การมีชีวิตอยู่ในญี่ปุ่น-ตอน 4 เรื่องน้ำๆ
เห็นไหมคะว่าป้าโซต่อยอดไปได้เรื่อยๆ บอกแล้วว่าพล่ามน้อยไม่เป็น
ว่าไปเยอะแล้วเรื่องกินๆ ทีนี้มาเรื่องดื่มๆมั่งค่ะ ..
ป้าโซคุยกับเพื่อนทางเมล์ เคยแพลมออกไปหน่อยตอนจบเมล์ว่าจะไปต้มน้ำชาละ เพราะน้ำชาหมดตู้เย็นเพื่อนเห็นแปลกถามมาว่าทำไมต้องต้มน้ำชาดื่มกันด้วย น้ำธรรมดาไม่ดื่มกันเรอะ?
นั่นสินะ.. คำถามนี้ก่อให้เกิดหัวข้อนี้ตามมา
ที่ไทยเราเครื่องดื่มที่เราดื่มกันเป็นพื้นฐานนั่นก็คือน้ำเปล่า มีอัฐหน่อยก็เด้งไปดื่มพวกน้ำแร่ให้สมฐานะ แต่ที่นี่..ในประเทศที่หายใจเข้าออกเป็นชานี่ จะไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่ากัน จะดื่มน้ำชาเป็นหลักค่ะ ไม่ว่าชาร้อนหรือเย็น ยามหน้าร้อนก็ดื่มน้ำชาเย็น ยามหน้าเย็น เอ๊ย!! หน้าหนาว ก็ซดโฮกน้ำชาเขียวร้อนๆ ไม่ให้เสียดุลย์ว่าเป็นประเทศที่ชาเขียวมืชื่อ
จริงๆแล้วน้ำเปล่าธรรมดาเขาก็ดื่มกันนะคะ ตอนป้าโซยังไม่ย้ายมาอยู่นี่ มาเที่ยวชั่วคราวนั้นด้วยความที่เราติดดื่มน้ำเปล่า มาถึงก็ต้องซื้อน้ำเปล่าตามซุปเปอร์มาดื่มเป็นขวดๆ จริงๆแล้วน้ำประปาก็ดื่มได้ แต่เจ้าของประเทศเขาเกรงว่าเราไม่เคยดื่ม จะเสาะท้อง(ทำความลำบากให้เขาอีก) พอมาอยู่ที่นี่เป็นเรื่องเป็นราว ก็ติดเครื่องกรองน้ำให้อุ่นใจไว้อีกชั้น เอาไว้หุงต้มหรือดื่มตรงๆเลยก็ได้
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีมลภาวะเท่าไหร่ ตามชนบทน่ะค่ะ อากาศจะสะอาด ธรรมชาติสวย มีความเชื่อกันว่าน้ำจากภูเขาสามารถรักษาโรคบางชนิดได้ มีคนนิยมขับรถไปไกลๆ เพื่อเอาแกลลอนไปรองน้ำที่ไหลซึมมาจากภูเขา ปู่ที่บ้านก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อเช่นนั้น ป้าโซยังเคยคิดรถปู่ไปดูแหล่งน้ำที่ไปขนมาเลยค่ะ มันก็เป็นน้ำที่ซึมมาจากหินตามภูเขา และคงเป็นที่นิยมจริงๆ เพราะเขาถึงกับทำท่อรองให้กรอกใส่ภาชนะอย่างเป็นเรื่องเป็นราว น่าจะเป็นทางการนะคะที่ทำไว้ให้ ตอนไปถึงต้องเข้าคิวจอดรถรอกันเป็นแถว ค่อยๆเขยิบไปทีละนิด ป้าโซคิด..เออเนาะ.. ความบ้านี่ไม่เลือกชาติจริงๆ
ปู่คะยั้นคะยอให้ลองดื่ม ป้าโซดมก่อนเลยค่ะ อาศัยความเป็นนังแจ๊บ ต้องดมก่อนเขมือบ ดมๆไปแล้วไม่มีกลิ่นเหม็นอย่างที่กลัว คราวนี้ลองจิบดู จิบแล้วมาขลุกๆในคอ ดมกลิ่นแปลกปลอมด้วยคออีกที เอ๊ะ!! ไม่มีกลิ่นนี่ เลยลองกลืนดู..
เอ๊อออ.. มันไม่มีกลิ่นเหม็นตะไคร่ ดิน ทราย ที่น้ำได้ซึมผ่านๆมา ดื่มได้อย่างสนิทใจเลยค่ะทีนี้ อุปาทานไปว่าอร่อยอีกต่างหาก หรือจะเป็นเพราะคำโฆษณาของปู่ก็ไม่รู้ ส่วนเรื่องรักษาอะไรนั่น ป้าโซไม่จำเป็นต้องรักษาอะไรหรอกค่ะ เพราะรักษายังไงก็ไม่หาย ไอ้โรคบ้าเป็นระยะๆเนี่ย แต่ลูกสาวของปู่เขาเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งเป็นปื้นๆ ได้ดื่มน้ำนี่แล้วก็หาย.. แปลกดีเหมือนกัน เลยมีคนหัวใสมานะไปรองน้ำมาขายค่ะ แกลลอนละห้าลิตร พันเยนเท่านั้นเอง
น้ำที่รองมาใสจริงๆค่ะ ใสแจ๋วแหวว ใสอย่างไม่น่าเชื่อ ใสอย่างเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเห็น ใส..ใซ้..ใส.. เชื่อหรือยังคะว่าใส? เคยดูตามทีวีที่เขาไปถ่ายทำน้ำที่ไหลซึมๆ แล้วมารวมตัวกันเป็นสายน้ำไหลมาตามภูเขา ใสมาก เห็นแล้วเย็นใจไปหมด นั่นแหละค่ะ ใสอย่างนั้นแหละ (ยังไม่เลิกใส )
ไหนๆก็ใสแล้ว มาต่อกันสักนิดดีกว่า .. ลุงที่บ้านบอกมีไม่กี่ประเทศในโลกหรอกนะคะที่จะมีน้ำที่ใสบริสุทธิ์อย่างนี้ เอาน่ะ.. อยู่เมืองเขาก็ยกให้เขาหน่อยก็แล้วกัน แต่มันคงจะจริงแหละค่ะ เพราะธรรมชาติที่นี่สะอาดผ่องแผ้วจริงๆ นี่พูดถึงตามนอกเมืองนะคะ และนี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนที่นี่อายุยืนยาว..
กลับมาค่ะ กลับมาเรื่องชาต่อ
คนที่นี่นอกจากจะนิยมดื่มชาเขียวร้อน เย็นกันแล้ว ยังนิยมดื่มชามุกิซึ่งเป็นชาที่ทำมาจากข้าวบาร์เล่ย์ ยิ่งยามหน้าร้อนด้วยแล้ว การได้ดื่มชามุกิเย็นๆจะชื่นนน หัวใจนัก ชามุกิมีแบบทั้งเป็นเม็ดๆให้เรามาตักใส่กาต้มน้ำเดือดเอง ทิ้งให้เย็นแล้วกรองใส่ภาชนะแช่เย็น หรือแบบถุงบางๆไว้เสร็จสรรพ โยนใส่น้ำเดือดทิ้งให้เย็นเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีแบบซองที่ใส่ในน้ำเย็นธรรมดาได้เลยค่ะ อันหลังนี่สะดวกที่สุดแต่ราคาแพงที่สุดเหมือนกันซึ่งไร้ความสนใจจากป้าโซโดยสิ้นเชิง
เด็กๆที่นี่จะพกกระติกน้ำหรือที่เรียกว่าซุยโต.. ใส่น้ำชานี่แหละไปร.ร.กัน จริงๆที่ร.ร.ก็มีน้ำประปาให้ดื่ม อย่างที่เคยบอกว่าน้ำประปาที่นี่ดื่มได้ ถามเจ้าตัวเล็กเขาว่าดื่มกันยังไง เขาทำท่าแหงนหน้ารองจากก๊อกใส่ปากให้ดู เขาบอกว่าไม่อร่อย สู้น้ำชาไม่ได้.. ตอนแรกๆที่เจ้าตัวเล็กมาอยู่ที่ญี่ปุ่น จะติดน้ำเปล่าที่เคยดื่มๆตอนอยู่เมืองไทยมากกว่า มาตอนนี้กลายเป็นติดน้ำชาไปซะแล้ว..
เรื่องการพกกระติกน้ำไปดื่มไหนๆเนี่ย เป็นปกติของคนที่นี่อีกเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะเวลาเด็กไปร.ร. ไปเล่นกีฬา หรือท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ จริงๆแล้วก็สามารถหยอดเหรียญกดซื้อน้ำตามตู้ได้ น้ำชาขวดเล็ก 100 เยน ขวดกลาง 500 ml. ราคา 150 เยน แล้วลองคิดดูเล่นๆนะคะ บ้านนึงมีสี่คน ถ้าต้องไปกดน้ำทุกวัน วันละสี่ร้อยเยน แล้วคนนึงดื่มขวดเดียวไม่พอแน่ต่อวัน.. เดือนนึงก็ปาเข้าไปหมื่นเยนอัพละค่ะ อยู่ที่นี่บางอย่างต้องคิดยุบคิดยิบอย่างนี้ละค่ะ ถึงจะอยู่ได้ เหมือนๆกับที่ว่าทำไมต้องนำเบนโตจากบ้านไปเอง..
ดูเหมือนชีวิตที่นี่ค่อนข้างกดดันกลายๆใช่ไหมคะ? จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ขึ้นกับว่าเราจะคิดอย่างไร เพราะคนที่นี่เขากินอยู่กันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ในเมื่อเรามาอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างพวกเขา เราก็ต้องทำแบบเขาค่ะเป็นเรื่องธรรมดา.. แต่.. บางครั้งมันก็มีบ้างแหละเนอะ ที่เหนื่อย..
พอค่ะ.. เอารูปน้ำชาธรรมด๊า .. ธรรมดามาฝากกันดีกว่า..
หน้าตาชาแบบซองๆ ถุงนี้มี 54 ซอง สนนราคารู้สึกจะ 178 หรือ 198 เนี่ย จำไม่ได้ ป้าโซนิยมของถูกค่ะ กินเข้าไปแล้วถ่ายออกมาก็เหมือนกันแหละ
แล้วก็ต้มน้ำไว้ พอน้ำเดือดก็โยนลงไปหนึ่งซอง บางคนเขาต้มชาไปอีกสักพักแต่ป้าโซว่ามันเข้มข้นเกินไปเอาแค่นี้พอ .. พอมีกลิ่นปะแล่มๆ
เย็นแล้วก็เทใส่ขวดเข้าตู้เย็น แล้วก็ใส่กระติกใส่น้ำแข็งให้เด็กๆกระเตงไปร.ร.ค่ะ..
จริงๆแล้วหัวข้อนี้กะจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องของมึนเมาหน่อยนึงด้วยนะคะ แต่มาไกลเกินไปละค่ะ ขอจบแค่นี้ก่อนละกัน
Create Date : 09 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 20:39:03 น. |
|
7 comments
|
Counter : 3784 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ไหม IP: 118.172.147.168 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:29:47 น. |
|
|
|
โดย: mame (@FirstblusH ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:22:38 น. |
|
|
|
โดย: MOMOKO OKUSAMA IP: 58.8.73.174 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:19:21 น. |
|
|
|
โดย: Skydiary วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:46:58 น. |
|
|
|
โดย: tanya tanya วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:43:12 น. |
|
|
|
โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:27:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
คุรุเม่ ฟุกุโอกะ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ ..
ป้าโซอยู่อำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งอยู่ในเกาะคิวชู เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น
เรื่องราวที่เล่าๆสู่กันฟังนี่ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งสอดแทรกความคิดเห็นเข้าไปด้วย อันไหนไม่เข้าทีก็อ่านผ่านๆไปละกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|