เจ็บป่วยต่างแดน
วันนี้จะเล่าเรื่องการรักษาพยาบาลของที่นี่ค่ะ..
เล่าตามที่ป้าโซประสบมาเองนะคะ ไม่ได้ขุดลึกถึงความเป็นไปของระบบการพยาบาลของเขา
ยามเจ็บป่วยต่างแดน เป็นเรื่องหนึ่งที่ป้าโซกังวลเนื่องจากภาษาที่สื่อสาร ถ้าเป็นแค่คำศัพท์ง่ายๆใช้กันอยู่ประจำวันก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องมดเรื่องหมอคำศัพท์มันก็จะนอกเหนือไปจากที่เคยรู้ๆ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะไม่ลำบากแต่นี่โนะๆเนะๆ .. ฮ่วย..
ลำพังตัวป้าโซเอง เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงไม่ป่วยซะงั้น หรือถ้าเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆก็จะวินิจฉัยอาการตัวเองแล้วกินยาที่เอาติดไปจากเมืองไทย แรกๆป้าโซทำอย่างนี้ค่ะ แต่หลังๆนี่ต้องอาศัยยาของที่นี่ เพราะเขาจะผลิตยาที่เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศของเขา ที่ครอบคลุมอาการหวัดทั้งหมด ทั้งปวดหัว ลดน้ำมูก คัดจมูก ไอ เสมหะ .. ที่ป้าโซเลี่ยงไม่ได้ก็คือเด็กๆ ที่ร่างกายเขายังไม่ปรับตัวยังไม่แข็งแรงพอเหมือนผู้ใหญ่ จึงต้องพาเขาไปหาหมอ..
ตอนไปอยู่ปีแรก เจอฤดูหนาวของที่นี่ครั้งแรกเป็นอะไรที่สาหัสสากรรจ์สำหรับป้าโซมาก วันที่มีหิมะตกไอ้เจ้าตัวเล็กที่ตื่นตาตื่นใจวิ่งแร่ออกไปดูหิมะเป็นวรรคเป็นเวร พอไปร.ร.เกิดมีไข้สูงถึงสี่สิบองศา ครูที่ร.ร.โทร.มาให้ป้าโซไปรับกลับบ้าน ป้าโซก็ขี่อีแก่อีกคันนึงฝ่าหิมะไปรับลูก ซ้อนท้ายกันมากระด๊อกกระแด๊ก มาวางกระเป๋านักเรียนที่บ้านแล้วก็พากันไปหาหมอที่ร.พ.ใกล้ๆบ้าน ตอนนั้นให้ทุเรศทุรังตัวเองเหลือเกิน อยู่บ้านชั้นป่านนี้ขับรถชิ้ววว ไปรับลูกให้ลูกนอนที่เบาะหลังแล้วก็พาเข้าร.พ.ไปหาหมอเลย ไม่ต้องมาตากหิมะหนาวก็หนาวสั่นงั่กๆๆ ไข้ลูกก็สูงมาก ภาษาที่จะคุยกับหมอ บอกอาการก็ยังไม่รู้ว่าจะมั่วว่าไง ส่วนอีตาพ่อก็เพิ่งได้ทำงานจะลางานมาก็ใช่ที่ ปู่ของเด็กๆก็ไปอยู่บ้านลูกสาวเขา กว่าจะขับรถมาก็กินเวลาอีก โฮ้ยยย สารพัดจะกังวล
แต่พอมาอยู่ได้สักพักก็เริ่มชินแล้วค่ะ เพราะคนที่นี่เขาก็เป็นอย่างนี้กัน คือถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องอดทน ฝนตก แดดออก หิมะตก พอลุยได้ก็จะลุยไป ลุยไม่ไหวก็จะหาทางแก้ไขกันไปตามประสา เช่น ฝนตกทั้งวันทั้งคืนออกไปซื้อกับข้าวไม่ได้ก็ต้องใส่เสื้อฝนทั้งตัวลุยไป หนาวสั่นงันงกก็ทนๆไป กลับมาก็ผิงเครื่องทำความร้อนเอา.. เพราะฉะนั้นการเลี้ยงเด็กให้ช่วยเหลือตัวเองนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ถ้าเราไปทำให้เขาซะหมดเขาก็จะอ่อนแอกับโลกภายนอก ป้าโซต้องปรับเปลี่ยนการเลี้ยงลูกใหม่ตอนมาอยู่ที่นี่ แต่คุณยายของเด็กๆยังเคยชินกับแบบไข่ในหินอยู่ ต้องเตือนกันบ่อยๆ ..
เอ.. ป้าโซพาเลยมาถึงไหนละนี่ ? ต่อค่ะต่อ..
พอไปถึงร.พ. ก็ยื่นประกันสังคมให้เขา ลงชื่อแล้วเขาก็ถามว่าเป็นอะไรมา แล้วก็วัดปรอท พอเห็นไข้สูงพยาบาลก็พาไปอีกห้องนึงสอดยาลดไข้เข้าก้น(ลูกนะคะ ไม่ใช่แม่ ) ให้นอนพักจนไข้ลด เรื่องยาลดไข้ที่สอดทางก้นนี่ป้าโซเคยรู้จักอยู่ค่ะ ได้ผลดีทีเดียวแหละเพราะไข้จะลดลงโดยพลัน แต่จะมีผลแค่ลดไข้เท่านั้นไม่เกี่ยวกับอาการปวดหัวอย่างพาราฯเรา พอไข้ลดหมอก็เข้ามาตรวจอาการ ดูคอ ฟังเสียงหัวใจเต้น สั่งยาและให้กลับบ้านได้
ร.พ.ที่นี่ก็คล้ายๆบ้านเราตรงที่ถ้ามีเตียงให้นอนค้างได้ถึงจะเรียกเป็นร.พ. ถ้าไม่มีก็เป็นคลีนิคธรรมดาค่ะ ส่วนร.พ.ที่ไปนี่มีหมอคนเดียวซึ่งเป็นเจ้าของร.พ.นี้แหละค่ะ มีพยาบาลกับผู้ช่วยหลายคนอยู่เหมือนกัน มีห้องตรวจอยู่สองห้อง ห้องให้การรักษาพยาบาลเช่นให้น้ำเกลือ พ่นจมูกอะไรพวกนี้อยู่อีกสามสี่ห้อง ชั้นบนเป็นห้องสำหรับนอนพักค้างคืน
ที่ส่วนหน้าจะเป็นที่ลงทะเบียนคนไข้ จ่ายสตางค์ โดยเราไปถึงก็แจ้งชื่อพร้อมยื่นบัตรประกันสังคมให้ เขาก็จะค้นประวัติเรา เอาปรอทมาวัดไข้ คืนบัตรประกันสังคมจากนั้นก็นั่งรอจนกว่าจะได้ตรวจซึ่งต้องผ่านด่านผู้สูงอายุทั้งหลาย คนแก่ที่นี่เยอะๆมากๆค่ะ เยอะจน.. เอาไว้ต่อวันหลังดีกว่าเพราะเด๋วยาว พอหมอตรวจเสร็จก็นั่งรอเรียกไปจ่ายตังค์พร้อมกับรับไฟล์พลาสติกใส่ใบสั่งยามา เราต้องเอาใบสั่งยานี่เดินไปอีกตึกนึงใกล้ๆกัน เอาใบสั่งยาไปให้เภสัชในนั้นจัดยาให้แล้วก็จ่ายตังค์อีกที รับยากลับบ้าน..
ที่ร.พ.นี้ จริงๆน่าจะเรียกว่าคลีนิคมากกว่านะคะถ้าเป็นบ้านเรา เพราะมีหมอแค่คนเดียว แต่เงื่อนไขของเขาอยู่ในข่ายที่เรียกเป็นร.พ.ได้ เขาจะมีใบแพทย์ติดบอร์ดประจานไว้ว่ารักษาคนได้ แล้วก็ติดใบรับรองจากร.พ.ใหญ่อีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ เป็นร.พ.ใหญ่จริงๆเป็นร.พ.เอกชนค่ะ ลักษณะคล้ายๆบำรุงราษฏร์ สมิติเวช รามาฯ จุฬ่าฯ อะไรเทือกนั้น ที่ว่าคล้ายปนๆกันไปเพราะมันทั้งใหญ่ทั้งใหม่ ทั้งมีหลายส่วนแยกเป็นตึกๆจนงง .. ใบรับรองนี้จะบอกว่าถ้าร.พ.เล็กๆแห่งนี้เกินกำลังจะรักษาอาการคนไข้ ก็จะส่งไปให้ร.พ.ใหญ่ที่ว่านี่ดำเนินการแทน.. ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้น ก็คงเหมือนกับทางยุโรปมังคะที่แพงแสนแพงถ้าไม่มีบัตรประกันสังคม
ป้าโซเคยไปเยี่ยมอาของเด็กๆที่เขาต้องนอนพักที่ร.พ.ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์ด้วย ห้องพักผู้ป่วยจะมีหกเตียงนะคะ แล้วญาติก็มีเวลาเยี่ยม ไปนอนเฝ้าไข้อย่างบ้านเราไม่ได้ด้วย คนจะไปแอดมิดเข้าร.พ.ก็ต้องรอให้หมอเรียกตัวไป เวลาจะไปก็ต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวให้พร้อม เช่น เสื้อผ้าของเราเอง เขาจะมีห้องอาบน้ำให้ซึ่งต้องผลัดกันไปอาบ มีเครื่องซักผ้า มีห้องให้นั่งดูทีวี มีอีกร.พ.นึงดีหน่อยมีทีวีส่วนตัวให้ดูในม่านที่กั้นของแต่ละคน แต่ทีวีที่ว่านี่ต้องซื้อบัตรเสียบถึงดูได้ค่ะ บัตรที่ขายจะมีหลายชม.ให้เลือก เช่น สิบชม. ยี่สิบชม. หมดเวลาก็ดูไม่ได้ พอสี่ทุ่มรีไงนี่ เขาจะปิดไฟหมดบังคับให้คนไข้นอนพักผ่อน
เป็นไงคะ.. บ้านเราจะสบายกว่าที่นี่ใช่ไหม? ระบบบริการบ้านเราเยี่ยมขอให้มีเงิน
Create Date : 03 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 3 ธันวาคม 2551 0:54:21 น. |
|
8 comments
|
Counter : 1161 Pageviews. |
|
|
|
เราเจอกันโดยบังเอิญ เค้ามาเที่ยวที่ไทย
แล้วมาถามทางว่าจะไปผับได้ที่ไหน
เราเลยไปเที่ยวด้วยกันเลย
เค้าก็มาหาทุก ๆ ปีนะค่ะ แต่ตอนนี้เจนอยู่เมกา
เราขาดการติดต่อกันไปโดยปริยาย