ขั้นที่ 1 : กินมื้อเล็กๆทุก 3-4 ชั่วโมง แทนการกินมื้อใหญ่ 3 มื้อ โดยกำหนดช่วงเวลาห่างของแต่ละมื้อให้สั้นลง เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมความหิวไปในตัว แถมยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย ไม่ปล่อยให้อดอาหารจนร่างกายประท้วง
ขั้นที่ 2 : ทุกมื้อต้องมีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต เพราะการกินอย่างสมดุลคือวิธีรักษาน้ำหนักตัวที่ดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด การเติมไขมันและโปรตีนเข้าไปในแต่ละมื้อ ทำให้อิ่มนานขึ้น เพราะใช้เวลาย่อยนานกว่า ส่วนคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานและความอึด
ขั้นที่ 3 : เพิ่มผักในทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นผักดิบหรือผักสุกก็มีแคลอรีน้อยมาก แต่กินพื้นที่ในกระเพาะมาก ทำให้รู้สึกอิ่มมากขึ้น และมีไฟเบอร์สูง ช่วยระบบการย่อย และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
ขั้นที่ 4 : เริ่มวันใหม่ด้วยการทานอาหารเช้า เพื่อเติมเชื้อเพลิงให้ร่างกาย ควรทานอาหารเช้าภายในชั่วโมงที่ตื่นขึ้นมา เพราะเป็นช่วงที่เมตาโบลิซึ่มทำงานดีที่สุด คนที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่จะไม่รู้สึกหิวโหยในมื้อเย็น มื้อเช้าควรมีแคลอรีไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซนต์
ขั้นที่ 5 : แบ่งมื้อกลางวันเป็น 2 ส่วน แทนที่ จะกินมื้อใหญ่ ลองกินมื้อเล็ก 2 มื้อห่างกัน 3 ชั่วโมง ยืดเวลาออกไปทำให้ไม่หิวโหยมากในช่วงเย็น มื้อกลางวันควรมีแคลอรี 40 เปอร์เซนต์
ขั้นที่ 6 : งดอาหารหลัง 2 ทุ่มเพราะเสี่ยงสุดๆที่จะน้ำหนักพุ่ง มื้อเย็นควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แต่ถ้าจำเป็นต้องขยับแข้งขยับขาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงค่อยเข้านอน เพื่อให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า กินมากตอนเริ่มต้นวัน และกินน้อยตอนท้ายวัน
ขั้นที่ 7 : ถ้ากำลังคุมน้ำหนัก ต้องหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีน้ำตาลเชิงเดี่ยวอยู่ ค็อกเทลแค่แก้วสองแก้วในมื้อเย็น อาจทำให้น้ำหนักพุ่งฉุดไม่อยู่
ขั้นที่ 8 : ใช้ฝ่ามือเป็นตัวกำหนดปริมาณที่สมควรกิน โดยหนึ่งกำมือของเราเท่ากับปริมาณคาร์โบไฮเดรตสองที่ เท่ากับโปรตีนหนึ่งที่ ถ้าคำนวณเป็นสูตรเข้าใจง่ายคือ กินคาร์โบไฮเดรตหนึ่งกำมือ กินโปรตีนหนึ่งกำมือ และผักได้มากเท่าที่สามารถกินได้
ขั้นที่ 9 : ทานช้าๆ สมองใช้เวลาประมาณ 20 นาทีหลังจากกินอาหาร แล้วจึงได้รับสัญญาณบอกว่าอิ่ม!! เวลาทานอาหารต้องค่อยๆเคี้ยวให้ละเอียดและดื่มน้ำมากๆ ถ้าทานเสร็จยังรู้สึกหิว รอสัก 20-30 นาที ค่อยหาของขบเคี้ยวใส่ปาก ถ้ารอได้ความรู้สึกหิวจะหายไปเอง คนที่กินช้าจึงมีแนวโน้มผอมกว่าคนกินเร็ว
ขั้นที่ 10 : มื้อเย็นห้ามดูทีวี เพราะการรับประทานอาหารหน้าจอทีวีทำให้สมองไขว้เขว และจะกินมากขึ้นกว่าเก่าโดยไม่รู้ตัวถึง 30 เปอร์เซนต์ ระหว่างอ่านหนังสือ คุยโทรศัพท์ หรือเล่นเน็ต ก็ไม่ควรกินของขบเคี้ยว ทางที่ดีที่สุดคือควรกินบนโต๊ะอาหารเท่านั้น