ขับรถบนถนนญี่ปุ่น
หลังจากได้ใบขับขี่มาครอบครอง ก็ถึงเวลาดวลบนท้องถนน ในบล็อกก่อนๆ มีคนทักว่าได้ใบขับขี่แล้วทีนี้ป้าโซจะได้ประลองความเร็วซิ่งสะบัดชนิดไม่เห็นฝุ่นละ โฮะๆๆ ซิ่งได้สุดใจแึ่ึ่ค่ 50 km/h ค่ะ ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดสำหรับถนนบางช่วงที่ป้าโซใช้งานอยู่ทุกวัน
ถนนแต่ละช่วง เขากำหนดระดับความเร็วสูงสุดต่างกันไปซึ่งก็ขึ้นกับขนาดความกว้างของถนน และเขตชุมชน .. ถนนที่แคบๆจะถูกกำหนดความเร็วไว้ไม่ให้เกิน 30 km/h คลานเลยนะนั่น!! และถ้าอยู่ในเขตชุมชนที่ถนนกว้างพอควรก็จะกำหนดไว้ที่ 40 km/h แต่ถ้ากว้างขวางสองข้างทางโล่งปลอดโปร่งจากบ้านผู้คนก็จะอยู่ที่ 50 km/h
แรกๆที่มาที่นี่ เห็นความเร็วที่เขากำหนดแล้ว ว้าว.. อย่างนี้ชั้นก็ขับได้วุ้ย ขับแบบคลานยังงี้มันเด็กๆ .. ปกติัขับตอนอยู่กรุงเทพก็แร่ดไปแร่ดมาอยู่แล้ว ความเร็วปะิติ๋วยังงี้ ซบม. ซำบายมาก..
ก่อนที่ป้าโซจะได้ขับรถออกท้องถนนไปไหนมาไหนฉายเดี่ยวเองนี่ แรกเลยลุงนั่งคุมให้ป้าโซฝึกขับให้ชินกับถนนญี่ปุ่นก่อนโดยใช้รถวิชของลุงนั่นแหละ ขับไปฟังเสียงบ่นงึมๆของลุงไป นี่ถ้าเป็นหญิงคงได้ร้องวี้ดว้ายกระตู้วู้ให้น่าผางด้วยหลังมือ แหม่..ขับรถโดยมีคนบ่นๆนี่มันไม่มันส์ในอารมณ์เล้ยยย พับเผื่อย!!
พอได้ขับจริงๆเจ้าวิชมันก็คันใหญ่พอประมาณเมื่อเทียบกับถนนที่นี่ ถนนตามบ้านนอกนี่มันแคบได้ใจจริงๆ แถมเป็นถนนสองเลนที่รถแล่นสวนกันโดยมีเส้นจราจรแ่บ่งกลาง ไม่เหมือนที่แบ๊งค่อกที่อิชั้นเคยขับบึ้มๆ สี่เลนแถมมีเกาะกลางถนนแบ่งข้่างเป็นเรื่องเป็นราว ขับยังไงก็ไม่ต้องมานั่งระวังรถที่สวนมาเพราะยังไงก็ทางใครทางมัน
ด้วยความไม่เคยชินแล้วก็ปอดแหกกับรถที่สวนมา ป้าโซก็เลยขับค่อนไปทางซ้ายหน่อย นั่นเป็นสาเหตุให้อิลุงโวยวายด้วยความกลัวว่าจะตกถนน ก็แหม..มันเป็นสัญชาติญาณเอาตัวรอดของคนขับอยู่แล้่ว เป็นธรรมดาที่จะต้องเอาด้านที่ตัวเองนั่งปลอดภัยไว้ก่อน เห็นไหมเวลาเกิดอุบัิติเหตุน่ะส่วนมากคนเจ็บก่อนจะเป็นด้านข้างคนขับทู้กที
ลุงบอกมันไม่ใช่แค่เรื่องทำให้คนนั่งด้วยหวาดเสียว แต่มันอันตรายอย่างยิ่งสำหรับคนเดินถนน จักรยาน มอเตอร์ไซด์ .. ที่ญี่ปุ่น(รวมทั้งประเทศอื่นด้วยมั้ง) จะให้ความสำคัญให้สิทธิ์กับคนเดินถนน คนขี่จักรยาน มอเตอร์ไซด์มากกว่าพวกขับขี่ยานยนต์ เวลาจะขับผ่านคนพวกนี้ต้องลดความเร็วและเบี่ยงออกให้ห่างจากพวกเขาให้ปลอดภัยพอสมควร ยิ่งถ้าเ็ป็นผู้สูงวัยขี่จักรยานหรือเดินเข็นรถพยุงตัวเองไปไหนมาไหนด้วยละก็ ต้องยิ่งระวังให้ห่างพอสมควรเพื่อลดความเสี่ยงต่อการ(เป็นลม)ล้มอย่างกระทันหัน หรือถ้าเป็นเด็กนักเรียนที่เดินไปร.ร. บางคนเดินไปเล่นกันไปก็ยิ่งต้องระวัง พวกอาจเผลอวิ่งมาเข้าเส้นทางรถก็ได้..
ผิดกับบ้านเรา เหอๆ.. ทางถนนทางของกรูใครแหยมเข้ามาชนแหลก ขับรถไม่ต้องเกรงใจใคร ฟิ้วไปฟิ้วมาตามใจชอบ บ้านเราคนต้องกลัวรถ แต่ที่ญี่ปุ่นรถต้องกลัวคน ต้องหยุดให้คนไปก่อน ยิ่งถ้าเป็นทางม้าลายด้วยละก็เป็นสิทธิ์ของท่านๆที่บางท่านหามีสำเหนียกของความควรมิควรไม่ ไม่ได้คิดเลยว่าคนใช้ถนนคนอื่นก็รีบเร่งบ้างเหมือนกัน บางคนเดินเอ้อระเหยทอดน่องข้ามถนนไปจนน่าลงไปตบกบาลให้คว่ำเป็นยิ่งนัก .. อูยย. แอบโหดร้าย
การส่งสัญญาณไฟกระพริบก็อีกที่ต่างจากบ้านเรา ที่บ้านเราการกระพริบไฟใส่แสดงว่าอย่ามานะเว้ยยย.. อย่าขวางข้านะเว้ย ข้าชนแหลก!! แต่ที่ญี่ปุ่นนี่การกระพริบไฟให้คือการให้ทาง .. เิชิญไปก่อนตามอัธยาศัยค่ะ และมารยาทในการใช้รถใช้ถนนอีกอย่างก็คือการกดแตรสั้นๆครั้งเดียวเป็นการขอบคุณ เมื่อจะสวนทางกันและฝ่ายหนึ่งเบี่ยงให้ทางอีกฝ่าย ฝ่ายที่ไ้ด้รับการหยุดให้ก็จะบีบแตรครั้งนึงเป็นการขอบคุณ หรืออาจจะยกมือ ไม่ก็ก้มหัวเป็นการแสดงความขอบคุณเหมือนกัน ป้าโซเคยคิดอย่างบวมๆตามประสาว่า ถ้าเรา้ซาบซึ้งในความการุณของเค้ามากๆนี่ จะเิิปิดประตูรถลงไปกราบขอบคุณเค้านี่.. มันจะเป็นยังไง?
พอขับรถให้ลุงนั่งทดสอบเป็นครั้งแรกแล้ว วันต่อไปที่ำไปทำงานขาไปลุงไปส่งเช่นเคย พอขากลับปู่ขับคันเล็กไปรับและให้ป้าโซลองขับกลับเองโดยปู่นั่งไปข้างๆคอยบอกทาง เป็นอย่างนี้อยู่อาทิตย์นึง แล้วก็เลือกวันที่เหมาะๆใจวันนึงเริ่มต้นขับรถไปทำงานเองวันแรกโดยเอารถคันเล็กของปู่ไป เลือกเอาวันเสาร์ที่คนไปทำงานกันน้อย และเด็กหยุดร.ร. โดยมีลุงขับรถตามไปข้างหลัง(เพราะไม่ไว้ใจ) ซึ่งก็ตามเคย.. วันแรกที่ขับไปพอถึงที่ทำงานจอดรถเข้าที่ปั๊บ ลุงโทร.มาว่าอีกตามเคย..
"ยูยังขับชิดซ้ายตลอดเลยนะ ชิดมากเกินไป ให้ออกขวามากกว่านี้ "
.. กรี๊ดดดดด.. อะไรกับชั้นมากนักนะอิลุงเบื๊อก!!
"ชั้นก็ว่าชั้นชิดขวาอยู่นะ" ป้าโซเถียง..
" ไม่หรอก ยังซ้ายมากไปมาเกือบตลอดทาง " อิลุงยืนยัน
" เออๆๆ คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ " รับๆปากไป หงุหงิๆ
แต่ก็จำคำเืตือนของลุงมาใส่ใจไว้ พยายามท่องไว้เสมอว่าใจเย็นๆ ค่อยไปไม่ต้องรีบร้อน ขับให้มันชิดขวาเข้าไว้กว่าที่ตัวเองรู้สึกซะหน่อย นึกซะว่าถ้าจะเกิดอะไรขึ้นให้เกิดกับรถเราละกัน อย่าไปเกิดกับคนข้างทางเพราะยังไงรถเราก็มีประกันจัดการให้ ถ้าเกิดอะไรกับคนมันจะลำบาก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงเราไปอยู่ในเมืองเค้าก็ต้องทำตามกฏเค้า เป็นพลเมืองชั้นสองของเค้าพยายามไม่ทำผิดเป็นดีที่สุด..
หลังจากขับรถเองไปได้ประมาณเกือบอาทิตย์ ก็เริ่มรู้สึกว่าคล่องขึ้น ถนนที่เคยคิดว่าเล็กๆแคบๆ ฉันจะขับสวนทางกับชาวบ้านเขาได้ยังไงก็เริ่มไม่วิตกแล้ว สามารถสวนกับเขาได้สบายๆโดยไม่เกร็ง พอเริ่มคุ้นเข้าทีนี้ความเร็วเริ่มออกนอกกำหนดที่เขาเขียนป้ายบอกไว้ข้างทาง ก็ช่วงเช้าช่วงเร่งด่วนนี่นะ ใครๆเขาก็ทำกันยังงี้ทั้งนั้น ถ้ามีรถนำหน้าป้าโซนำขบวนไปด้วยความเร็วเกินกำหนด ป้าโซก็ตามแห่เค้าไปมั่ง แต่ถ้าเราต้องนำขบวนเอง ก็จะขับเกินกำหนดไม่มากกว่าสิบกม.ต่อชม. อันนี้ปู่สอนไว้
ลุงเคยโดนตำรวจเรียกเขียนใบสั่งอยู่ทีนึง ด้วยข้อหาขับเกินกำหนด ตอนนั้นรู้สึกจะเกินกำหนดไปสิบกว่ากิโลต่อชม.(เอง) เจอใบสั่งเสียค่าปรับไปตั้งหมื่นสองพันเยนเชียว .. ประมาณสี่พันกว่าบาท ลุงบ่นอุบ.. สนนราคาค่าปรับเรื่องความเร็วเกินกำหนดนี่จะขึ้นกับระดับความเร็วที่เราขับเกิน เช่น ขับเกิน 30-35 km/h ค่าปรับ 50,000 - 60,000 เยน และโดนหักคะแนน 6 แต้ม ขับเกิน 70-79 km/h ค่าปรับ 100,000 เยนและหักคะแนน 12 แต้ม
นอกจากนี้ยังมีโทษเรื่องอื่นๆอีกเช่น
- ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 200,000 - 300,000 เยน
- ดื่มแบบยังรู้เรื่องแล้วขับจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 200,000 - 500,000 เยน
- ดื่มแบบเมาไม่รู้เรื่องแล้ัวขับ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 เยน
และยังมีโทษสำหรับคนที่สนับสนุนคนดื่มแล้วขับอีก เช่น
- คนที่ให้ยืมรถขับทั้งๆที่รู้ว่าดื่มก็จะมีโทษเท่ากับคนที่ดื่มแล้วขับ
- คนที่นั่งไปด้วยกับคนดื่มแล้วขับก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 300,000 เยน และจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 เยนแล้วแต่ระดับของอัลกอฮอล์
ส่วนคนที่ดื่มแล้วขับรถชนจนเกิดการบาดเจ็บหรือตาย จะโดนจำคุกไม่เกิน 20 ปีหรือจ่ายค่าปรับซึ่งไม่แน่ใจว่าจำนวนเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ แพงสาหัสสากรรจ์
เจ้าคนโตเขาตั้งใจเล็กๆว่าอาจจะไปสอบเข้าเป็นตำรวจในอนาคต ซึ่งการเป็นตำรวจของที่นี่ประวัติครอบครัวต้องคลีน ห้ามกระทำความผิดใดๆ โดยเฉพาะความผิดขั้นร้ายแรงเช่นขับรถชนคนตาย เจ้าโตสั่งแม่ไว้ว่ากรุณาทำตามกฏระเบียบของที่นี่โดยเคร่งครัดเพื่ออนาคตของฮี เค้าบอกขอแค่ผิดประมาณขับเกินกำหนดก็พอนะแม่ อย่าถึงกับไปทำใครเค้าตายล่ะ สมัยก่อนการเป็นตำรวจนอกจากจะถูกสอบประวัติของครอบครัวพวกพ่อแม่พี่น้องของตัวเองแล้ว ยังต้องสอบประวัติไปถึงญาติที่เกี่ยวข้องอีกด้วย สมัยนี้ลดหย่อนลงมาเอาแค่ครอบครัวตัวเองเท่านั้น
่ีพอป้าโซขับรถได้แล้ว ลุงเริ่มมีความสุขในการไปทานข้าวนอกบ้านมากขึ้น เนื่องจากสามารถดื่มได้โดยมีป้าโซขับกลับ นี่คือจุดประสงค์แอบแฝงในการเคี่ยวเข็ญให้ป้าโซไปสอบๆเอาใบขับขี่ให้ได้ซะที..
บล็อกนี้อัพช้ากว่ากำหนดไปนิ้สสส ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ พบกันใหม่อาทิตย์หน้า
Create Date : 10 เมษายน 2554 |
Last Update : 26 มิถุนายน 2554 12:27:48 น. |
|
44 comments
|
Counter : 2594 Pageviews. |
|
|
|
ยินดีด้วยครับที่ป้าได้ออกวาดลวดลายตามท้องถนนได้แระ
ชอบใจจังในการรักษาระเบียบวินัยจราจร . . . ความจริงจังของตำรวจนี่แหระ สร้างวินัยได้แน่นอน
แต่อาจต้องยกเว้นที่เมืองไถแลนด์ . . . ไถได้แล้วไม่มีฟามผิด
ประการที่สอง ตรูทำผิดแล้วมีผู้มีอำนาจโทรฯมาขอให้ . . ยกโทษ . . .
เป็นอาการพองลมสุดๆของคนสารขันธ์ที่ได้อยู่เหนือกฎหมาย ทุด! อุ๊ย ขอโต้ด เสียมรรยาท
5555+ เพิ่งรู้เบื้องหลังลุงอยากให้ป้าโซขับรถ . . .แจ๋วมากกกก
ยังงัยน้องปร้าก็เห็นแก่หลานชายโตของผมด้วยหละ
ช่วยให้เค้าเข้าเป็นตำหนวดได้อย่างบริดวกบริบายด้วย
โชคดีมีความสุขนะครับคุณน้องปร้า