ฉันทนาป้าโซในโรงงานญี่ปุ่น (ทำงานครั้งแรก ตอน 4)
ปิดไฟใส่กลอ.. เลาะ.. ลอนนน.. จะเข้ามุ้งนอน คิดถึงใบหน้า..อะ อ้า..
และเล้วป้าโซก็เริ่มทำงานในโรงงานเป็นครั้งแรกของชีวิต โดยเฉพาะที่ต่างบ้านต่างเมืองซะด้วย จากที่เคยทำงานออฟฟิศตอนอยู่เมืองไทย ก็ได้มาเริ่มเรียนรู้งานอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
ตามความคิดป้าโซ งานโรงงานมันไม่น่ายากเย็นอะไรนัก เรียนรู้งานสักพักก็น่าจะฉลุย แต่..ขั้นตอนในการเรียนรู้นี่สิ สาหัสสากรรจ์เหลือหลายสำหรับคนไม่เคยทำงานโรงงานมาก่อนอย่างป้าโซ
ป้าโซไม่ทราบหรอกว่าโรงงานที่เมืองไทยจะเป็นยังไง แต่ที่นี่ทุกอย่างเซ็ตไว้ไม่เว้นแม้แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวยามทำงานของแรงคนที่ไม่ใช่เครื่องจักร มาเข้าโรงงานกับป้าโซกันเลยค่ะ.. มาดูว่าป้าโซทำงานยังไง..
เมื่อเปลี่ยนเครื่องแบบเรียบร้อย ในห้องที่เราเข้าไปปฏิญาณตนต่อลูกค้านั้น เราต้องเอากระดาษกาวที่เป็นลูกกลิ้ง กลิ้งตามเสื้อผ้าหน้าหลังเผื่อมีเศษผมหรือเศษฝุ่นติดตามเสื้อผ้า แล้วก็เช็คชื่อเราว่าวันนี้ฉันเช็คแล้วนะ ไม่มีเศษผมอะไรติดมา ถ้ามีก็ต้องติ๊กว่ามีหนึ่งชิ้นสองชิ้น ก็ว่าไป.. ถ้ามีต่อเนื่องกันสองวันก็จะต้องทบทวนตัวเองว่า เราพลาดตรงไหนถึงมีเส้นผม(บังภูเขา..อิอิ..) มาติดเสื้อผ้าเราได้ เพราะหมวกก็คลุมผมเผ้าหมดแล้วสองชั้น จากนั้นหัวหน้าที่เปลี่ยนเวรกันแต่ละเดือนก็จะมาเช็คดูเล็บเราว่าสั้น สะอาดดีหรือไม่ ส่วนน้ำหอม เครื่องประเทืองกลิ่นใดๆ ห้ามใช้เด็ดขาดค่ะ รวมถึงเครื่องประดับต่างๆ แม้หนังยางรัดผมก็กำหนดให้มีสีสันฉูดฉาดและเส้นโตเห็นได้ชัดเจนเวลาตก คอนแท็กซ์เลนส์ก็ห้ามใช้แบบ.. ไหนก็ไม่รู้ เพราะป้าโซไม่สนใจฟังเนื่องจากไม่ได้ใส่ น่าจะแบบฮาร์ดนะคะ.. เนื่องจากโรงงานทำเกี่ยวกับเรื่องของกิน ต้องระมัดระวังกันมากเป็นพิเศษ (เรียกว่าถ้าใครขนตะหมูกยาวหน่อย หายใจแรงแล้วขนตะหมูกหลุดง่ายนี่ ก็คงต้องใส่มาสก์สองชั้น .. แหะๆ เว่อร์ ค่ะ เว่อร์..) เมื่อผ่านขั้นตอนพวกนี้จากนั้นจึงเข้าตัวโรงงานได้
ทางเข้าตัวโรงงานก็จะมีล็อกเกอร์เปลี่ยนรองเท้าสำหรับเดินในตัวโรงงานอีก เป็นล็อกเกอร์เก็บรองเท้าผ้าใบสีขาวซึ่งเราต้องเตรียมมาเอง ต้องถอดรองเท้าแตะเก็บไว้ที่ตู้นี้แล้วใส่รองเท้าผ้าใบที่จะใช้เดินในโรงงาน จากนั้นก็ต้องล้างมือที่มีก็อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ มือผ่านไปน้ำก็ไหลออกมาให้ แล้วก็ใช้ทิชชูที่มีไว้ให้ แผ่นเดียว.. ย้ำ แผ่นเดียวค่ะ เช็ดมือให้แห้งแล้วขยำทิชชูที่ใช้แล้วนี่ให้เป็นชิ้นเล็กๆ เช็ดตามขอบอ่างที่น้ำกระเด็นเวลาเราล้างมือ จากนั้นค่อยทิ้งทิชชูลงถังขยะ
ขั้นตอนการล้างมือนี่ ถูกสอนกันทุกคนตั้งแต่ตอนมาสัมภาษณ์งานแล้วค่ะ ที่ก็อกน้ำเป็นระบบเซ็นเซอร์นี่ก็เพื่อป้องกันการปล่อยน้ำทิ้งอย่างฟุ่มเฟือย และทิชชูที่ให้ใช้แผ่นเดียวนั่นก็คือความประหยัด เมื่อใช้แล้วก่อนทิ้งก็ใช้เช็ดซะอีกทีให้คุ้มค่า ส่วนที่ขยำๆให้เป็นก้อนเล็กๆก่อนทิ้งนั่นก็เพื่อลดปริมาณพื้นที่ของถังขยะ เอ..พูดยังไงดีนะ ??.. คือตัวขยะน่ะเท่าเดิมค่ะ แต่ถ้าเราไม่ขยำๆมัน ทิชชูก็จะฟูเต็มถังไวไงคะ เหมือนกับไข่ไก่ที่เราตอก ถ้าเราตอกหลายฟองแล้วซ้อนๆเปลือกให้อยู่ที่ปริมาณครึ่งฟอง ก็จะลดพื้นที่ในการทิ้งลงได้ (น่า..เปรียบเทียบทิชชูกับเปลือกไข่ ไงก็ขยะเหมือนกัน.. )
จากนั้นก็เดินเข้าห้อง Air shower ซึ่งเข้าได้ทีละสามคน เป็นห้องที่มีกระจกบานเลื่อน เมื่อบานประตูปิดเครื่องก็จะพ่นลมออกมาแรงๆ ทำความสะอาดตามเสื้อผ้าเราอีกที เราต้องหมุนรอบตัวหนึ่งรอบให้ลมได้พ่นทั่วร่างกาย ออกจากห้องนี้ก็จะมีเครื่องพ่นอัลกอฮอล์ให้เราล้างมือ จากนั้นจึงเยื้องกรายเข้าสู่ชั้นในของตัวโรงงานได้ เฮ้อออ..
นั่นเป็นความจุกจิกบทแรกนะคะ
ภายในตัวโรงงาน ก็จะมีเครื่องจักรต่างๆ ทั้งผสมแป้งที่จะทำขนม อบ หั่นเป็นชิ้น รวมทั้งอื่นๆอีก เสียงจะดังกึงๆ ตลอด ฝ่ายทำงานในโรงงานจะมีสองแผนกค่ะ คือฝ่ายทำขนมและฝ่ายบรรจุหีบห่อ ป้าโซอยู่ฝ่ายทำขนมค่ะ ..
ไอ้ที่เรียกว่าทำขนมน่ะ มันก็ไม่ได้อะไรนักหนาหรอกค่ะ แค่เอาขนมที่เครื่องหั่นเป็นชิ้นๆแล้วมาจุ่มๆน้ำตาลข้างนอกแล้วก็เข้าเครื่องอบแห้ง ดูไม่น่ายุ่งยากอะไรใช่ไหมคะ แต่ตรงนี้แหละคือจุดขายของเขา เพราะทำด้วยแรงคนมาจุ่มน้ำตาลทีละอัน ซึ่งป้าโซก็ไม่เข้าใจว่าแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ทำด้วยเครื่องจักรหมด แค่ตรงนี้น่ะนะ ถือเป็นแรงงานคนและเป็นจุดขายเสียด้วย
งานที่ป้าโซทำนั้น เริ่มจากเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ จากนั้นทางฝ่ายผลิตขนมก็จะปล่อยขนมทางสายพาน เลื่อนมาให้ทางพวกป้าโซเริ่มจิ้มจุ่มกันค่ะ ซึ่งเวลาปล่อยขนมนี่เขาจะกำหนดเป็นเวลาตายตัวเลยว่ากี่โมงถึงกี่โมง อย่างช่วงเช้านี่ จะปล่อยขนมสู่สายพาน 8.00 - 10.15 แล้วเบรคเจ็ดนาทีได้ ซึ่งทุกคนก็จะตาลีตาเหลือกออกไปเข้าห้องน้ำกัน แล้วตะกายกลับมาทำงานกันกับขนมชุดใหม่ที่จะออกมาประมาณ 10.20 - 12.30 เป็นอันเสร็จงาน..
ฟังดูน่าจะง่ายๆกับการจิ้มจุ่มน้ำตาลใช่ไหมคะ แต่.. ไอ้เรื่องดูง่ายๆนี่แหละค่ะ มือไม้ป้าโซพังป่นปี้หมด นอกจากถูกน้ำตาลร้อนๆลวกแล้วยังเจ็บเอ็นนิ้วมืออีก ..
งานที่ทำจะแบ่งเป็นคู่ๆค่ะ คนนึงยืนหยิบขนมจากสายพานวางใส่อ่างน้ำตาลขนาดเท่าอ่างล้างจานยาวๆแล้วเอาคีมคีบขนมจุ่มน้ำตาลยกขึ้นสอดเข้าไปในช่องพลาสติกที่จะพอดีกับตัวขนมเพื่อปาดน้ำตาลส่วนเกินทิ้ง จากนั้นอีกคนที่นั่งตรงกันข้ามกับคนยืน ก็จะหยิบขนมจากช่องพลาสติกวางเรียงบนตะแกรงที่เลื่อนไปเรื่อยๆเพื่อเข้าสู่เตาอบแห้ง
ไอ้ที่ยากก็คือ เขาจะเซ็ตไว้เลยค่ะ ว่าเราจะต้องจับคีมยังไง นิ้วไหนอยู่ส่วนไหนของคีม วางขนมลงอ่างลักษณะไหน คีบขนมด้วยมุมยังไง เอียงตัวขนมด้านไหนให้จุ่มน้ำตาลเพื่อให้เคลือบน้ำตาลได้ทั่วถึงชิ้น ส่งขนมเข้าช่องแค่ไหนเพื่อให้คู่ตัวเองดึงได้ง่าย นี่คือมือขวานะคะ ส่วนมือซ้ายก็ต้องแยกประสาทให้ดี เพราะต้องคอยเอื้อมไปแบ่งขนมที่เรียงมาเป็นแถวยาวๆต่อกันเหมือนงูยาวเฟื้อยบนสายพาน ต้องแบ่งสี่ชิ้นและหยิบมาสี่ชิ้นลงอ่างน้ำตาลให้ต่อเนื่องกับมือขวาที่คอยคีบ ห้ามหยุด.. เหมือนเราเป็นเครื่องจักรส่วนหนึ่งแหละค่ะ ไอ้ชิ้นที่แบ่งไปแล้วคนที่อยู่ด้านหลังก็ทำต่อไป คนแบ่งต้องคอยหยิบขนมที่แตกๆทิ้งอีกด้วย ที่สำคัญมือซ้ายต้องสัมพันธ์กับมือขวาที่คอยคีบขนมส่ง ตรงนี้แหละค่ะถ้าพลาดจิ้มโดนน้ำตาลที่อุณหภูมิ 92 - 95 องศาเซลเซียส ถ้าเช็ดไม่ทันก็พองละค่ะ น้ำตาลหนืดๆนะคะ ไม่ใช่น้ำร้อน ความร้อนมันจะนาบอยู่นานกว่าน้ำซึ่งความหนาแน่นน้อยกว่า บางทีนิ้วจุ่มลงไปเลยก็มี
ส่วนคนดึงขนมปังจากช่องวางเรียงบนตะแกรง ก็ต้องมีวิธีดึง ต้องหยิบด้วยนิ้วไหน หักข้อมือยังไง นั่งท่าไหน มองขนมสามส่วน อีกส่วนต้องคอยเหลือบดูคู่ที่ทำงานด้วยว่าส่งขนมให้หรือยัง เพราะด้วยความเร็วบางคนสอดขนมให้ดึงไม่ถนัดก็มี ต้องดูจังหวะรับส่งให้พอดีกันค่ะ ไม่งั้นขนมบนสายพานจะเลยไปทำความลำบากให้คนอยู่ข้างหลัง เรียกว่านั่งหรือยืนกันอย่างนั้นสองชม.กว่าแหละค่ะ กว่าจะได้พัก อัตราความเร็วที่คนทำเร็วๆ ทำได้ คือ 70 ชิ้นต่อหนึ่งนาที
นี่คือความจุกจิกในการทำงานค่ะ ซึ่งก็ต้องปรับตัวกันอยู่นาน ป้าโซทำมาแล้วเจ็ดเดือน ยังแค่.. พอใช้.. ตอนแรกจะให้เวลาตัวเองแค่ครึ่งปีว่าปรับตัวทำได้ไหม ทำๆไปเวลาฝึกฝนให้เก่งน่ะ ไม่พอหรอกค่ะ คงต้องสักปีหนึ่งถึงจะเก่ง..
คราวนี้เล่าเรื่องลักษณะของงาน คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนที่ป้าโซทำงานด้วยบ้างละค่ะ ..
Create Date : 18 ธันวาคม 2551 |
|
10 comments |
Last Update : 18 ธันวาคม 2551 14:23:31 น. |
Counter : 2108 Pageviews. |
|
|
|