เรื่องกินเรื่องเล็ก

ความเดิมที่แล้ว เอ.. เกริ่นผิดค่ะ เกริ่นผิด.. เอาใหม่

สืบเนื่องมาจากตอนที่แล้วและก่อนหน้านั้น มีเพื่อนสมาชิก(ใครน้อ??
) ทักถามมาเรื่องร้านรวงกับการกินเวลาไปเที่ยว และก่อนหน้าโน้นก็ถามเรื่องกินเจ

ป้าโซก็เลยไปแงะข้อมูลมา ได้คร่าวๆดังนี้ค่ะ..

เอาเรื่องกินเจก่อนนะคะ ถามว่าคนญี่ปุ่นมีประเพณีกินเจแบบบ้านเราไหม? ข้อมูล(คน)ที่ป้าโซแงะมาได้ เขาบอกว่าไม่มีนะคะ กินเจเป็นเรื่องเป็นราวแบบบ้านเราไม่มี มีกินมังสวิรัติบ้างแต่ไม่เยอะนัก

ญี่ปุ่น เป็นชาติที่ค่อนข้างรับเอาอาหารการกินของหลากหลายประเทศเข้ามาค่ะ(เหมือนบ้านเราแหละ) ทั้งฝั่งยุโรปและเอเชีย บางครั้งอาจปรุงแต่งให้เข้ากับรสปากของเขา แต่โดยรวมๆแล้ว เขาเปิดรับอาหารหลากหลายจากต่างประเทศมาก ใช่ว่าจะเน้นที่อาหารญี่ปุ่นของเขาเองอย่างเดียว เรียกว่าอะไรดีอะไรอร่อย พวกสรรหามากินมาลองกัน เรียกว่าเปิดใจรับมากกว่าภาษาที่ใช้

รู้สึกป้าโซจะเคยเล่าแล้ว ถ้าไม่ที่นี่ก็ที่เว็บบ้านเพลงฯ ที่ป้าโซเคยไปทานอาหารร้านพิซซ่า พาสต้า อะไรเทือกนั้นมา แล้วเจอกลุ่มคุณป้าคุณลุง (หรือจะเรียกว่าคุณปู่คุณย่าดีนะ?) วัยประมาณเจ็ดสิบขึ้น มาสั่งพาสต้าทานกัน ป้าโซค่อนข้างแปลกตาเพราะไม่ค่อยเคยเห็นคนแก่ๆทานของพวกนี้กัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาจะเน้นเรื่องบาล้านซ์ของอาหารกันค่ะ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ลงท้ายแล้วถ้าดูกันจริงๆ จะเห็นว่าอาหารที่ทานๆกันนั้น เขาจะพยายามให้มีบาล้านซ์ตามหลักโภชนาการ ที่เห็นชัดๆก็คืออาหารที่โรงเรียนจัดให้เด็กนักเรียนทาน เขาจะมีเมนูแต่ละเดือนบอกมาเลยค่ะว่าวันไหนมีอะไรบ้าง และอาหารแต่ละอย่างกี่แคลอรี่ วัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารให้ประโยชน์อะไรบ้าง

ยิ่งคนแก่ตัวลง ก็ยิ่งเน้นทานของแบบธรรมชาติมากขึ้น ปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เช่น เต้าหู้หลากหลาย (ที่ว่าหลากหลายนี่ เพราะมีทั้งเต้าหู้นิ่ม แข็ง ไข่ งา ทอด..) ถั่วหมัก ผักสด ไชเท้าฝนดิบๆ และเน้นทานพวกปลามากกว่าเนื้อสัตว์ อาจเป็นเพราะความเบื่อหรือไม่ก็การย่อยง่ายของผู้สูงวัย

ตอนป้าโซมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เห็นปู่ของเด็กๆทานข้าวบางมื้อแล้ว มีแค่ไชเท้าฝนๆ ก็เอามาเหยาะด้วยโชยุ ทานกับข้าว หรือไม่ก็ไข่ฟองนึงตอกใส่ชามข้าวร้อนๆ แล้วราดโชยุ คลุกๆๆ ก็อิ่มได้ เหมือนเขากินเพื่ออยู่ ป้าโซยังนึกว่าเขากินได้ยังไง? พออยู่ไปนานๆ เออ.. เจ้าไชเท้าฝนราดโชยุนี่มันก็อร่อยแฮะ ออกจะขึ้นจมูกนิดๆคล้ายวะซะบิ ได้อารมณ์ลุ้นดี หรือป้าโซจะแก่แล้วนี่?

นอกจากเรื่องอาหาร และอากาศแล้ว คนแก่ที่นี่เขายังพยายามออกกำลังกายหรือไม่ก็เคลื่อนไหวตลอดทำโน่นทำนี่อยู่เรื่อย บางคนกระย่องกระแย่งแล้วก็ยังอุตส่าห์เกาะรถเข็นสำหรับคนแก่ คล้ายๆรถเข็นเด็กอ่อน เพียงแต่ตรงที่นั่งเปลี่ยนเป็นกระเป๋าสำหรับใส่ของ เดินไปโน่นมานี่ ซุปเปอร์มั่ง หาเพื่อนฝูงตามบ้านใกล้ๆมั่ง บางคนขี่จักรยานไม่ไหวแล้ว หลังก็ค่อมแต่ก็ยังเข็นจักรยานค่อยๆเดินไป อาจจะด้วยความเคยชินที่เคยทำอะไรๆด้วยตัวเองมาตลอดชีวิตก็ได้ ที่ยังทำให้ยังทำอะไรๆด้วยตัวเองอยู่แม้จะแก่ปานนี้แล้ว แต่กิจวัตรเหล่านี้แหละค่ะที่ทำให้คนแก่ของญี่ปุ่นมีอายุยืนยาว อ้าว!! ป้าโซไปไหนแล้วนี่???


มาต่อด้วยเรื่องไปเที่ยวแล้วทานข้าวกันนะคะ..

จากที่เคยๆเห็นกันเรื่องอาหารญี่ปุ่นที่ดูน่าทานครบทั้งรูปทั้งรส ดูเป็นความพิถีพิถันในการกินของเขาใช่ไหมคะ? แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็มีความเรียบง่ายค่ะ ด้วยความจำกัดเรื่องเวลา เรื่องความสะดวกในการหากิน และรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการกินด้วย..

ในยามเร่งด่วน อาหารยอดฮิตที่สุดก็คงไม่พ้นโอนิกิริหรือข้าวปั้นต่างๆ ไม่ก็พวกแซนวิชที่แพ็คพร้อมนำเข้าปาก เคี้ยวๆกลืนตามด้วยน้ำให้อิ่มท้อง พร้อมจะสู้รบปรบมือกับกิจกรรมต่อไปได้ ที่นี่จะมีร้านสะดวกซื้ออยู่มากมายหลายยี่ห้อ แต่ละร้านที่ขาดไม่ได้คือมุมอาหารเร่งด่วนนี่แหละค่ะ จะมีทั้งข้าวปั้น แซนวิช สำหรับคนที่พอจะมีเวลากินหน่อย ก็จะมีพวกอาหารกล่องง่ายๆ เช่น ยะกิโซบะ ข้าวแกงกะหรี่(ญี่ปุ่น) สปาเก็ตตี้ ข้าวกล่องชุดต่างๆ สลัด ซึ่งอาหารพวกนี้เวลานำไปจ่ายเงินเขาจะมีบริการอุ่นให้พร้อมรับประทาน

ป้าโซต้องพาเจ้าตัวเล็กออกตระเวณแข่งยูโดตามสถานที่ต่างๆ เวลาไปก็ต้องนัดพบกันทั้งกลุ่ม ไปกันเป็นทีมและเวลาที่นัดเจอกันก็เช้าพอควร บางครั้งหกโมงเช้าก็มี อาหารเช้าที่พึ่งเป็นประจำก็ร้านรวงพวกนี้แหละค่ะ ตอนแรกๆก็นึกสงสารลูกว่ามันจะอยู่ท้องรึ สารอาหารจะได้ครบรึ กับการกินลวกๆเช่นนี้? แต่พอคิดเข้าจริงๆ มันก็พออยู่ได้ค่ะ เพราะนอกจากข้าวแล้วไส้ของข้าวปั้นยังมีปลา หรือไม่ก็เนื้อ สาหร่ายปรุงรส หุ้มห่อข้าวด้วยสาหร่าย เรียกว่าเป็นบาล้านซ์เล็กๆสำเร็จรูปได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือสะดวกมาก..

พอเขาอุ่นให้ก็นำกลับมาทานที่รถระหว่างเดินทางนั่นแหละค่ะ แกะห่อพลาสติกที่หุ้มตามหมายเลขที่เขากำกับไว้ ก็จะสามารถเอาสาหร่ายห่อข้าวปั้นสามเหลี่ยมที่มีไส้อยู่ข้างในถือกัดทานได้เลย มือก็ไม่เปื้อน จานช้อนก็ไม่ต้องใช้ พอทานเสร็จก็น้ำขวดที่ซื้อมาแหละค่ะ มีทั้งน้ำชาเย็น ชาร้อน กาแฟกระป๋องทั้งเย็นทั้งร้อน โกโก้สำหรับเด็กก็มี เปิดขวดดื่มกันเป็นอันเสร็จพิธีอาหารเช้า

การทานอย่างนี้เป็นการสะดวกที่สุด ประหยัดเวลา และราคาก็ไม่แพง เหมาะสำหรับเวลาเร่งด่วน แล้วค่อยไปเน้นที่อาหารกลางวันหรืออาหารเย็นที่พอจะมีเวลาทานได้อย่างสบายๆ

ส่วนเวลาไปเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวบางที่แทบไม่มีร้านอาหารเลยค่ะ ยิ่งตามนอกเมืองด้วยแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งจะอิงกับธรรมชาติมาก เรียกว่าถ้าไปเที่ยวชม ก็เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เรื่องปากท้องเป็นเรื่องรองๆไป บางแห่งอาจมีร้านอาหารจัดเตรียมไว้ แต่ก็น้อยร้าน อาหารที่ขายก็จะเป็นอาหารทำและทานง่ายๆ เช่นอุด้ง โซบะ ข้าวเปรี้ยวห่อเต้าหู้ ข้าวราดแกงกะหรี่ อะไรเทือกนี้ เรียกว่ากินเพื่อให้อยู่ๆท้อง

แต่สถานที่บางแห่งก็มีค่ะ ร้านอาหารที่จัดเป็นเรื่องเป็นราว หลากร้านแล้วแต่จะเลือกทาน อย่างที่ดะไซฟุที่ไปมานี่ เขาก็มีร้านอาหารหลายร้านอยู่หรอกนะคะ เพียงแต่กรณีพิเศษอย่างช่วงปีใหม่นี่ คนจะเยอะมาก บางคนคร้านที่จะรอคิวก็จะสะดวกซื้อของที่เขาขายตามแผงแบบงานวัดทานกันค่ะ ซึ่งแผงงานของกินที่มีอยู่ตามงานวัดนี่ เขาจะเปิดขายกันเมื่อมีเทศกาลเท่านั้นค่ะ สนนราคาของตามแผงพวกนี้ ตกอย่างละประมาณห้าร้อยเยน ถ้าคิดจะกินให้อิ่มจริงๆ ก็แพงกว่ากินตามร้านอาหารละค่ะ

ส่วนระหว่างการเดินทางระยะไกล ถ้าต้องขึ้นทางด่วนเขาก็จะมีที่พักตามรายทางให้ค่ะ ไม่ถี่ติดกันนัก ตามที่พักระหว่างทางเช่นนี้จะมีห้องน้ำแยกชายหญิงบริการฟรี มีตู้กดอัตโนมัติชายน้ำขวด น้ำกระป๋อง ไอติม กาแฟร้อนเย็น มีร้านสะดวกซื้อ บางแห่งที่ใหญ่หน่อยก็อาจจะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกซึ่งจะมีของมีชื่อของพื้นที่นั้นๆขายด้วย บางแห่งก็จะมีแผงขายของกินเล่น เช่นไก่ทอด ทะโกะยะกิ(ขนมครกญี่ปุ่น) มันฝรั่งทอด ลูกชิ้นปลาต่างๆ ซาลาเปา เบอร์เกอร์ ไส้กรอก.. เทือกนี้ขายค่ะ

เริ่มหิวแฮะ ว่าแล้วคนเล่าก็ไปหาของเช้าทานล่ะค่ะ

แล้วพบกันใหม่ค่ะ .. สวัสดี ..


Create Date : 17 มกราคม 2552
Last Update : 17 มกราคม 2552 8:01:59 น. 19 comments
Counter : 982 Pageviews.

 
แวะมาอ่านครับ



โดย: joblovenuk วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:8:46:50 น.  

 
ข้าวปั้นเป็นอาหารที่ชายน้อยชอบมากกว่าแซนวิชนะ คนญี่ปุ่นมีชีวิตอย่างยืนยาวเพราะกินอาหารที่มีการปรุงแต่งน้อยอย่างนี้นี่เอง


โดย: เ จ้ า ช า ย น้ อ ย วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:9:33:03 น.  

 
ได้ความรู้มากๆค่ะ


โดย: ga_tan_u วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:11:43:43 น.  

 
แวะมาเยี่ยมป้าโซค่ะ

ที่ญี่ปุ่นตอนนี้หนาวไหมคะ

อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นจัง

เสียดายที่ตอนนั้นป้าลิไปหักอกหนุ่มยุ่น ไม่งั้นคงได้เป็นสะใภ้ยุ่น

แต่ว่าไปก็โชคดีของเขาแล้วหล่ะ อิอิ


***




โดย: ป้ามะลิกับลุงมะระ วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:13:26:02 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้ไปด้วยเลยค่ะ..


โดย: tiktoth วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:14:47:51 น.  

 
อิอิอิ มาก่อนพี่ตุ๊กตาค่ะงานนี้...ว่าแต่ว่าทาโกะยากินี่รสชาติเหมือนลูกชิ้นปลาหมึกมั้ยคะป้าโซ


โดย: Goizd วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:15:59:31 น.  

 
ไหนๆก็ถามเรื่องกินแล้ว ก็ขอซอกแซกลึกเข้าไปอีกหน่อย
น่ะ อิอิ


สงสัยว่าก๊วยเตี๋ยว (บะหมี่)ของเรากับของเขา (ราเมน)
ของใครอร่อยกว่ากันแน่เพราะเคยดูรายการ
ทีวีแชมเปี้ยน ตอนชิงแชมป๋นักกินราเมน
เขาขี้คุยว่าราเมนของเขาอร่อยเป็นเลิศที่สุด

ผมก็เลยทดสอบไปที่โลตัสสาขาหนึ่ง
เข้าไปในร้านขายราเมน รสชาติก็พอใช้ได้น่ะแต่ต้องใส่
เครื่องปรุง แหะแหะ
ถ้าไม่ใส่เครื่องปรุง ทานไม่ไหว
เข้าใจว่าราเมนขายในไทยไม่เหมือนกับที่ญี่ปุ่น รสชาติไม่เหมือนกันมั้ง

คุณป้าโซช่วยฟันธงหน่อยครับว่าของใครอร่อยกว่ากัน



โดย: ปรานทยา วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:1:16:05 น.  

 
ป้ามะลิกับลุงมะระ-->> ที่นี่หนาวค่ะ แต่คงไม่เท่าเมืองนมเย็นของป้าลิ

คุณก้อย-->> ไม่เมื้อนนน ค่ะ ลูกชิ้นปลาหมึกนี่มันจะเด้งดึ่งๆ กรอบๆหนึบๆ แต่ทะโกะยะกินั่น ส่วนประกอบหลักคือแป้ง จะออกนุ่มๆ ความนุ่มคงคล้ายขนมครกบ้านเรามังคะ กัดไปแล้วมันจะนุ่ม หยุ่น ข้างในถึงจะมีชิ้นปลาหมึกยักษ์ชิ้นเล็กๆใหญ่ๆ แล้วแต่ความใจป้ำของร้านค่ะ

คุณปรานทยา-->> ช่างสงสัย เดี๋ยวป้าโซได้เปิดหน้าใหม่ตอบอีก 555

ของใครก็ของมันค่ะคุณปรานทยา รสชาติก็ต่างกันไป เราเคยคุ้นกับบะหมี่บ้านเรา เราก็ว่าของเราอร่อยกว่า ปรุงได้ตามรสที่เราต้องการ เปรี้ยวหวานเค็มเผ็ดแค่ไหนก็ได้ ของเขาก็ว่าของเขาอร่อยกว่า เพราะเขาเคยชินทานของเขาอย่างนั้นไงคะ

ราเม็งนี่เขาไม่ปรุงกันค่ะ เขาถือว่าเขาทำมารสกำลังดีแล้ว (ปรุงมีเคือง ) ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น จะมีเครื่องปรุงน้อยอย่างมากบนโต๊ะ ถ้าร้านราเม็งก็จะมีน้ำจิ้มสำหรับเกี๋ยวซ่า น้ำมันพริกที่ใส่น้ำจิ้มเกี๊ยวซ่าขวดพริกป่น(ซึ่งไม่เผ็ด บางที่ก็ไม่มี) ขวดพริกไทยกระปุกขิงดองสีแดงๆ แล้วก็ไม้จิ้มฟัน เท่านั้นก็หรูแล้วค่ะ สำหรับบางร้านถ้าขายประเภทราดหน้าก็จะมีซอสเปรี้ยววางเพิ่มให้อีกขวดนึง

ครั้งแรกที่ป้าโซเคยทานราเม็ง ก็ถามหาเครื่องปรุงแบบบ้านเราเหมือนกัน แล้วก็เซ็งในอารมณ์เพราะมันไม่จัดจ้านถูกปากแบบลูกทุ่งๆเราเล้ยยย.. รสชาติมันนุ่มนวลเป็นผู้ดีจัดไป ต้องอาศัยเทพริกป่นช่วย (ต้องเทค่ะ เพราะปริมาณเยอะกว่าโรย ) ถึงพอจะกล้อมแกล้มไปได้ แต่ต่อๆมาก็เริ่มชินที่จะทานแบบเขา..

ที่คุณปรานทยาไปที่ร้านราเม็งในโลตัส ใช่ร้านอิจิบังราเม็งหรือเปล่าคะ? ร้านราเม็งบางร้านรสชาติก็ไม่เหมือนกัน มีอร่อยมีไม่อร่อยเป็นธรรมดาค่ะ ถ้าอยากทานให้เป็นแบบรสชาติใกล้เคียงญี่ปุ่นจริงๆ แนะนำให้ทานย่านที่คนญี่ปุ่นเยอะๆ ร้านอร่อยๆในบ้านเราก็มีนะคะ..

ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวป้าโซ .. อะไรมันจะไปอร่อยกว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำบ้านเราล่ะคะ??


โดย: ป้าโซ วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:2:09:20 น.  

 
สวัสดีครับผม ชื่อบูมนะครับ papajungleman

จากเวปโอดซองครับ

มีhi5ไหมครับ

แล้วเจอกันคอนเสริตพิงค์แพนเตอร์ครับ


โดย: บูม IP: 124.121.63.254 วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:9:25:59 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณบูม
ไม่มี hi5 ค่ะ
คงจะได้เจอกันคอนเสิร์ตพิงค์แพนเตอร์ ถ้าคุณบูมส่งตั๋วมาให้
แล้วเจอกันในบ้านเพลงฯค่ะ


โดย: ป้าโซ วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:23:29:54 น.  

 
เคยทำงานกับคนญี่ปุ่นในไทยน่ะค่ะ

ป้าโซเล่าเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ

เป็นแฟนและตามติดอ่านทุกตอนเลยค่ะ
โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน ที่ทำงานป้าค่ะ ถ้าหมดมุข
อยากให้เล่าถึงเด็กๆที่บ้าน การเรียน โรงเรียน การเป็นเด็กลูกครึ่งที่ญี่ปุ่นดังเหมือนเด็กลูกครึ่งในไทยใหมคะ หรืออะไรก็ได้เกี่ยวกับลูกๆป้าโซ

อย่าลืมภาพประกอบนะคะ


โดย: ฟองสมุทร IP: 203.114.122.27 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:13:50:15 น.  

 
คุณฟองสมุทร -->> ขอบคุณที่ตดตาม เอ๊ย.. ติดตามอ่านค่ะ

ขนาดช่วยคิดหัวข้อในการเล่าให้ด้วยเลยหรือนี่ ขอบคุณหลายยยย ค้า

หัวข้อที่คุณฟองสมุทรช่วยแนะนำมา อยู่ให้งบ เอ๊ย อยู่ในลิสต์แล้วค่ะ กะว่าจะค่อยๆเล่าไป

วันธรรมดาป้าโซจะค่อนข้างเหนื่อยกับงานประจำ อาจจะอัพได้ไม่ค่อยบ่อยนัก แต่จะพยายามค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: ป้าโซ วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:14:38:31 น.  

 
อ่านบล็อกป้าโซเขียนเกี่ยวกับของกินทีไร เป็นต้องหิวทุกที เพราะมาอ่านตอนยังไม่ได้กินข้าวเย็นตลอด หิวๆๆ

เจ้าตัวเล็กที่พาไปแข่งยูโด ใช่สุดหล่อที่เต๊ะท่าถ่ายรูปป่าวค่ะ ว่างๆ พาไปถ่ายรูปคู่กับ Fuji-Alian ของญี่ปุ่นแล้วเอามาให้ชมหน่อยนะคะ


โดย: Koneko-chan (GutChy ) วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:20:52:12 น.  

 
ได้ความรู้จริงๆ ขอบคุณค่ะ


โดย: YesterdayOnceMore วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:23:18:29 น.  

 
อ่านเพลินจนลูกชายเข้ามาสะกิดว่าแม่หนูหิวข้าวแย๊วนะแม่.. อ่านสนุกและได้ความรู้เต็มบึ๊บเลยค่ะป้าโซ
ว้า..เจอเจ้าก้อยเยาะเย้ยซะละงวดนี้ เข้ามาอ่านช้าดีกว่าไม่มานะคะป้าโซ


โดย: แม่เจ้าสตีเว่น IP: 88.89.10.47 วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:13:58:17 น.  

 
คุณแมวน้อย..GutChy-->> ช่ายแล้วค่ะ เจ้าหัวเตียนที่ไปยืนสะแอ๋งถ่ายรูปที่ชานชาลารถไฟนั่นแหละค่ะ นักยูโดทีมซาด

คุณYesterdayOnceMore-->> ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ

คุณแม่เจ้าสตีเว่น-->> ฮี่ๆๆ ช่ายยแล้วค่ะ มาช้าดีกว่าไม่ดีเนอะ


โดย: ป้าโซ วันที่: 20 มกราคม 2552 เวลา:22:29:10 น.  

 
นึกว่าคนญี่ปุ่นจะเน้นกินอาหารของเค้าซะอีก
เข้าบล็อกป้าโซแล้วได้ความรู้จริงๆ ขอบคุณค่ะ ^^


โดย: The Best of Me วันที่: 21 มกราคม 2552 เวลา:15:41:28 น.  

 
เมื่อไหร่สังคมในโรงงานญี่ปุ่น (ทำงานครั้งแรก ตอน6) จะฉายซะทีคะ
อยากฟังค่ะ

รักษาสุขภาพกาย+จิตด้วยค่ะ


โดย: คุณน้องนุช IP: 61.91.161.44 วันที่: 21 มกราคม 2552 เวลา:19:57:43 น.  

 
สรุปว่าไม่มีร้านอาหารเจเฉพาะใช่ไหมค่ะ น้องชายทานเจ(กินนม ไข่)เป็น10ปีแล้ว ว่าจะชวนไปเที่ยวซักหน่อย ติดเรื่องกิน แต่ก็ไม่เป็นไร เค้ากินง่ายอยู่แล้ว นม ขนมปังก็อยู่ได้

ติดตามอ่านของป้าโซมาหลายตอน ชอบมากค่ะ


โดย: แฟนคลับ (ก้าวไปตามใจฝัน ) วันที่: 22 มกราคม 2552 เวลา:11:29:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ป้าโซ
Location :
คุรุเม่ ฟุกุโอกะ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]




สวัสดีค่ะ ..

ป้าโซอยู่อำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งอยู่ในเกาะคิวชู เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น

เรื่องราวที่เล่าๆสู่กันฟังนี่ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งสอดแทรกความคิดเห็นเข้าไปด้วย อันไหนไม่เข้าทีก็อ่านผ่านๆไปละกันนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาค่ะ
New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ป้าโซ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.