ดูถูกเหยียดหยามปมด้อยคนอื่น
คำชี้แจง - บทความนี้ประกอบด้วยคำหยาบคายจำนวนมาก ไม่แนะนำให้คนที่ไม่สามารถพูดกันด้วยเหตุผลได้อ่านอย่างเด็ดขาด
การดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ไม่ใช่พฤติกรรมที่ผู้มีการศึกษาพึงกระทำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ในเรื่องของการดูถูกเหยีบดหยามคนอื่นที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบัน หลายคนพยายามหาปมด้อยของคนอื่นมาพูดว่า หรือล้อเลียนเพื่อสนองตัญหา และความสนุกสนานของตน สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรทำ
ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเรื่องการดู หรือการนำปมด้อยมาล้อ (มีผู้อ่านท่านไหนชอบมั้ย?) เรื่องแบบนี้ผู้อ่านหลายคนอ้างกล่าวแย้งผู้เขียนว่า "นั่นมันแค่การล้อเล่น" ไม่ผิด แต่ปัญหาหนึ่งที่เราทุกคนต้องยอมรับคือ สังคมผู้ใหญ่เป็นสังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ใครจะไปรู้ว่าขณะที่เรายิ้มเข้าหากันในเรื่องการล้อปมด้อย ในใจคนที่โดนล้ออาจจะด่า "ไอ้เย็ดแม่" อยู่ก็ได้ จะดีกว่าหรือไม่ที่เราจะหลีกเลี่ยงการทำให้คนอื่นเจ็บปวดทางจิตใจ
เรามามองที่สังคมของเด็ก เด็กนักเรียนบางคนตัวเล็กก็โดนครูเรียกว่า "ไอ้เตี้ย" เด็กนักเรียนบางคนใส่แว่น ก็โดนเรียกว่า "ไอ้แว่น" หรือแม้แต่เด็กนักเรียนบางคนที่มีความพิการก็โดนเรียกไปต่างๆ นานา เป็นต้นว่า "ไอ้เป๋ ไอ้ด้วน ไอ้กุด" หลังจากที่ครูเรียกเพื่อนในห้องหรือคนอื่นๆ ก็เรียกกัน นี่คือสิ่งที่คนที่ได้ชื่อว่าพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติที่แย่ได้กระทำ แล้วแบบนี้เด็กที่เป็นลูกศิษย์ครูเหล่านี้จะไม่ซึมซับพฤติกรรมเลวหรือ? ในเมื่อครูแม่งเป็นซะเอง คิดให้ดีๆ นะว่าบุคคลสำคัญหลายท่านก็ใส่แว่น
อย่าลืมว่า นักเรียนทุกคนจะมีการปักชื่อนามสกุลไว้ที่หน้าอกเสื้อ ถ้าคนที่อ้างตนว่าเป็นครูบอกว่าไม่ทราบว่านักเรียนชื่ออะไร ทำไมไม่ดูชื่อที่หน้าอก มองไม่เห็นหรือ? กูว่ามึงมักง่ายมากกว่า เรียกตามความสะดวกตามความมักง่ายของมึง แล้วจะให้ปักชื่อนามสกุลไปทำไม ในเมื่อไม่ดูชื่อ รู้หรือไม่ว่าค่าปักชื่อนามสกุลมันแพงใช่ย่อย ถ้าปักแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันจะปักไปทำหอกอะไร เปลืองเงิน เปลืองด้าย เปลืองเวลาโลกร้อนด้วย
เรามาดูกันต่อในสังคมผู้ใหญ่ที่ใจไม่ได้ต่างจากเด็ก ชอบทำให้คนอื่นเจ็บปวดจากการกระทำหรือคำพูดของตน แน่นอนว่าถ้าเป็นเด็กการล้อปมด้อยกันอาจนำมาซึ่งการชกต่อยทะเลาะวิวาท แต่สังคมผู้ใหญ่คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือ ยิ้มรับมันแบบหน้าเสีย และไม่สนุก แน่นอนว่าด้วยวุฒิภาวะหรืออะไรหลายๆ อย่างทำให้ไม่สามารถไปชกต่อยได้เหมือนเด็กๆ บางคนอาจจะอโหสิกรรมให้ แต่คนที่อโหสิกรรมให้ไม่ได้ เขาก็จะเก็บความแค้นไว้เหมือนกับระเบิดเวลา และเมื่อไรที่มันระเบิดออกมา เมื่อนั้นเรื่องน่ากลัวก็จะเกิดขึ้น
คุณเชื่อหรือไม่แค่คำว่า "ไอ้เตี้ย" จะทำให้คนคนหนึ่งโดนต่อยหน้าช้ำ ฟันร่วงมาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย ในเมื่อไปล้อเขาเขาก็มีสิทธิ์จะตอบโต้ การที่เราจะพูดอะไรที่กระทบความรู้สึกทางจิตใจกับคนอื่น เราต้องพร้อมที่จะรับผลกระทบที่ตามมา ซึ่งผลกระทบดังกล่าว ก็มีทั้งร้ายและดี น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่จะเป็นร้าย ท่านผู้อ่านไม่ต้องเชื่อหรอก ไปพิสูจน์ด้วยร่างกายของท่านเองด้วยการเหยียดหยามคนอื่น แล้วใช้กายเนื้อที่ท่านมีในการพิสูจน์ความจริง แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้น สำหรับคนที่มีครอบครัวอย่าลืมทำพินัยกรรมก่อน เดี๋ยวลูกหลานจะแย่งสมบัติ แต่ถ้าท่านโชคดีท่านก็อาจจะได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งบ้านในนรกก็ได้
การที่เราบอกว่าล้อเล่น สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ คนที่เราล้อเล่นนั้นสนุกไปกับเราหรือไม่? เรื่องบางเรื่องมันสมควรนำมาล้อเล่นหรือไม่? ผู้เขียนไม่กล่าวโทษพ่อแม่เขาหรอก เพราะของแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึกของคนนั้นๆ ต่อให้พ่อแม่เขาสอนจนปากเปียกปากแฉะ แต่ลูกมันไม่จำ และไม่นำไปปฏิบัติมันก็ไร้ค่าไม่ต่างจากลมตด
เรื่องต่อมาเรื่องสถาบันการศึกษา เมืองไทยเป็นประเทศที่คลั่งสถาบันมาก การดูถูกสถาบัน อาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต ก่อนที่จะดูถูกหรืออะไรก็แล้วแต่ ควรตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้ให้มาก หรือไม่ต้องตระหนักก็ได้ ร้านขายโลงศพจะได้ขายโลงศพได้อีกหนึ่งหลัง ร้านขายดอกไม้จะได้ขายดอกไม้ได้ ชาวไร่จะได้มีกินเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
สิ่งที่อยากจะฝากไว้จริงๆ คือ การล้อปมด้อยไม่ใช่ซึ่งที่ดี คุณสนุกในความทุกข์คนอื่นแค่คิดก็บาปแล้ว ขอให้ทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านจะระลึกเรื่องนี้ไว้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่มีอำนาจในมือมากๆ แล้วทำก็ยิ่งต้องถือว่าคุณมันเหี้ยมากๆ เพราะคนที่ถูกคุณล้อไม่สามารถขัดขืนคุณได้เลย หวังว่าผู้เขียนคงจะไม่ต้องรับข่าวสารประมาณว่า มีคนโดนทำร้ายโดยที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ทราบสาเหตุอีกต่อไป (แต่ผู้เขียนพอจะเดาถึงสาเหตุ) แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ผู้เขียนคงได้แต่หวังว่าเหตุการณ์คงไม่ลุกลามไปถึงครอบครัวของพวกเขา สวัสดีครับ!
ป.ล. พอดีเจอคนที่โดนล้อแบบนี้ ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้อีกทั้งที่แต่ละคนอายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่พฤติกรรมไม่ต่างจากเด็กประถมเลย หลายๆ ที่ไม่มีนะ ไอ้เรื่องบ้าๆ แบบนี้ อาจเพราะพึ่งเคยเจอเรื่องเหี้ยแบบนี้ด้วย เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โตแล้วยังคิดกันไม่ได้ ระวังกรรมจะตามสนอง ทัณฑ์สวรรค์ไม่น่ากลัวเท่าทัณฑ์มนุษย์หรอก
Create Date : 28 มิถุนายน 2555 |
|
63 comments |
Last Update : 28 มิถุนายน 2555 15:00:41 น. |
Counter : 12473 Pageviews. |
|
|
|
เด็กชายหมายเลข 34 ที่เพิ่งอ่านจบไป
เด็กในเรื่องมีพรสวรรค์
แต่เขาถูกจับตามอง ถูกตัดสินว่าเป็นเด็กเกเร
ในที่สุดแทนที่เราจะได้เด็กเก่งด้านศิลปะ
เรากลับได้เด็กเกเรมาหนึ่งคน