บันทึกการทำไม้สักที่ป่าสัมปทานแม่ระมาด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (ตอนที่1)
        แม่สอดนั้นเดิมก็คือเมืองฉอดที่ขุนสามชนเคยนำทัพไปขยายอาณาเขตรุกลามถึงสุโขทัยและต้องพ่ายแพ้การต่อสู้กับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ไม่รู้เหมือนกันว่าสมัยก่อนโน้น GPS ก็ไม่มีใช้แต่คนโบราณก็สามารถที่จะเดินขบวนกองทัพข้ามขุนเขาลงห้วยไปไม่รู้กี่ร้อยพันโยชน์ สมัยพ่อขุนรามฯก็มีมอญ(หรือม่านก็ไม่รู้ จำไม่ได้)ที่ชื่อมะกะโทที่ไปเป็นควาญช้างในวังสุโขทัย หลังจากที่มะกะโทเดินทางกลับพม่าพร้อมกับลูกสาวของพ่อขุนรามฯและได้เป็นกษัตริย์ชื่อพระเจ้าฟ้ารั่ว ที่สุโขทัยมีคนคล้องช้างเผือกได้ตัวหนึ่งซึ่งดุร้ายมากเลี้ยงไม่เชื่องพ่อขุนรามเลยให้ปล่อยออกไปและให้ควาญติดตามไปด้วย ช้างน้อยเดินต้วมเตี้ยมไปจนถึงป่าติดกับแม่น้ำเมยทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของแม่สอด พ่อขุนนก็สั่งให้สร้างคอกล้อมช้างไว้และส่งคนไปบอกลูกเขยที่เมืองเมาะตะมะว่ามีช้างเผือกรออยู่เชือกหนึ่ง สถานที่นี้เลยถูกเรียกว่าคอกช้างเผือกซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของแม่สอด เคยไปเที่ยวหลายหนก้อนอิฐแต่ละก้อนที่ใช้สร้างกำแพงใหญ่มากๆ กว้างยาวหนาประมาณ 10" X 18" X 6" อำเภอแม่สอด แม่ระมาด อุ้มผาง ท่าสองยาง ถุกขนาบด้วยเทือกเขาถนนธงชัยและแม่น้ำเมย (กระแสน้ำไหลจากใต้ขึ้นไปทางทิศเหนือ) เคยเป็นป่าดงดิบมาก่อน ตอนที่ผมยังเด็กๆอยู่เคยมีลูกเสือรุ่นๆสองตัวหลงเข้ามาป้วนเปี้ยนแถวป่าช้าชานเมืองเล่นเอาชาวบ้านแถบนั้นนอนผวากันไปพักหนึ่ง ก่อนหน้าที่ผมจะเกิดนั้นมีฝรั่งจากบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าไปตัดไม้สักและส่งไปอินเดียกับอังกฤษ ถนนจากตากไปแม่สอดก็เป็นถนนดินลูกรังรถวิ่งได้ในหน้าแล้งเท่านั้นและถนนเปิดให้รถข้าวันออกวันเพราะถนนแคบมากๆรถสวนกันไม่ได้ พอฤดูมรสุมเข้ามาถนนก็ปิดเพราะจะเป็นโคลนไปหมด การขนส่งสินค้าช่วงนั้นก็ต้องใช้กองคาราวานม้าแกลบและใช้ผ้าใบชุบน้ำมันคลุมของกันน้ำ  ราว พ.ศ 2500 ผู้คนที่มีสตุ้งสตังค์หน่อยก็ใช้บริการของ บดท นั่งเครื่องบินเครื่องยนต์เดียวมีที่นั่งสองแถวไม่มีเข็มขัดนิรภัยเวลาเครื่องตกหลุมอากาศทีไรคนโดยสารก็กระเด็นลงไปกองบนพื้น

เครื่องบินนี้มีที่นั่งสองแถวและพับได้เมื่อต้องการใช้สำหรับการขนวัสดุสินค้า เครื่องจะแวะมาแม่สอดอาทิตย์ละสองหนจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ คนโดยสารส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการกับพ่อค้าจีนและอินเดีย

รูปนี้ถ่ายจากหลังคาบ้านผมซึ่งเป็นตึกคอนกรีตหลังแรกในเมือง บ้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากสถานีตำรวจกลางเมืองประมาณ 100 เมตร บ้านเก่าๆและต้นไม้ที่เห็นเดี๋ยวนี้หายเกลี้ยงไปหมดเปลี่ยนเป็นตึกร้านค้าและโรงแรม ผมกลับไปเมื่อปี 2510 แทบจะจำบ้านเก่าไม่ได้

รูปนี้ถ่ายตอนน้ำท่วมก่อนหน้าปี 2502 อาคารที่เห็นเป็นโรงพักเก่าซึ่งชั้นล่างเป็นคุกกักเก็บนักโทษก่อนที่ศาลจะตัดสินและเอาไปเข้าเรือนจำ โรงพักนี้ตั้งอยู่ร่วมกับสถานีอำเภอและไปรษณีย์ อาคารทั้งสามถูกกะเหรี่ยงจากฝั่งพม่าบุกเข้ามาเผาเมื่อปี 2503 คนไทย(จากทางใต้)ไปค้ากับกะเหรี่ยงให้นำวัวเข้ามาจากพม่าเพื่อส่งเข้ากรุงเทพฯติดเงินกะเหรี่ยงมากกว่าสองแสนแล้วชักดาบ กะเหรี่ยงเลยมาแก้แค้น

ตอนอายุ 3-4 ขวบ(60ปีมาแล้ว)เคยจำได้ว่าไปดูฝรั่งหัวแดงเล่นคริกเก็ตกันที่สนามหน้าโรงพัก ฝั่งพวกนี้จ้างคนไทยและกะเหรี่ยงไปตัดไม้สัก สมัยนั้นเวลาตัดต้นไม้เขาจะกานที่โคนต้นตัดการส่งน้ำแร่ธาตุอาหารจนต้นไม้หิวตายไปและปล่อยไว้หนึ่งปีก่อนที่จะตัด เวลาตัดไม้สักสมัยนั้นเขาต้องทำร้านให้คนสองคนยืนเลื่อยไม้ เขาไม่ตัดไม้ที่โคนต้นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นพู ไม้ที่ตัดลงสมัยนั้นจะมีลำต้นตรงและขนาดสม่ำเสมอกันจากโคนไปเกือบจะถึงปลาย เรียกว่าไม้วีเนียร์ ตอนที่ผมไปทำไม้นั้นก็ยังเห็นตอเก่าๆที่บอมเบย์ตัดไป แต่ละตอสูงเกือบท่วมหัว ไม้สักทองจากป่าด้นตะวันตกนี้มีชื่อเสียงมาก จอมพลสฤษ ธนรัตน์ใช้ทหารเข้าไปตัดขนเข้ากรุงเทพฯไม่รู้กี่ร้อยคันรถ คุณชำนาญ ยุวบูรณ์ก็ขนไปสร้าง Rose Garden ที่สามพราน ฯลฯ หลังจากที่ถนนสายเอเซียถูกสร้างขึันป่าแม่สอดและอำเภอใกล้เคียงก็ถูกตัดจนเหี้นเตียน ผมเคยนั่งเฮลิคอปเต้อร์ของ ตชด จากแม่สอดไปตากมองลงมาเห็นป่าไม้ ดูเหมือน broccoli เขียวไปหมดสุดลูกตา ต้นสักก็มีเต็มไปหมดสังเกตุได้จากดอกสีหม่นๆ เดี๋ยวนี้ดูภาพจาก Google Earth แล้วใจหายเพราะเห็นแต่ดินแดงเกือบทั้งหมด...แม่สอดอำเภอหน้าด่านชั้นเอกในสมัยนั้นซึ่งสินค้าส่งออกเป็นหลักใหญ่คือไม้สักและของป่า (หนังสัตว์ เขาสัตว์ กล้วยไม้โดยเฉพาะฟ้ามุ่ยกับเข็มตระกูลต่างๆ รากระย่อมที่บริษัทจากเยอรมันเอาไปสะกัดทำเป็น Strychnine ฯลฯ) บ้านผมอยู่ตรงข้ามกับบ้านพ่อเลี้ยงปัน สมคิด ซึ่งเป็นคนทำไม้ในสมัยนั้น วันดีคืนดีในหน้าฝนก็มีขบวนช้างของกะเหรี่ยงมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อซื้อเสบียงและข้าวของจำเป็นในการลากไม้ เช่นโซ่และเชือกขนาดใหญ่ มีดโต้ใหญ่สำหรับถากเขียงเบอร์ไม้ เลื่อยชักสำหรับสองคนใช้ (สมัยนั้นยังไม่มีโซ่เลื่อยยนต์) ยาแก้ไข้แก้ปวด ฯลฯ ผมยังเล็กๆอยู่ตอนนั้นเห็นช้างแต่ละตัวใหญ่และน่ากลัวกว่าตอนนี้เยอะ พอถึงหน้าแล้งถนนไปเมืองตากเปิดให้รถวิ่งได้บรรดารถลากไม้ก็เข้ามาเป็นขบวนใหญ่ บางคืนก็ได้ยินเสียงรถลากไม้นี้ผ่านบ้าน ส่วนใหญ่พวกที่วิ่งกลางคืนนี้จะเป็นไม้เถื่อนเสียมากกว่า...งวดหน้าจะเริ่มเข้าป่านะครับ

บันทึกโดย  หม่อง  David Tang ณ USA






Create Date : 24 มีนาคม 2557
Last Update : 26 มีนาคม 2557 22:55:25 น.
Counter : 2438 Pageviews.

2 comments
  
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 24 มีนาคม 2557 เวลา:22:03:03 น.
  
เรื่องราวน่าสนใจมากค่ะ ชอบอ่านเรื่องราวเก่า ๆ

ขอแนะนำนิดหน่อยนะคะว่าตัวอักษรเล้กมาก อ่านแล้วปวดตา อีกอย่างมันติดกันมาก ต้อวเพ่งมากเลยค่ะ หากเว้นบรรทัดบ้างเมื่อเขียนไปยาวพอสมควร คนอ่านจะได้พักสายตาไปด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวดี ๆ
โดย: Maeboon วันที่: 24 มีนาคม 2557 เวลา:22:52:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog