|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
ชวนไปเที่ยว เมือง มะนาลี ของประเทศอินเดีย (ตอนที่ 2 ) |
|
ชวนไปเที่ยว เมือง มะนาลี ของประเทศอินเดีย (ตอนที่ 2 )
วันนี้เป็นวันที่ 21 มิ.ย. เป็นวันที่เราต้องอำลาจาก เมือง ซิมลา เดินทางไปยังเมือง มะนาลี โดยนัดรถมารับ 9 โมงเช้า เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการ นำกระเป๋าพวกเราจากห้อง คนขับและเจ้าหน้าที่โรงแรม จัดการกระเป๋าทุกคน ขึ้นรถ ค่ะ รถแล่นไปจากที่พักได้ชั่วโมงกว่า ก็จอดให้คนปวดปัสสาวะ เข้าห้องน้ำกัน พักไปในตัว วันนี้ ไม่ได้เที่ยวเลย ค่ะ อยู่บนรถทั้งวัน จนถึงเที่ยง ก็แวะร้านอาหารกินข้าวมื้อเที่ยง มีเกด และ เมล เป็นคนสั่งอาหารให้ อาหารก็เหมือน ๆ เดิม ทุกคนก็รู้สึกเหมือน ๆ กัน คือ เริ่มเบื่อ มากแล้วยังอีกหลายวัน กินเสร็จก็ออกมาเห็นชื่อป้ายร้าน ถนนที่สวยงาม ก็เลยเก็บรูปมาฝาก ค่ะ
ถ่ายรูปจากห้องพัก ก่อนไปกินข้าว ค่ะ
กินข้าวมื้อเที่ยงที่ โรงแรมนี้ ค่ะ ออกมาถ่ายรูปกับป้ายชื่อร้าน
ถนนที่จะเดินทางไป เมือง มะนาลี สองข้างทาง วยงามดี ค่ะ
กล้องน้องถ่ายไว้ ค่ะ ดอกอะไร ไม่ทราบค่ะ
ก่อนจะเดินทางไปถึงเมือง มะนาลี มารู้ความเป็นมาของเมืองนี้ก่อน ค่ะ
มะนาลี (Manali) เป็นเมืองหนึ่งในรัฐ Himachal Pradesh ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย อยู่ในหุบเขาซอกเล็กซอกหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย เป็นเมืองทางผ่านไปลาดักห์ (Ladakh) หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมในช่วงปีหลัง ๆ มานี้ มะนาลีมีกลิ่นทิเบตเบา ๆ กลิ่นมาซาล่าเบา ๆ (Massala เป็นเครื่องปรุงรสหรือเครื่องเทศอย่างหนึ่ง ที่ใช้ในการปรุงอาหารอินเดีย รวมถึงอาหารอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน โดยคำว่า "มาซาลา" หรือ มาซซาลา เป็นภาษาอูรดู หมายถึง "เครื่องเทศผสม") ในเมืองเต็มไปด้วยสวนแอปเปิล (ตอนพวกเราไป ไม่มี ค่ะ เขาเก็บผลแอปเปิ้ลไปแล้ว) และสิ่งที่ดึงดูดคนเมืองร้อน ก็คือมีหิมะ เมือง มะนาลี อยู่สูงจากน้ำทะเล 2,050 เมตร เป็นสถานี แห่งขุนเขาที่สวยงาม เป็นเมืองเล็ก ๆ เป็นทางผ่านไป ยังถนน คาราโครัม เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมและมรดกของอินเดียไป เป็นบ้านของสัตว์ป่ามากมาย เนื่องด้วยเป็นพื้นที่มีภูเขาสูง ล้อมรอบด้วยหิมะและหุบเขา เป็นป่าทึบอากาศเย็นสบาย มีเสียงนก ทุ่งดอกไม้ป่า หมูบ้านเล็ก ๆ มีสวนผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของอินเดีย ด้วย ค่ะ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวเล่นกีฬา ที่มีชื่อเสียงในด้านการผจญภัย เช่น การเล่นสกี เดินป่า ปีนเขา ร่มร่อนล่องแพ พายเรือ คายัค ปั่นจักรยานเสือภูเขา เป็นต้น เมืองมะนาลีแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ ๆ ก็คือ เมืองใหม่ (New Manali) กับเมืองเก่า (Old Manali) อากาศที่เมืองนี้เย็นมาก กลางวัน ประมาณ 20 องศานิด ๆ กลางคืนประมาณ 13-14 องศาเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่ง ของเทือกเขาหิมาลัย สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่หลายชนิด และวัด ก็ล้อมรอบไปด้วยป่าสน ในวัดมีบริการให้เช่าชุดชาวทิเบต และมีกระต่ายให้อุ้ม ค่าชุด 100-200 รูปี แล้วแต่ความสามารถในการต่อรอง วัดที่มะนาลีเป็นอะไรที่ง่าย ๆ มีเทวรูปสักหนึ่งองค์ก็เรียกว่าวัดได้แล้ว วัดนี้เป็นไม้แกะสลัก ด้านในมีเทวรูป และมีบ่อน้ำร้อนขนาดเท่าสระว่ายน้ำเล็ก ๆ ก่อซีเมนต์ แยกโซนชาย-หญิงชัดเจน ถ้าใครเอาชุดไปเปลี่ยนก็สามารถแช่น้ำอุ่นได้เลย กิจกรรมสุดฮิต ของคนที่มาวัดนี้คือการไปถ่ายรูปที่ก้อนหินกลางแม่น้ำ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลแรงมาก ๆ (พวกเราไม่ได้ไป ) วัด Hidimba Devi Temple หรือเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Hadimba Temple วัดทิเบต ที่มีหลังคาเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันหลายชั้นเป็นสถานที่ ยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองมะนาลี (วัดนี้ได้ไปช่วง บ่ายมาก ๆ แล้ว เดินไกลมากเหมือนกัน) ไฮไลต์ของการเที่ยวมะนาลีก็คือ โรห์ทัง พาส (Rohtang Pass) ภูเขาสูงซึ่งเป็นเส้นทางผ่านไป เลห์ ลาดักห์ โรห์ทัง พาส อยู่ห่างจากเมือง 50 กม. ใช้เวลาเดินทางนานมาก รถค่อย ๆ ไต่ขึ้นเขา โดยมีวิวระหว่างทาง ที่สวยมาก ๆ ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า ภูเขาขนาดใหญ่มาก ๆ เกินจินตนาการ สีเขียวขจี สุดลูกหูลูกตาผ่านช่วงทิวเขาสวย ๆ มาสักพักก็ถึงด่าน ตรวจคนขึ้นโรห์ทัง พาส ซึ่งจำกัดจำนวนรถยนต์ที่จะขึ้นไป รถทุกคันต้องทำ permit ก่อน 2 วัน ที่จะขึ้น โดยทำผ่านเว็บไซต์ จ่ายค่าธรรมเนียม พรินต์เอกสารมายื่นที่ด่านนี้ เอเย่นต์ทัวร์บอกว่า ต้องแจ้งก่อนวันที่จะขึ้นไป 2 วัน ห้ามเร็วกว่า เพราะเจ้าหน้าที่อาจจะลืม แต่ช้ากว่านั้นก็ไม่ได้ เพราะจะทำไม่ทันที่ด่านมีห้องน้ำสภาพโอเค พอไหว แนะนำว่าควรเข้าห้องน้ำก่อน เดินทางต่อเพราะถ้าปวดข้างบนโน้นคงลำบากน่าดู (เราไปเช้า วันที่ 22 มิ.ย.ระหว่างทางสวย สวยมากค่ะ) (รวบรวมและเรียบเรียง จากอินเตอร์เน็ต )
วันนี้ 21 ยังไม่ได้ลงเที่ยวที่ใดเลย ระหว่างทางที่เราแวะกินข้าวมื้อเที่ยงแล้ว ก็เดินทางต่อไป ประมาณสัก สองชั่วโมง ก็แวะเข้าห้องน้ำตามทาง ห้องน้ำดีกว่าเมื่อตอนพวกเราไปเล่ห์ ระหว่างที่ไปช่วงบ่าย รถเริ่มติด ผ่านชุมชน มีคนขายของมากมายผ่านไปอีก ก็พบ ขบวนแห่พระ แต่เราไม่รู้ว่า ศาสนาใด แต่น่าจะเป็น ศาสนาฮินดู มีดนตรีประกอบขบวนแห่ด้วย ขบวนยาวมาก ๆ รถต้องแล่นช้า ๆ นอกจาก เจอชบวนแห่พระแล้ว ยังเจอ ฝูงแกะเดินตามถนน มีคนเลี้ยงแกะคอยต้อนฝูงแกะไม่ให้แตกแถว รถแต่ละคันก็ต้องชลอรถกันไป ยิ่งทำให้การเดินทางล่าช้าไปอีก กว่าจะถึงโรงแรม ก็พบปัญหาอีก ห้องแต่ละห้อง ไม่สะอาด ไม่น่าอยู่ ผ้าปู ผ้าห่มก็มีกลิ่นไม่พึง ปรารถนาผ้าเช็ดตัว นอกจากไม่ขาวเป็นสีมอ ๆ แล้ว ยังเปียกชื้น ตากไม่ทันแห้งเลย ก็เอามาให้พวกเราใช้ เกดไปโวยวายต่อว่าเจ้าของบริษัทที่ติดต่อโรงแรม ให้พวกเรา ทางบริษัทรับทราบและขอให้เราพักที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ค่อยย้ายไปโรงแรมใหม่ที่ต้องดีกว่านี้ เกด กับ เมล ให้คนรถพาไปดูโรงแรมใหม่ที่ทางบริษัท เปลี่ยนใหม่ให้ กลับถึงโรงแรม 5 ทุ่มได้มั้ง ส่วนพวกเรา ก็กินข้าวประมาณ สองทุ่มครึ่ง เป็นคืนที่วุ่นวายมากและเหนื่อยมาก ไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย สวนผลไม้ก็ไม่ได้ไป เพราะสวนต่าง ๆ ผลไม้เก็บไปแล้ว เท่ากับว่า สิ่งที่พวกเรา หวังจะมีกินเชอร์รี่ แอปเปิ้ลและผลไม้อื่น ๆ ของอินเดีย เป็นอันว่าผิดหวังกันไปได้แต่ซื้อกิน ตามทางที่ผ่าน มีตั้งขายเป็นเพิงเล็ก ๆ แต่ก็ไม่อร่อย ซื้อครั้งสุดท้าย ลูกใหญ่ แดงจัด จอยเป็นคนซื้อ ระหว่างทาง ก็โอเค หน่อย มีรสหวานและกรอบใช้ได้
ลูกสนแถว ๆ โรงแรม ค่ะ
มีนักท่องเที่ยวเจอพวกเราที่หน้าเคาน์เตอร์ และขอถ่ายรูปกับพวกเรา ค่ะ
วันที่ 22 มิ.ย. วันนี้ กำหนดเวลา 6:7:8 แต่อาหารเช้า โรงแรมทำให้ช้ามาก กว่าจะได้กิน ก็ 7 โมงครึ่ง มีเวลากิน ครึ่งชั่วโมง ต้องรีบมาก ๆ เพราะว่า การเดินทางวันนี้ ก็ไกลมากเหมือนเมื่อวาน นั่นเอง ระหว่างที่รอกินข้าวมื้อเช้าที่โรงแรมนี้ มีเวลาว่าง พวกเราก็ถือโอกาสถ่ายรูปกัน เก็บภาพบรรยากาศตอนเช้า มาชมรูปของพวกเรา ค่ะ
บริเวณที่พัก ของโรงแรม ค่ะ มีต้นไม้เขียนชอุ่มดี ค่ะ
ระหว่างทางที่ผ่าน สองข้างทางที่ผ่าน เรียกว่า โรห์ทัง พาส (Rohtang Pass) ซึ่งอยู่สูงจากน้ำทะเล 3,980 เมตร เส้นทางจะเปิดให้รถแล่นผ่านได้ในช่วง เดือน พฤษภาคม ถึง พฤศจิกายน เท่านั้นเพราะว่าสภาพอากาศที่คาดคะเนได้ยาก ซึ่งเกิดขึ้น จากธรรมชาติ ช่องเขาโรห์ทังเป็นพรมแดนธรรมชาติ ที่กั้นระหว่าง หุบเขาคุลลูหุบเขาราหุล และสปิติซึ่งทำให้ภูมิประเทศและภูมิอากาศ ของทั้งสองหุบเขาแตกต่างกัน ช่องเขาโรห์ทังมีแม่น้ำบีอัสและซีนับ ไหลผ่าน เป็นเส้นทางการค้าโบราณที่เก่าแก่และยังคงเป็นเส้นทางการเดินทางหลัก ของคนที่นี่ เป็นจุดหมายปลายทางที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ในภูมิภาคนี้ โรห์ทัง พาส ห่างจาก มะนาลี ประมาณ 51 กิโลเมตร มีความลาดชัน และสวยงามมาก ผู้คนที่มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่มาเพื่อร่วมเล่นกีฬา ผจญภัย เช่น สกี สเก็ตน้ำแข็ง ดังที่กล่าวมาข้างต้น
จุดเด่นของถนน โรห์ทัง พาส แห่งนี้ คือ เป็นถนนเส้นทางเดียวที่สามารถผ่านไปยังเมือง เลห์ ลาลัดได้ นั่นเอง (ข้อมูลจากโปรแกรมของเกด) เส้นทางที่ผ่าน ถนนแคบ เป็นถนนสองเลน บางช่วงของถนน ก็มีการก่อสร้าง บางช่วงมีหิมะเกาะ ยังละลายไม่หมด มีภูเขาสูง สลับกันไป และมีน้ำตกที่ไหลเป็นทาง บางแห่งก็ไหลแรง บางแห่งก็ไม่แรงนัก ถึงชมวิวทิวทัศน์สวยงาม และมีโขดหินให้หลบไป ถ่ายเบาได้ ประดีพ จอดรถริมถนน ให้พวกเราลงไปถ่ายรูป ใครที่ รู้สึกปวดปัสสาวะ ก็หาโขดหินสูงหน่อย สามารถบังได้ไปนั่งฉี่ปลดทุกข์ได้ ค่ะ แต่ฉันไม่ปวด เลยไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมนี้ด้วย ห้าห้า มาชมรูปกันค่ะ
ใครที่ขาแข้งยังแข็งแรง ก็ปีนขึ้นเนินสูงไปถ่ายรูป เก็บวิว สวย ๆ ค่ะ
ตรงนี้ อยู่ริมถนนไม่ต้องปีนป่าย ค่ะ
เบื้องหลังของเรา ทิวทัศน์สวยมาก ๆ ค่ะ เห็นถนนที่คดเคี้ยวด้านล่างอย่างชัดเจน ค่ะ
ขาแข้งยังแข็งแรง ปีนได้ ค่ะ
ฉันถนอมขาเอาไว้ เจียมสังขาร ไม่กล้าปีนขึ้นไป ค่ะ ห้าห้าห้า
ถนนที่เราผ่านจะคดเคี้ยวเช่นนี้ไปตลาดทาง ค่ะ
เส้นทางที่ผ่านมีผลไม้ให้ชมบ้าง
นกสีสวยที่พบระหว่างทางผ่าน กล้องน้องซูมได้ไกล ถ่ายได้สวย
เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไป โยกไปตามถนนอันคดเคี้ยว หลับบ้าง ตื่นบ้าง เป้าหมายสุดทาง คือ ไปดูและเล่นสกี กัน ที่ลานหิมะที่มอง จากรถไป เป็นลานเล็ก ๆ ไม่เหมือนที่เราเคยไปเห็นที่สวิสเวอร์แลนด์ แต่ก็มีคนเช่าชุด เช่าเครื่องสกี ไปเล่น ฉันไม่ได้ลงไปเดินกับเขา เพราะหนทางเฉอะแฉะ เดินไกลเหมือนกัน รถก็จอดและรถติดกันมากมาย มีแขกมาขายของหลายเจ้า ขายถั่ว ขายชาร้อน เป็นต้น ฉันรออยู่ในรถ อยู่กับจอย ตรงนี้มีม้า ให้เช่าขี่ไปด้วยนะ รออยู่ในรถ น่าจะประมาณ 1 ชั่วโมงได้ มีรูป น้อง ชนิดา เกด เมล ซึ่งลงไปถ่ายรูป ไม่ได้เล่นสกีหรอก ค่ะ
น้ำตกซึ่งเกิดจาหหิมะละลาย มีน้ำมากบ้าง น้อยบ้าง
ความสวยงามของทางที่ผ่าน ค่ะ
จากลานสกี รถก็ขับกลับทางเดิมเก่า ครั้งแรกว่าจะจอดที่น้ำตกแห่งใดแห่งหนึ่งระหว่างทาง แต่ระหว่างทางเจอน้ำตก แต่ก็หาที่จอดรถไม่ได้ ในที่สุดก็ไม่ได้ จอดแวะไหนเลย ระหว่างทาง มีการกีฬาอย่างหนึ่ง คือ การโหนสลิงข้ามธารน้ำใหญ่ไปอีกฝั่ง เรียกกีฬาชนิดนี้ว่า ซิบไลน์ (Zip Line) จอย กัน น้อง อยากไปเล่น เกด จัดให้ ถามราคากัน เท่าไหร่ฉันไม่ได้ยิน เพราะไม่ได้เล่นด้วย กีฬาชนิดนี้ เมืองไทยเราก็มี จำได้วา ตอนติ้ม จัดพบประสังสรรค์ห้องเขา เชิญฉันไปร่วมงานมิตติ้งด้วย แล้วก็พาไปให้เพื่อน ๆ เล่นกีฬาชนิดนี้เหมือนกัน ฉันนั่งรอพวกเขาอยู่ข้างบน คนเล่นต้องเดินลงไป เบื้องล่างที่เป็นลำธาร มีการให้ผู้เล่น นั่งสลิงเพื่อโหน โดยมีเจ้าหน้าที่ จัดการแต่งตัวให้ เพื่อความปลอดภัย เขาถ่ายวีดิโอให้ตอนโหนสลิงข้ามลำธารด้วย ค่ะ ถ้าฉันสาวกว่านี้สัก 10 ปี อาจจะเล่นด้วยนะ ห้าห้าห้า มาชมภาพ ค่ะ
แต่งตัวเตรียมพร้อม ค่ะ
หลังจากการโหนสลิง เสร็จแล้ว เดินทางต่อไป กินข้าวมื้อเที่ยว (น่าจะบ่ายมาก ๆ แล้ว ค่ะ)
ถ่ายรูปกัน ขณะรออาหารที่สั่ง ค่ะ
เกดกับเมล แม่ลูก บริการลูกทัวร์ ค่ะ
จอย ให้นวดฝ่าเท้า ค่ะ กี่รูปี จำไม่ได้ ค่ะ
หลังจากกินข้าว (น่าจะมื้อกลางวัน ซึ่งเลยเวลาไปเป็นบ่ายมาก ๆ ) พวกเราก็ไปเที่ยววัด วันนี้ มีโปรแกรมไปชมวัด 2 วัด แต่เวลาไม่ให้ ได้เพียงวัดเดียว คือ วัด Dhungri Temple หรือ อีกชื่อหนึ่งว่า Hadimba Temple อีกวัดชื่อว่า Vashist Temple วัดนี้มีอายุมากกว่า 4,000 ปี มีบ่อน้ำพุร้อน เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคผิวหนัง ได้หลายชนิด และมีนักบวชชาวไทยชื่อ bamboo อาศัยอยู่ที่นี่ มากกว่า 20 ปี ได้ฝึกภาษาอินดี้และศึกษาศาสนาฮินดูจนสำเร็จ ได้เป็น baba และยังเป็นที่รัก และเคารพของคนที่นี่อีกด้วย น่าเสียดาย วัดนี้ เราไม่ได้ไป เพราะเวลาไม่พอ ไปได้แค่วัด Dhungri Temple หรือ Hadimba Temple เท่านั้น ค่ะ
วัดนี้ เป็นวัดฮินดู สร้างจากไม้และดินที่เก่าแก่ที่สุด มีหินล้อมรอบ ทิวทัศน์สวยงาม มีป่าสน ร่มเย็น มีความคล้ายคลึงกับวัดญี่ปุ่น วัดนี้รถใหญ่เข้าไม่ได้ มีแต่รถรับจ้างสามล้อ แต่พวกเราก็ไม่ได้นั่ง เดินเอา ทางก็แคบ ต้องคอยหลบรถ แต่พอเข้าใกล้ตัววัด (เล็กมาก ไม่เหมือนวัดเลย ) มีจามรี ให้เช่าขึ้นไปขี่ ถ่ายรูป เสียเงิน น่าจะ 100 รูปีแต๋วอย่างขึ่ถ่ายรูป ฉันเลยถ่ายรูปให้เขา ระหว่างทาง มีคนอุ้มกระต่าย ให้เช่าอุ้มด้วย กระต่ายเขาตัวโตมาก มีร้านค้าขายของตามรายทาง ทั้งของที่ระลึก ของกิน ฉันกับแต๋วเดินรั้งท้าย แต๋วคอยดูแลฉัน เพราะฉันเดินช้า มาถึงเห็นตัววัดแล้ว เฮ้อ ! ตัววัดเป็นไม้ มีคนมาทำบุญ มาไหว้ขอพร เข้าแถวยาวมาก คงมีคนสำคัญ อาจจะเป็นผู้ทำพิธี แต่ฉันไม่ได้จะเข้าร่วมพิธี แต่จะนำเงินมาทำบุญ โชคดี มีช่องให้ทำบุญ มีคนมาช่วยรับเงิน ทำบุญให้ดาว 100 บาท ฉัน เยาว์และ จ๋า ทำคนละ 20 บาท เป็น 60 บาทเขาให้ผ้ายันต์มาด้วย นำมาให้ดาว ก็ดีนะ หลังจากทำบุญแล้ว ก็ถ่ายรูปกันในบริเวณนั้น (เป็นลานกว้าง ) แล้วเดินกลับทางเดิม แวะซื้อผ้าห่ม 2 ผืน จอย ก็ซื้อกันหลายผืน มาเจอร้านขาย พวกเมล็ดพืช เช่น มะม่วงหิมพานต์ ลูกเกด ลูกสน กีวีแช่อิ่มแห้ง ฯลฯ ทุกคนได้ซื้อกันทุกคน ฉันซื้อมะม่วงหิมพานต์ 2 ถุง และ ลูกเกด 2 ถุง 900 รูปี มาชมรูปของพวกเราค่ะ
ทางเดินที่ไปวัด ค่ะ
บริเวณวัด ร่มรื่น ล้อมรอบด้วยป่าสน เขียวขจี สวยงาม อากาศเย็น
แต๋ว ถ่ายรูปกับจามรี น่าจะ 100 รูปี มั้ง
นี่คือวัดที่เราค่ะ ประชาชน ศรัทธา เข้าแถวยาวเพื่อจะไปกราบนักบวชในวัด ค่ะ
กลับถึงโรงแรมเมื่อยขา มาก พวกเพื่อน ๆ ยังชวนกันไปเดินตลาด Mall Road เป็นตลาดขายเสื้อผ้า แต่ฉันกับจอยนอนที่โรงแรม ไม่ได้ออกไปเดินกับพวกเพื่อน พักขาที่โรงแรมดีกว่า รอกินข้าวตอน 2 ทุ่ม ของเวลาที่ อินเดีย เป็นอันว่า จบทริปเมือง มะนาลี (ทุกคนไม่ประทับใจ เลย ค่ะ)
โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 3 เที่ยวอีกเมือง คือ เมืองธรรมศาลา ค่ะ
Create Date : 07 สิงหาคม 2567 |
Last Update : 9 สิงหาคม 2567 14:19:48 น. |
|
28 comments
|
Counter : 388 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณปัญญา Dh, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณร่มไม้เย็น, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณ**mp5** |
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 9 สิงหาคม 2567 เวลา:20:00:25 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 สิงหาคม 2567 เวลา:20:53:34 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 สิงหาคม 2567 เวลา:6:14:21 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 สิงหาคม 2567 เวลา:21:53:34 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 สิงหาคม 2567 เวลา:5:59:11 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 11 สิงหาคม 2567 เวลา:8:33:17 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 11 สิงหาคม 2567 เวลา:18:07:02 น. |
|
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 14 สิงหาคม 2567 เวลา:10:32:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 สิงหาคม 2567 เวลา:11:12:38 น. |
|
|
|
โดย: BEO333 IP: 223.205.143.120 วันที่: 14 สิงหาคม 2567 เวลา:19:09:03 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 15 สิงหาคม 2567 เวลา:0:38:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 สิงหาคม 2567 เวลา:4:41:28 น. |
|
|
|
โดย: ิbas IP: 223.205.143.120 วันที่: 15 สิงหาคม 2567 เวลา:14:51:30 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 สิงหาคม 2567 เวลา:20:25:24 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 สิงหาคม 2567 เวลา:5:18:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 สิงหาคม 2567 เวลา:10:43:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 สิงหาคม 2567 เวลา:6:29:22 น. |
|
|
|
โดย: reload55 IP: 223.205.143.120 วันที่: 17 สิงหาคม 2567 เวลา:9:43:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 สิงหาคม 2567 เวลา:11:37:10 น. |
|
|
|
โดย: beo89 IP: 104.28.246.147 วันที่: 18 สิงหาคม 2567 เวลา:5:05:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 สิงหาคม 2567 เวลา:5:44:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 สิงหาคม 2567 เวลา:22:04:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 สิงหาคม 2567 เวลา:6:19:56 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 19 สิงหาคม 2567 เวลา:10:41:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 สิงหาคม 2567 เวลา:13:42:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|