชจารย์อีกครั้งครับ
อินเดียนี่เค้ามีชื่อเรื่องขายถั่วจริงๆ หรอครับ 5555 ถึงว่าแต่มีในไทยที่มีอาบังมาขายถั่ว

วัดดาไลลามะสวยมากครับ

ดูแล้วถนนที่ขายของที่ระลึกน่าเดินเล่นมากครับ เป็นผมผมก็คงซื้อของนั่นนี่กลับมาเป็นของฝากบ้าง ของที่ระลึกบ้าง

ดูแล้ว อินเดียนี่เป็นดินแดนแห่งความเชื่อจริงๆ นะครับ มีหลายๆ ความเชื่ออยู่ในประเทศเดียว และยังเข้มข้นอยู่ซะด้วย


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 2 กันยายน 2567 เวลา:17:07:45 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์

เมืองธรรมศาลาน่าเที่ยวมากค่ะ
ด้านหนึ่งเต็มไปด้วยสีสัน รายละเอียด มีเอกลักษณ์นะคะ
ส่วนโบสถ์คริสต์จะได้บรรยากาศที่แตกต่าง
มีความร่มรื่น เป็นธรรมชาติ
ขอบคุณอาจารย์ที่พาเที่ยวค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 5 กันยายน 2567 เวลา:0:29:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

BlogGang Popular Award#20


 
อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space