โมจิญี่ปุ่น
มิได้ค่ะ ป้าโซไม่ได้เก่งกล้าถึงขนาดจะแนะนำวิธีทำโมจิ ลำพังตัวเองก็วิ่งตามซื้อเขากินอยู่
ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ ทางทีวีจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลนี้มาให้ดูเรื่อยๆ วานนี้ป้าโซผ่านตาไปเจอเขาตำโมจิกัน ประจวบกับปู่เล่าให้ฟังจากประสบการณ์ตรงของตัวเองอีก น่าสนุกดีเลยนำมาขยายต่อค่ะ..
โมจิที่พูดถึงนี่ คือแป้งก้อนๆที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว สามารถเป็นได้ทั้งอาหารคาวและหวาน หรือเป็นอาหารว่างกินเล่นก็ได้ค่ะ โมจินี่จะแข็งโป๊กปาหัวหมาร้องเอ๋ง แต่ถ้าโดนความร้อนเข้าหน่อยละก็จะทำตัวอ่อนระทวย ยิ่งถ้าร้อนมากๆจะยืดหนืดๆไปเลย
วิธีกินเจ้านี่ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ บางคนก็เอาไปปิ้งไฟ พอข้างนอกพองๆเกรียมๆก็หย่อนตุ้บลงใส่ชามถั่วแดงต้ม ซึ่งจะต้มเตรียมแยกไว้ เจ้าถั่วแดงนี่ถ้าต้มไม่นัวไม่นุ่มก็ไม่อร่อยค่ะ ต้องต้มจนบานหวานได้ที่ พอหย่อนโมจิใส่ถ้วยถั่วแดงต้มนี่ก็จะคีบโมจิกัดคำนึง ตามด้วยถั่วแดงปนซุปคำนึง โอย.. ลืมอ้วน..
ถ้าจะกินเป็นอาหารคาว ส่วนมากก็จะใส่โอะโซนิ ซึ่งเป็นอาหารที่ทานกันในช่วงปีใหม่ แล้วจะมาเล่าอีกทีนะคะว่าเจ้าอาหารช่วงปีใหม่นี่มีอะไรบ้าง.. โอะโซนิที่ว่านี่จะต่างกันไปตามท้องถิ่น ที่บ้านป้าโซชอบกินแบบฮะกะตะค่ะ ซึ่งมีปลาบุริเป็นตัวเอก คุณโมจิจะเป็นตัวประกอบที่สำคัญตัวนึงในกะละมัง เอ๊ย.. ชาม.. แฮ่ๆ
บางคนก็พิสมัยกับปิ้งให้พองๆ แล้วก็เอามาราดโชยุ กินอย่างนั้นซื่อๆ หรือฝนไชเท้าลงไปด้วย ก็สวรรค์แล้ว (คงเป็นสวรรค์สำหรับคนแก่ค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนแก่ๆจะชอบกินกันอย่างนี้)
นอกจากนี้แป้งทำโมจิยังสามารถนำไปดัดแปลงเป็นขนมหวานได้อีก เช่นสอดไส้ถั่วแดงบด(อีกแล้ว) ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ราดน้ำตาลทรายแดงเชื่อมหวานๆ หรือไม่ก็คลุกกับคินะโกะ.. ผงถั่วเหลืองคั่วบด ผสมกับน้ำตาล ออกหวานปะแล่มๆ
ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่เช่นนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่ส่วนมากยังนิยมทานโมจิกันค่ะ โดยเฉพาะโมจิที่ทำเสร็จใหม่ๆ จะนุ่ม เหนียว อุ่น ราดโชยุแล้วก็อร่อย บางครั้งอารามที่ปลื้มอกปลื้มใจมากกับช่วงเทศกาลรื่นเริง ทำให้คนแก่กินโมจิโดยไม่ระมัดระวังตัว ทุกปีจะมีคนแก่ตายเพราะกินโมจิเนื่องจากความเหนียวหนืดของแป้งทำให้ติดคอหายใจไม่ออกค่ะ ลองนึกถึงภาพแป้งเหนียวๆหนืดๆ กัดก็ไม่ค่อยขาดสาวแป้งยาวๆเข้าปาก กลืนๆๆเข้าไปสิคะ ต้องระวังการขาดลมหายใจกันเชียวละ..
ปู่ของเด็กๆเล่าให้ฟังถึงกรรมวิธีในการทำโมจิในสมัยโบราณ ที่บ้านปู่จะเป็นคนรับทำโมจิ โดยแต่ละปีตั้งแต่วันที่ 28-31 พ่อของปู่จะเอาเตาที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ขนขึ้นใส่รถลาก บนเตานั้นจะติดไฟไว้ตลอดและมีชั้นรังถึงสำหรับนึ่ง ทำด้วยไม้ไผ่อยู่ห้าชั้น จะลากไปตามสถานที่ที่เขาเรียกไปทำโมจิ
เมื่อถึงที่นั้นๆ พวกป้าๆยายๆทั้งหลายก็จะเตรียมข้าวเหนียวที่ซาวไว้เรียบร้อยของตัวเองไว้ นำมาใส่รังถึงเพื่อนึ่งให้สุก จากนั้นพ่อของปู่กับบรรดาลูกชายก็จะช่วยกันบรรเลงเพลงโมจิ..
เมื่อข้าวเหนียวในรังถีงชั้นล่างสุดสุก ก็จะเอาออกมานวดให้เป็นก้อนๆ จากนั้นก็ใส่ครกตำ โดยคนสองคนผลัดกันตำ วิธีตำก็ต้องฟาดไม้ตำลงไปแบบเฉียงๆ เนื่องจากจะได้แบ่งเนื้อที่ให้อีกคนฟาดไม้ตำลงมาพอดีในจังหวะที่ตัวเองยกไม้ตำขึ้น เพื่อให้แป้งนุ่มได้ที่เร็ว
เมื่อแป้งนุ่มได้ที่ ก็จะเปลี่ยนเป็นตำหนึ่งคนและคอยกลับแป้งอีกหนึ่งคน คนที่กลับแป้งจะต้องรู้จังหวะและเร็วพอที่จะสอดมือที่จุ่มน้ำไว้แล้ว ไปกลับแป้งอีกด้านหนึ่งให้โดนไม้ตำที่คนตำจะฟาดลงมา โดยที่มือตัวเองต้องชักออกจากครกให้ทัน คนที่คอยกลับแป้ง ปกติจะต้องเก่งพอควรค่ะ คนตำน่ะ ถ้าเหนื่อยก็สามารถเปลี่ยนกันตำได้ ป้าโซเคยเห็นคนทำโมจิคู่ที่เก่งๆ ทางทีวี โอ้.. คนกลับแป้งนี่ต้องไวจริงๆ ปากก็ร้องให้จังหวะไป ไฮ้.. ไฮ้.. คนตำก็พั่บๆ ดูเขาทำแสนง่าย แต่ถ้าเราไปตำเองนี่ แค่ยกไม้ตำ ยังไม่รู้จะมีปัญญาแบกหรือเปล่า
โมจิก้อนหนึ่งนึ่สามารถแทนข้าวได้หนึ่งถ้วยค่ะ ก้อนเล็กๆนี่แหละ จิ๋วแต่แจ๋ว.. เวลากินโมจินี่ ป้าโซกินก้อนเดียวรู้สึกว่าไม่พอ จะด้วยความอร่อยหรือความตะกละก็แล้วแต่ ต้องสองค่ะ.. เพราะฉะนั้นช่วงปีใหม่นี่ ป้าโซจะอ้วนด้วยโมจิ ชอบมากกกก..
Create Date : 30 ธันวาคม 2551 |
|
15 comments |
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 1:07:52 น. |
Counter : 3835 Pageviews. |
|
|
|
โมจิน่ากินจังเลย