www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

WHO ARE YOU? , ขึ้นต้นดูดีเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนตอนจบก็หมดกัน

... หลายเดือนก่อน มีชายวัยฉกรรจ์นายหนึ่งได้รับคำเชิญไปเล่นเป็นตัวประกอบในหนังไทย ซึ่งรู้แค่ว่าชื่อ Who R U เกี่ยวกับฮิคิโคโมริ เล่นกับ สินจัย โดยฝีมือผู้กำกับ รับน้องสยองขวัญ

ชายหนุ่มยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นแผนหลอกไปเชือด ประมาณล่อ blogger ออกจากถ้ำหรือไม่ เพราะ ชายหนุ่มเคยเขียนถึงทั้ง รับน้องฯ ทั้ง วิดิโอคลิป ของผู้กำกับท่านนี้ ในแง่บ่นพึมพำยำใหญ่ใส่ความผิดหวังไปกับหนังทั้งคู่

จนเมื่อมั่นใจว่าไม่ใช่แผนหลอกไปเชือดแต่อย่างใด ชายหนุ่มนายนั้นจึงขอบทมานั่งอ่านคร่าวๆด้วยความกระดี๊กระด๊าที่กำลังจะได้เป็นดารา นั่งวาดฝันว่าจะเดินพรมแดง ควงแขนน้องตาลขึ้นไปรับรางวัลตุ๊กตาทอง ต่อด้วยได้เล่นโฆษณาประกบพอลล่า แล้วโด่งดังขนาดซ้อเจ็ดเขียนถึง

แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่อ่านแล้วพบว่าตัวเอง ไม่ได้ประกบสินจัยในบทนำ (แหะๆ ล้อเล่น ที่ไม่เล่นเพราะเหตุผลส่วนตัวไม่เกี่ยวกับหนังแต่อย่างใด)

ตอนอ่านบทร่างที่ส่งมาตอนนั้น แว่บแรกเลยคือรู้สึกว่า เข้าใจคิดดีนะ แต่มันก็มีกลิ่น บอดี้ ศพ#19 อยู่นิดๆ ถ้าจำไม่ผิด ตอนปฏิเสธทีมงานที่ติดต่อมา ได้คอมเม้นต์สั้นๆ(โดยที่เค้าไม่ได้ถาม)ว่า ไอเดียดี แต่จะทำให้เชื่อถือตอนเฉลย มันยากนะ แล้วก็ไม่ได้คุยกันต่อ

ผ่านมาจนถึงวันนี้ ชายหนุ่มนายนั้น เห็นว่า หนังเข้าฉายแล้วจึงอยากเข้าไปดูว่า ตัวหนังจะพัฒนาบทที่เคยอ่านไปอย่างไร จะออกมาเป็นหนังรูปแบบไหน กับอยากเห็นว่า บทที่ตัวเองปฏิเสธไปเขาจะเลือกใครมาเล่น (คิดไว้ว่าอย่างน้อยต้องระดับ อนันดา ถึงจะสูสี )

และเมื่อได้ดู ชายหนุ่มก็พบว่า




1.หนังภาคภูมิ

... คงเป็นดวงที่ไม่สมพงษ์กัน เพราะหนังที่เขาว่าดีที่สุดของ ภาคภูมิ วงษ์จินดา คือ ฟอร์มาลีนแมน ผมก็ไม่ได้ดู แต่เรื่องที่ได้ดูคือ รับน้องสยองขวัญ และ วิดิโอคลิป ซึ่งนอกจากจะเป็นหนังสยองเหมือนกัน ทั้งคู่ก็มีจุดเด่นและจุดด้อยคล้ายกันเอามากๆ คือ

การหักมุมของหนัง ให้อารมณ์เหวอ และ ทำลายความน่าเชื่อถือของหนังที่มีน้อยอยู่แล้วให้ยิ่งน้อยลง

แต่ในขณะเดียวกัน หนังของเขาทั้งสองเรื่อง ก็แสดงให้เห็นว่า ในหัวคนทำหนัง มีอะไรดีๆที่อยากนำเสนอในแง่สะท้อนการมองสังคม เพียงแต่ ความคิดสร้างสรรค์ที่ผสมลงไปในหนังสยองขวัญ ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก

กระนั้นก็ทำให้หนังของเขา กลายเป็นหนังที่มีประเด็นให้อยากเขียนถึง มากกว่าหลายๆเรื่องที่ คุณภาพดีกว่า แต่ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร

ภาพรวมของ WHO ARE YOU? ดีกว่าสองเรื่องก่อนมาก คือ หนังมีความต่อเนื่องดี มีงานสร้างที่ดูดีมีราคาขึ้น ไม่มีจังหวะหลุดๆให้อารมณ์เสีย ไม่เห็นนักแสดงเล่นแข็งโป๊ก หรือ ปล่อยให้ตัวละครลอยไปลอยมาขาดความลึกอย่างที่สุด แบบใน รับน้องสยองขวัญที่ตายเป็นโหลๆผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรร่วมไปกับเหยื่อแม้แต่รายเดียว

WHO ARE YOU? เป็นหนังที่มี หน้าหนัง ขายเป็นอย่างมาก แค่ชื่อ คนดูก็อยากรู้แล้วว่า ใครหรืออะไรอยู่ในห้อง แค่ชื่อดารา คนดูก็อยากไปสัมผัสพลังการแสดงของ สินจัย แค่ชื่อคนเขียนบทบอดี้ ศพ#19 คนดูที่เคยชอบก็อยากติดตามต่อ แค่เรื่องย่อเกี่ยวกับ แม่ที่มีลูกขังตัวเองไว้ในห้องห้าปี กับ คดีฆาตกรรมปริศนา มันก็ยิ่งท้าทายให้เสียเงิน

ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาตั้งแต่ต้นไปจนถึงก่อนเฉลย ผมคิดว่า เข้าทีเลยทีเดียว อาจจะมีเบื่อๆบ้าง แต่ก็ยังอยากติดตามอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้แย่เหมือนหนังไทยหลายๆเรื่องที่หลอกตีหัวคนดูให้เสียตังค์ด้วยการโปรโมท

แต่จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้ ถูกขยายให้เห็นชัดทันทีเมื่อถึงตอนเฉลย เริ่มตั้งแต่

1.1 จังหวะกำกับตอนเฉลย หรือ ทีเด็ดทีขาด หรือ ท่อนฮุค - หนังสยองขวัญเวลาเฉลยความลับ เป็นจุดสำคัญอย่างยิ่งที่จะกระชากจิตคนดูหรือตบกะโหลกให้ต้องอึ้ง แต่จังหวะตอนเฉลยของเรื่องนี้ นิ่มมากไป

เทียบกับ บอดี้ ศพ#19 ตอนเฉลย มันเหมือนหมัดแย็บตรงๆจังๆใส่หน้า แล้วทำให้ เรา เฮ้ย แล้วนึกทบทวน แล้วก็ อ้อ อ๋อ โอ้ววววว

แต่ตอนเฉลยของเรื่องนี้ มันให้อารมณ์ หือ ฮึ้ย พอนึกทบทวนแล้วก็ ว้า เอาจริงดิ อืมมมมม

นี่ยังไม่พูดถึง คำเฉลยที่ทำให้ต้องเกาหัวแกรกๆ




Spoilers Alert - เนื้อหาถัดจากนี้ Spoil เปิดเผยตอนจบของหนัง







2. จุดอ่อน คือ ตอนจบ

... เหมือน สองเรื่องที่แล้วไม่มีผิด คือพอถึงตอนเฉลย แล้วมันทำให้เรา เชื่อตามได้ยาก ถึง ยากที่สุด (แต่ยังดีกว่าตรงที่ ช่วงเวลาก่อนเฉลย หนังเรื่องนี้ดีกว่ามาก)

โดยเฉพาะเมื่อหนังเปิดตัว กอลลั่มที่เขาร่ำลือ ผมคิดว่าเป็น ตัวทำลายอารมณ์หนังพอสมควร อารมณ์เดียวกับตอนที่เห็น กอลลั่ม ในสี่แพร่ง และ สงสัยเหลือเกินว่า ทีมซีจีบ้านเราทำไม๊ทำไมถึงทำแต่ตัวรูปร่างหน้าตาแบบนี้

ยังดีที่บทหนังเรื่องนี้ เมื่อเฉลยแล้ว คิดย้อนกลับไป เราเห็นว่า มันสามารถอธิบายได้อย่างมีที่มาที่ไป หนังส่งคำใบ้มาให้ตลอด (ประวัติชายคลอดลูก , ตัดดินสอด้วยกระดาษ ฯลฯ)

เพียงแต่ปัญหาเดียวคือ ที่มาที่ไป หรือ สิ่งที่หนังหยิบมาใช้(พลังแห่งความเชื่อ) มันอ่อนเกินกว่าจะเชื่อถือตาม

ผมคิดว่าถ้าหนังจะไม่อยากใช้คำเฉลยเกี่ยวกับ ‘อาการทางจิต’ มาอธิบายเพราะกลัวจะซ้ำกับเรื่องอื่นๆ สู้ให้เป็น ‘ผี’ เลยยังจะดีเสียกว่า ‘พลังความเชื่อ’

เพราะ คนส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักความเชื่อกับ ‘ผี’ มากกว่า ‘พลังความเชื่อ’ ที่ สร้างร่างเป็นตัวตนไปฆ่าคนอื่น
(คือ พลังความเชื่อประมาณ The Secret หรือ เลยไปถึงการสะกดจิตอีกฝ่ายยังพอไหว แต่ ใช้พลังสร้าง ร่างใหม่ ไปทำโน่นนี่ เกินจะยอมรับได้จริงๆ)

นั่นทำให้ เมื่อถึงเฉลยแล้วแทนที่จะพาคนดูไปสู่จุดพีค แต่กลับกลายเป็นหนังฉุดให้คนดูอ่อนระโหยโรยแรงลง และ ปิดเรื่องแบบอ่อนยวบยาบ ขาดแรงกระแทกจังๆ

ผมคิดว่า บทเดิมที่เคยอ่านตอนนั้นที่ไม่มี กอลลั่ม ถึงจะชวนให้นึกถึง บอดี้ศพสิบเก้า ก็จริง แต่มันก็ยังชวนคล้อยตามมากกว่าจบแบบนี้




3. บทหนังที่น่าเสียดาย

... กลับไปเปิดบล็อกตัวเอง แล้วเห็นประโยคที่เคยเขียนไว้ เลยขอยกมาแปะซ้ำอีกครั้ง ตอนนั้นเขียนหลังจากดู รับน้องสยองขวัญ กับ วิดิโอคลิป

ถ้าผู้กำกับชอบทำหนังแนวนี้ สังเกตจากงานสองชิ้นติดๆกันที่ทำออกมา ก็อยากขออนุญาตแนะนำผู้กำกับเป็นอย่างยิ่งว่า

ถ้ามีผลงานชิ้นถัดไป ลองหาทีมเขียนบทดีๆเพื่อต่อยอดความคิดจากพล็อตดีๆที่คิดไว้ ยังดีเสียกว่า เอาพล็อตดีๆที่คิดไว้มาลดทอนศักยภาพที่จะทำให้เป็นหนังดี


มางวดนี้ ก็ได้ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มือเขียนบทที่มีส่วนกับ บอดี้ ศพ#19

ผมชอบที่หนังผสมผสาน ประเด็นของสังคมและจิตใจ เข้าไปได้กลมกลืมมากกว่า สองเรื่องก่อน

อย่างไรก็ดี ไหนๆก็ไหนๆ การที่หนังไม่ได้เล่นเรื่อง ฮิคิโคโมริ ให้สุด บางประเด็นก็อาจทำให้คนดูไขว้เขวได้ เช่น

การที่เด็กขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่ได้แปลว่า ฮิคิโคโมริ เสมอไป และ ถ้าใครรู้จักเด็กมีอาการเหมือน ต้น ควรส่งปรึกษาแพทย์เพราะอาจไม่ใช่ ฮิคิโคโมริ

ปัจจุบัน ฮิคิโคโมริ ถือว่า เป็น ปรากฎการณ์สังคม (sociological phenomenon) ยังไม่ใช่ โรค เหตุหนึ่งที่บอกเช่นนี้เพราะ เราเรียกกลุ่มอาการนี้เฉพาะที่พบในญี่ปุ่น ซึ่งมีรูปแบบสังคมเฉพาะตัว

แต่ถ้าพบเด็กเก็บตัวแบบในหนัง นอกเหนือจากญี่ปุ่น มีโอกาสที่เด็กจะถูกวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคทางจิตใจ อาทิเช่น โรคจิตเภท หรือ โรคซึมเศร้า

โรคจิตเภทประเภทแยกตัว – อาจไม่มีหูแว่วภาพหลอน แต่แยกตัว ขังตัวเองในห้อง ไม่อาบน้ำ ไม่ดูแลตัวเอง

โรคซึมเศร้า - แยกตัว อารมณ์เศร้าหรือไม่ก็ก้าวร้าว ไม่ทำกิจวัตรประจำวัน มีปัญหาโดดเรียน ติดยาเสพติด ติดเกมส์



... การเลี้ยงดู จึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเดียวในการเกิด ฮิคิโคโมริ แต่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดปัญหาทางจิตประเภทอื่นๆมากกว่า

และ หนังก็นำเสนอ การเลี้ยงดูของพ่อแม่และปัญหาของเยาวชนในสังคมยุคใหม่ ได้น่าสนใจ

การเลี้ยงดูของป่าน - ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ต้องถูกแยกตัว มีลักษณะแบบห่วงกับปกป้องมากเกิน overprotection , เด็กถูกตัดขาดจากสังคม ด้วยความจำเป็น , ไปโรงเรียนก็ถูกรุมล้อเลียน , แม่ต้องหาทางเอาเงินมารักษาลูกโดยลูกเข้าใจผิดๆว่าแม่ติดผู้ชาย , แม่คิดว่าลูกยังเด็กเลยไม่อธิบายและไม่ค่อยรับฟังความรู้สึกของลูก

ส่งผลให้ ลูกมีโลกส่วนตัวติดต่อคนอื่นทางเน็ต อยู่กับแฟนตาซี การ์ตูน , เกลียดแม่ แต่พอรู้ความจริง ก็รู้สึกผิด บวกกับที่สะสมว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของแม่ยิ่งทำให้รู้สึกเป็นภาระและไม่อยากอยู่

การเลี้ยงดูของต้น – พ่อมีกิ๊ก ทำร้ายแม่ ไม่เป็นต้นแบบที่ดี , เลี้ยงแบบปล่อยปละตามใจ , พ่อแม่ทะเลาะกันจนละเลยลูก ลูกมีปัญหาจากโรงเรียนก็ขาดการใส่ใจ , ถูกรุมทำร้าย school bully บ่อย

ส่งผลให้ ลูกก้าวร้าว ติดเกมส์ จากการถูกเลี้ยงดูแบบตามใจเกินเหตุ , มีปัญหาเข้าสังคม กลับมาบ้านสร้างโลกส่วนตัว ระบายลงที่เกมส์ ก้าวร้าวกับแม่

หนังเปิดประเด็นเหล่านี้ได้ดีมากๆแล้ว แต่กลับขยี้ไม่ถึงที่สุด

บทหนังแสดงเห็นเจตนาแล้วว่า อุตส่าห์ปูแบ็กกราวด์ตัวละครมาเยอะ ซึ่งถ้าผูกเรื่องดีๆ สามารถสร้างอารมณ์ดราม่าสะเทือนใจได้มากกว่านี้ เช่น ในส่วนของป่านกับแม่ หรือ ส่วนของแม่กับต้น

แต่ สิ่งที่ปูขาดการสานต่อ คือ เล่ากระท่อนกระแท่นเป็นช่วงๆว่าเกิดอะไร แต่ไม่เชื่อมโยงให้คนดูคล้อยตามว่า มันส่งผลต่อ ตัวละครอย่างไร

เช่น การย้อนความวัยเด็กของทั้งสองคน สร้างผลกระทบต่อปัจจุบันน้อยมาก คือ ย้อนเห็นว่า ป่านกับต้น โดนแกล้งมาตั้งแต่เล็ก และ ต้นทำหน้าลึกลับตอนมีศพแมวกับเพื่อนตาย มันน้อยเกินไปที่จะทำให้คนดู คล้อยตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง อดีต กับ ปัจจุบัน

ตัวอย่างง่ายๆที่เพิ่งผ่านพ้นไปและผมคิดว่า การปูพื้นหลังที่มาที่ไป แล้วเอามาใช้ ขยี้ ได้ดีเช่น เฉือน ที่ไม่เสียแรงปูเรื่องไว้มากมาย




4. สตาร์บัคส์

... นี่คือ กุญแจสำคัญที่ผมรู้สึกว่า การจากไปของเขา ทำให้หนังดร็อปลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น มีทิศทางการเล่าเรื่องที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปิดเผย คนในห้อง การตัดสินใจ ฆ่า ตัวละครนี้ทิ้ง จึงเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ผมว่า คิดผิด

สตาร์บัคส์ เล่นเป็น ตัวละครที่ดูเป็นคนธรรมดามากที่สุด และ ทำให้หนังดูสมจริงมากที่สุด (ท่ามกลางคนรอบข้างที่ดูประหลาดกว่าชาวบ้านทั่วไปเสียเหลือเกิน) และ เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นตัวชักจูงคนดูไปสู่คำเฉลยว่า ใครในห้อง มากกว่าจะใช้ตัวละคร วินมอเตอร์ไซค์ ให้เปลืองคน

การกำจัดสตาร์บัคส์ จึงเป็น การหักมุมฆ่าตัวละคร ที่ได้ความเซอไพรส์แต่เป็นผลเสียต่อตัวหนังมากกว่าผลดี (ต่างจาก Psycho ที่ ฆ่าตัวละครสำคัญ แต่ตัวละครที่เหลือ ลุ้นให้คนดูยังอยากรู้ตัวฆาตกร) แถม การจากไปของตัวสตาร์บัคส์ ยังลดความน่าเชื่อถือของหนังไปอีกหนึ่งจุด เพราะเมื่อเขาหายไปแล้ว นอกจากไม่มีใครสงสัยหรือตามเรื่อง ยังตัดส่วนของเขาทิ้งไปทั้งยวง เช่น รุ่นพี่ในกองถ่าย




5. การแสดงกับตัวละคร

... นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดีขึ้นชัดเจนกว่าสองเรื่องก่อน คือ หนังไม่ละเลยนักแสดงประกอบ เหมือนหลายๆเรื่องที่เราจะเห็น ตัวเด่นๆเล่นเทพพพ แต่ตัวประกอบเล่นแข็งเป๊กกก คือ ต่างกันแบบเห็นชัด

คนที่ผมชอบสุดคือ สตาร์บัคส์ และ ตาล

ส่วนบทแม่ของสินจัย ผมคิดว่า ตัวบทพยายามใส่ให้ตัวละครตัวนี้ดูป่วยแบบล้นเกินไป และ สินจัยก็เล่นแบบล้นมากเกินไปในหลายฉาก ซึ่งผมคิดว่า บทนี้ไม่จำเป็นต้องดูมากจนมีพิรุธผิดปกติขนาดนั้น

ซึ่งหนังก็ทำให้ ตัวละครหลายตัวดูหลุดจากภาพคนธรรมดามากเกิน อย่างบทสินจัย สู้ให้ดูป่วยแต่ยังดูเป็นคนธรรมดาไม่ต้องล้นๆเว่อร์ๆ แล้วเฉลยตอนท้าย ยังน่าจะได้อารมณ์สะเทือนใจของ แม่ที่ทำใจไม่ได้จนต้องสร้างลูกขึ้นมา มากกว่าที่เป็นอยู่

( ฉากส่วนใหญ่ที่น่าประทับใจในหนังเรื่องนี้ จึงเป็น ฉากธรรมดาๆ เช่น การตามหาหนังปี้ ที่กลายเป็น ฉากเด็ดเสียยิ่งกว่า ฉากเฉลยจบ)


สรุป ... คอหนังสยอง คอหนังลึกลับ ถ้าคิดถึงหนังแนวๆนี้ ก็ไปดูกันได้ ไม่ได้เลวร้ายแบบน่าเสียดายตังค์ แต่ก็ไม่ได้ประทับใจชนิดต้องดูหรือห้ามพลาดแต่ประการใด

หนังมีศักยภาพที่ดี ทั้งฝีมือการกำกับที่แม่นยำขึ้น , ทีมนักแสดงที่ดี , พล็อตเรื่องน่าสนใจ ซึ่งถ้า บทหนังเกลาได้ลงตัวมากกว่านี้ ก็คงไม่ตกม้าตายตอนท้าย ที่ทำลายหนังไปเยอะพอสมควร


Link บทความใน Blog ที่อ้างอิงถึง

รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=11-2005&date=11&blog=1

สองวัน สองความผิดหวัง สองหนังไทย : 1. โถ วิดิโอคลิป
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2007&date=24&group=14&gblog=39

บอดี้ ศพ #19 , ภาพสวยหลอกตา เนื้อหาหลอกดี CGหลอกเกิน
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2007&date=05&group=14&gblog=36

เฉือน , ว่าด้วย โศกนาฏ-ฆาตกรรม ในหนังไทยที่ดีที่สุดของปี + 3 เคล็ดลับเพิ่มรายรับให้ 'เฉือน'
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2009&date=24&group=14&gblog=182






แจ้งข่าว :



1.เล่มนี้มีConcept ‘เจ็บเพราะรัก’ ว่าด้วยการ เรียนรู้และเติบโตจากความรักที่เจ็บปวด

2.ชื่อหนังสือตอนนี้ยังไม่เคาะออกมา แต่นาทีนี้ยังคงเป็น ‘เจ็บเพราะรัก’

3.หนัง ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องเช่นเคย แต่จะเป็นรูปแบบไหนขอกั๊กไว้ก่อนเช่นเคยครับ แต่หนังที่จะมาเป็นแขกรับเชิญ อาทิเช่น 500 days of summer , The Holiday , Before sunset&sunrise , หนังหว่องคาไว ฯลฯ

4. เรื่องราวทั้งหนัง , จิตวิทยา และ ... ถูกนำมาคลุกเคล้าร่วมกันเพื่อเล่าถึง ต้นเหตุ , การเยียวยา และ วัคซีนป้องกันอาการเจ็บเพราะรัก สำหรับทุกเพศทุกวัย

5. สำหรับผู้ที่ติดตามอ่าน เมื่อฉันลืมตาแล้วโลกเปลี่ยนไป เนื้อหาของ ‘เจ็บเพราะรัก’ จะมาเติมเต็มเล่มก่อนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่จะเติมเต็มแบบไหน เกี่ยวข้องอย่างไร อันนี้ต้องขอ กั๊กไว้อีกหนึ่งขยัก (แต่ถึงไม่เคยอ่านมาก่อนก็มิต้องกังวล เพราะไม่มีผลต่อเนื้อหาแต่อย่างใด)




ขอความช่วยเหลือ+ชวนมาร่วมสนุกกับการเขียนคำนิยม :

... เป็นธรรมเนียมของหนังสือของผมฯ ที่ทุกเล่มจะชวนเพื่อนๆมามีส่วนร่วม และ กติกาง่ายๆเหมือนทุกครั้งครับ คือ

1.ขอคำนิยมจากเพื่อนๆ ความยาวไม่เกิน 6 บรรทัด

(คำนิยม คือประมาณ ความคิดเห็น หรือ ความรู้สึก ที่มีต่องานเขียนของ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ไม่ว่าจะเป็นจาก หนังสือเล่มก่อนๆที่เคยอ่าน , คอลัมน์ประจำที่เขียนในนิตยสาร , Blog , Facebook , twitter)

อ่านแล้วได้อะไร
เพราะอะไรถึงติดตามอ่าน
ชอบอะไรในงานเขียน
ฯลฯ

แต่ในกรณี อ่านแล้วอยากจะฉีกทิ้ง หรือความเห็นนอกเหนืองานเขียนประมาณ คนเขียนหล่อมากกกกก ขอบอกผ่านนะครับ

2.ส่งมาที่ i_behind_you@yahoo.com และขอ ชื่อ, นามสกุล และ อาชีพ แนบมาด้วยครับ เพื่อลงประกอบในกรณีที่ทางสนพ.เลือกไปลงหนังสือ

3.คำนิยมที่ได้รับการคัดเลือกจากสำนักพิมพ์ จะได้รับหนังสือเล่มใหม่แทนคำขอบคุณส่งตรงที่บ้าน หนึ่งเล่ม โดยผมจะส่งอีเมลล์กลับไปหาเพื่อขอที่อยู่อีกครั้ง

ถ้าเป็นไปได้ ขอภายในสิ้นเดือนนี้เน้ออออ





สำหรับเพื่อนๆที่เล่น FaceBook หรือ Twitter ณ.บัดนาว "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขยายสาขาเรียบร้อยแล้วจ้า







Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 10:49:23 น. 16 comments
Counter : 5185 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ
เข้ามาชมเจ้าของบล็อกค่ะ
ว่าเก่งมาก ที่รู้ถึงความไม่สุด
และความล้นของหนังไทยหลายๆเรื่อง
แล้วยังสามารถตามดูหนังไทยเรื่องใหม่ได้
เหมือนเป็นเพราะหน้าที่หรือเปล่าไม่รู้ 555
แต่สำหรับหนูแล้ว เลิกดูหนังและละครไทย
มา 10 ปี เพราะแม้ทุกวันนี้ หากบังเอิญ ผ่าน
จอละครไทยสักตอน ก็ยังไม่รู้สึกว่า
ไม่ต่างอะไรจากเมื่อ 10 ปี
บางฉาก ที่พี่เขียน เขียนซะหนูรู้สึก
และระลึกได้ ถึง การกั๊ก อารมณ์คนดู
บางครั้งเมื่อได้ยินข่าว การทำเงินของหนังไทย
มักงง ว่า เค้าทำได้อย่างไร บางครั้ง ก็อดอคติไม่ได้ว่า เพราะแรงโปรโมท
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่คือเอกลักษณ์ ของหนังไทย


โดย: Artagold วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:11:42 น.  

 
เพิ่งกลับมาจากดูเรื่องนี้ จะเข้าไปอ่านกระทู้ในเฉลิมไทย เว็บก็ปิด
เข้า bloggang ก็เจอบล็อกของคุณหมอ aorta พอดี

ตอนนั้นทีมงานเขาทาบทามให้ไปเล่นบทอะไรหรือครับ เป็นหมอหรือเปล่า?

แล้วพอบอกได้ไหมครับว่า บทก่อนหน้านี้ กับบทฉายจริงนี่เหมือนกันบ้างหรือเปล่าครับ

เรื่องนี้ผมก็ว่าเสียของ กับบทที่ปูมาอย่างดีในช่วงแรกมากครับ



โดย: แมวลาย (MaewLaay ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:20:55 น.  

 
กำลังอยากดูอยู่เหมือนกัน
แต่มาอ่านที่นี่ ก็น่าสนใจไปอีกแบบค่ะ


โดย: mungkood วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:40:17 น.  

 
ไปดูมา ตอนจบนึกว่าดู Lord of the Ring มีตัว ก.ล. เพ่นพ่านด้วย อิอิ (สปอยล์ไปเปล่า)


โดย: I^^ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:57:25 น.  

 
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
อยากดูหนังไทยเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของปีนี้


โดย: โสดในซอย วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:12:59 น.  

 
เห็นด้วยเรื่องบทของสตาร์บัค (โดม) จริงๆตัวละครนี้น่าจะเป็นเสมือนตัวแทนของคนดู ที่อยากรู้ว่าอะไรอยู่ในห้อง น่าจะให้ตัวละครนี้อยู่จนจบแทนตัวละครป่านมากกว่าอีก

มีหลายอย่างที่ติดใจ (สปอย)
.
.
ทำไมคนอื่นถึงเห็นต้นตัวปลอมเป็นกอลลั่ม ในเมื่อแม่เห็นเป็นต้นตอนเด็กๆ แปลกจัง พลังจิตแม่ยังไม่สมบูรณ์หรือไงหว่า
ภาพจากมือถือที่ถ่ายเห็นลูกกะตา นั่นตาของกอลลั่มหรอ o_o
แล้วที่จริงตอนที่ต้นเปิดประตูมาไล่สับโดม โดมไม่น่าจะอุทานว่า "เมิงเป็นใคร" แต่น่าจะถามว่า "เมิงเป็นตัวอะไร"มากกว่านะ - -" (แต่เป็นเราคงกรี๊ดเหมือนป่าน คงไม่คิดว่ามันเป็นคนแล้วล่ะ 555)

เห็นด้วยกับบทวิจารณ์นี้ทั้งหมดแหละค่ะ เสียดายพล็อตฮิคิโคโมริ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ จริงๆตัวบทมันไม่ได้ไร้ที่มาที่ไปอย่างที่ว่า เพราะมันปูทางมาเยอะจนจะเดาได้ด้วยซ้ำ แต่คำเฉลย หรือพูดง่ายๆว่าภาพที่เห็น มันเวอร์ไป ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าหนังไม่เฉลยภาพเป็นตัวกอลลั่มชัดเจนขนาดนั้น ทำเป็นเงาดำหรืออะไรแทนจะดีกว่ามั้ยหว่า (หรือไม่ต่างกัน)

ปล. ไปอ่านทวิตเตอร์คุณสินจัย ยังบอกเลยว่า เค้าเล่นเองก็งงเอง 555


โดย: นางาเสะจัง IP: 119.31.126.141 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:16:33 น.  

 
เข้ามาลงชื่ออ่านจ้ะ


โดย: Opey IP: 216.105.230.231 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:47:14 น.  

 
แหม~

ถ้าเขาชวนให้เล่นเป็นศพ...ผมคงรีบปฏิเสธไปเหมือนกันแหละครับ กรั่กๆๆ


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:43:16 น.  

 
สงสัยครับ...
ว่าพี่หมอถูกทาบทามไปเล่นเป็นตัวอะไร?

ผมถูกเพื่อนสปอยล์ไปเรียบร้อยแล้ว
ก็อย่างว่าแหละครับ คำตอบนั้น "อธิบายทุกอย่างในเรื่อง" ได้ แต่มันก็คงเป็นคำตอบที่ค่อนข้าง ยากจะยอมรับได้สักหน่อยสำหรับคนดูหลายๆ คน


โดย: เจรามี วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:42:12 น.  

 
แวะมาอ่าน ส่วนตัวเฉยๆกับเรื่องนี้ และไม่ได้ดู แต่อยากเห็นบทที่คุณต้องเห็นหล่ะค่ะ
ยังคงเขียนบล็อคได้กระชับ จับประเด็น และให้ความรู้จิตเวชเข้าใจง่าน อยากอ่านเรื่อยๆในนี้ค่ะ ความชอบส่วนตัว ยังไงก็จะเป็นกำลังใจ อยู่ใกล้ๆเสมอค่ะ


โดย: จอขี้แย IP: 125.26.77.156 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:16:27 น.  

 
ความเห็นผมนะครับ

Who are you? ใครในห้อง [C-] น่าเสียดายที่การแสดงฝีมือของสินจัย และ บทภาพยนตร์ที่ดีและแปลกใหม่ต้องมาจมลงในหุบเหว ด้วยฝีมือการกำกับที่เข้าข่ายน่ารำคาญของภาคภูมิ วงษ์จินดาและการตัดสินใจที่ผิดพลาดในตอนท้ายของหนัง (ซึ่งข่าวแจ้งว่า เป็นฝีมือของ producer)

จนทำให้ แทนที่วงการหนังไทยจะได้หนังแนว Thriller จิตวิทยาดีๆ เพิ่มมาอีกเรื่อง กลับลงเอยด้วยการได้หนังอะไรก็ไม่รู้ห่วยๆ ซึ่งเน้นฉากตุ้งแช่, มีการดำเนินเรื่องวนเวียนดั่งอยู่ในอ่างน้ำจนน่าเวียนหัว และเอฟเฟคต์ที่ -ต้องเห็นกลับตา ถึงจะเชื่อว่าพี่เขากล้าจริงๆ- เรื่องหนึ่งแทน
แต่ถึงกระนั้น หนังก็ยังมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งการที่พยายามจะใส่สิ่งใหม่ๆ ลงไป (แม้จะไม่ work) และประเด็นสะท้อนสังคม ที่โอเคมาก
-การกำกับของภาคภูมิ เน้นฉากตุ้งแช่ตลอดเวลา สตาร์บั๊คโผล่มาก็ตุ้งแช่ คนเดินมาชนก็ตุ้งแช่ เจอลิงก็ตุ้งแช่ แทนที่จะทำบรรยากาศหลอนๆ แล้วคนจะน่ากลัวไปเอง การทำแบบนี้ ผลที่ได้คือ คนดูส่ายหัวด้วยความระอาใจ

-สินจัย ยังสุดยอดเช่นเดิม แต่มีบางฉากที่เธอล้นเกิน หรือทำตัวน่าสงสัยเกินเหตุ ถ้าได้คนดูแลภาพรวมดีๆ หน่อย จะเวิร์คกว่านี้ แต่แอบเสียดาย เพราะนานๆ เธอจะเล่นหนังสักที กลับได้เล่นในหนังเรื่องนี้....

-เอฟเฟคต์ตอนท้าย ที่ทีมผู้สร้างไม่เคยมีบทเรียนเลยหรือว่า การปล่อยเอฟเฟคต์ที่ไม่ได้มาตรฐานลงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของหนัง มันอาจทำลายหนังทั้งเรื่องที่อุตส่าห์สร้างไว้พังทลายลงในพริบตาได้

-แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังจะแนะนำให้ไปดูอยู่ครับ เพราะมีอะไรน่าสนใจหลายอย่างพอสมควร


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:55:24 น.  

 
อ่านสนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: P.S.T. IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:19:10:38 น.  

 
วิจารณ์ได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมครับ งงว่า ทำไมผู้กำกับไม่มาขอคำแนะนำจากคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ ไม่งั้นน่าจะออกมาดีกว่านี้ อิอิ


โดย: อิอิ IP: 203.144.144.164 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:14:08:51 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์
ไปดูหนังเรื่องนี้มาแอบงงเล็กน้อยในตอนจบว่าอันไหนส่วนของความจริง อันไหนส่วนของจินตนาการ ใครตายกันตอนไหนแน่ บางคนหายไปไหน บ้านเบิ้นพังวินาศสันตะโรแบบนั้น เคลียร์ยังไง สรุปสินใจไม่ตาย
รู้สึกว่าความเชื่อมโยงของตัวละครบางตัวอ่อนมากๆ อย่างวินมอเตอร์ไซด์ อยากรู้ต้องทำแบบนั้นเลย ถ้าแค่เม้าท์ๆ ถามๆ ยังพอรับได้ แต่ชอบตอนหนังปี้เหมือนกัน ฮาดีค่ะ แล้วก็ชอบตอนจบที่แม่ของป่านไปเข้าจีรังยั่งยืน


โดย: llatte_T IP: 203.144.144.164 วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:11:35:12 น.  

 
ลงชื่อ อ่านด้วยค่ะ
ชอบมากเรื่องการวิจารณ์หนัง แม้ว่าจะไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ก็ตาม แต่ด้วยเคยดูบอดี้ศพ 19 เห็นได้ชัดว่า ความคิดเห็นจะละม้ายคล้ายกัน

ตอนนี้เพิ่งเช่าหนังเรื่อง เฉือนไปดู (เพราะเจ้าของกระทู้เลยนะเนี้ย) และคงคิดว่าคงไม่ผิดหวัง ส่วนเรื่องWho are you? นั้น ขอรอออกเป็นแผ่นดีวีดีกว่า เพราะช่วงนี้ค่าใช้จ่ายที่บ้านเยอะ เลยต้องประหยัดการเอนเตอร์เทนตัวเองหน่อย ยังไงก็ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังคร๊า


โดย: กระดาษเปื้อนฝุ่น IP: 203.144.144.164 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:10:27:04 น.  

 
ใครฆ่าแมว ทำร้ายเด็กอ้วน ทำได้ไง
ตอนฆ่าสตาร์บัค เลือดสาด แล้วหายเองได้ไง ด้วยพลังจิตเหรอ..
ถ้าคนสร้างหนังทำแบบนี้ก็คล้ายกับจิตรกรที่เขี่ยๆภาพขึ้นมา แล้วให้ใครๆดูเอาเอง สวยก็ซื้อ ไม่สวยก็ไม่ต้องสน..ใช้แรงโปรโมตอย่างเดียว


โดย: ww IP: 203.155.108.62 วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:9:03:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
27 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.