เกาะเนื้อหอม..
ห่างหายการอัพบล็อกไปอาทิตย์กว่าๆ ระหว่างนั้นก็ท่องไปตามยูทูปฟังเพลงมั่ง ดูการประกวดร้องเพลงเดอะว้อยซ์มั่งไปตามเรื่อง ไม่กล้าคลิกดูละครเพราะรู้ตัวว่าเป็นพวกตะบี้ตะบันไม่จบไม่เลิกลาง่ายๆ และคงต้องนอนดึกจนชีวิตผิดเพี้ยนจากปกติประจำวันเป็นแน่แท้ ขนาดใจแข็งไม่ดูละครยังไม่กระดิกบล็อกเลย อาจเป็นเพราะเอ็นทรี่นี้เขียนยากต้องคิดแล้วคิดอีกเนื่องจากเป็นคนเขียนแต่เรื่องไร้สาระมาตลอด พอจะมามีสาระมั่งเลยเขียนไม่ค่อยออก
ช่วงนี้ข่าวคราวที่ฮิตติดอันดับในญี่ปุ่นเห็นจะไม่พ้นเรื่องกรณีพิพาทกับจีนเรื่องเกาะเซ็นตะขุหรือจีนเรียกว่าเกาะเตียวหยู เรื่องราวความเป็นมาแท้จริงเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบ(ขนาดรายชื่อจังหวัดทั้งหมดของประเทศบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองอิฉันก็ยังจำได้ไม่หมดเ้ล้ยยย..) แต่คนข้างเคียงนั้นเชื้อชาติเธอเกี่ยวพันกับเรื่องพิพาทนี้ จึงได้ข้อมูลเชิงเล่าสู่กันฟังมาสาธยาย ได้เห็นได้อ่านข้อมูลที่ทางจีนจัดมาบ้างแล้ว ลองมาฟังความคิดเห็นของคนญี่ปุ่นคนนึงดูบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นกรุณาใช้วิจารญาณในการอ่านด้วยนะขอรับ ..
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการกำหนดเขตน่านน้ำตามสนธิสัญญา..(ชื่อว่าอะไรก็ช่างมันเหอะ จำไม่ไ้ด้) ณ ช่วงเวลานั้น(หลังสงครามโลกครั้งที่สองหมาดๆ) เหตุการณ์เงียบสงบไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่มีการยื้อแย่งเป็นเจ้าของหมู่เกาะเล็กๆเหล่านี้จนกระทั่งย่างเข้าสู่ช่วงยุค 70 มีการสำรวจและพบว่าใต้เกาะมีแหล่งพลังงานมหาศาลอยู่ ทีนี้แหละจากเกาะเล็กๆเงียบๆกลับกลายเป็นที่หมายปองขึ้นมาทันที จีนแจ้งว่าเกาะเนี้ยแท้จริงเป็นของจีนมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ชื่อเกาะก็ยังเป็นภาษาจีนว่าเตียวหยูเลยนะ อ่ะ..ทางญี่ปุ่นก็มีชื่อเรียกเกาะเป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันคือเซ็นตะขุ เอา..ต่างคนต่างเรียกกันไป
เรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของเกาะต่างๆนี่ใช่ว่าจีนจะมีปัญหาแต่กับญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีกับอีกหลายๆประเทศเช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโด มาเลย์ และทางญี่ปุ่นเองก็ยังมีต่อกรกับเกาหลี รัสเซีย ล่าสุดก็ไต้หวัน วุ้ย..ยั้วเยี้ยไปหมด เจ้าของที่แท้จริงนี่ปล่อยให้เค้าพิสูจน์ทางด้านหลักฐานกันไป ส่วนคนญี่ปุ่นใกล้ตัวนี่ก็แน่ละ ที่ต้องบอกว่ามันเป็นของเค้ามาแต่ดึกดำบรรพ์เหมือนกัน..
เมื่อเร็วๆนี้คงเห็นข่าวคนจีนประท้วงต่อต้านที่ญี่ปุ่นออกปากซื้อเกาะเนื้อหอมนั่น การประท้วงลุกลามไปถึงทำลายข้าวของทรัพย์สินตามร้านค้าที่เป็นของชาวญี่ปุ่น เผาโรงงานรถยนต์ำและทำลายห้างสรรพสินค้า พร้อมทั้งประกาศจะนำเรือจีน 1000 ลำไปบุกที่เกาะเซ็นตะขุ แต่การประท้วงอย่างใช้กำลังนั้นเกิดขึ้นได้ไม่นาน รัฐบาลจีนก็สามารถควบคุมได้ รวมทั้งเรือ 1000 ลำที่ว่าจะบุกไปเกาะเซ็นตะขุนั้นก็ไม่ปรากฏเช่นกัน
การประท้วงของจีนกรณีเกาะเซ็นตะขุนี่ก็น่าคิดว่าจะเป็นไปได้รึที่เพียงแค่พลังประชาชนอย่างเดียวจะมีกำลังจุดชนวนกันเองจนกลุ่มคนต่อต้านเยอะมากมายเช่นนี้? มีความเป็นไปได้สูงว่ารัฐบาลจีนเองน่ะแหละที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง สร้างมูลเหตุและกระพือไฟให้ลุกในกลุ่มมวลชน แต่เมื่อการประท้วงรุนแรงขึ้นก็จำต้องควบคุมเหตุการณ์ให้อยู่ในกรอบ สาเหตุลึกๆที่รัฐบาลจำต้องควบคุมความรุนแรงของผู้คนก็เนื่องจากว่ากลัวเรื่องราวมันจะกลายไป จากสาเหตุเรื่องเกาะจะลามกลายเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยก็เป็นไปได้ ในเมื่อคนชุมนุมกันมากๆอยู่แล้วนี่ รัฐบาลจีนคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์กวาดล้างนองเลือดอย่างเทียนอันเหมิน เพราะฉะนั้นก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลมซะก่อน
เคยถามความคิดเห็นอิลุงว่าคิดเห็นยังไงที่คนจีนรู้สึกไม่ดีกับญี่ปุ่น เีคียดแค้นกันต่อเนื่องยาวนานชาตินี้ไม่มีวันให้อภัยไม่มีวันลืม อิลุงบอกโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าคนจีนก็คือประชาชนธรรมดา แนวคิดของพวกเขาจะเป็นไปอย่างไรนั้นอยู่ที่การชี้แนะของรัฐบาลจีนต่างหาก ป้อนกัน สอนกัน ใส่ข้อมูลเข้าไปย้ำคิดย้ำทำเรื่อยๆ จึงออกมาเป็นเช่นนี้ ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่ก็ต้องเชื่อฟังเพราะระบอบการปกครองของเขา การอยู่ภายใต้การปกครองแบบนี้มาเรื่อยๆ มันก็มีความกดดัน เมื่อคนถูกกดดันก็ต้องมีทางระบายออกเหมือนไอน้ำในหม้ออัดความดัน ถ้าปล่อยให้ไอน้ำมันออกมาซะบ้างมันก็ไม่ระเบิด มูลเหตุที่จะเป็นทางระบายความกดดันของคนอันไหนเลยจะดีเท่าการต่อต้านญี่ปุ่น เพราะในอดีตกาลก็เคยมีมูลมาอยู่แล้ว ไ่ม่ยากถ้าจะเน้นต่อไปเรื่อยๆ มันน่าจะดีกว่าให้คนหัวว่างๆ แล้วมีเวลามานั่งมองดูตัวเองว่าดีแล้วหรือกับวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นของเขาค่อนข้างห่างกันมากแน่นอนที่ช่องว่างนี้จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคตได้
จีนเป็นประเทศที่มีพลเมืองอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ที่มากที่สุดในโลก รัฐบาลผู้กุมอำนาจก็น่าจะต้องหนาวๆร้อนๆกับการเรียกร้องเสรีภาพดังตัวอย่างที่ระยะนี้เห็นกันบ่อยๆในช่วงปีที่ผ่านๆมา จากตัวอย่างประชาชนประท้วงตามประเทศต่างๆเช่น ลิเบีย ซีเรีย ตูนิเซีย อิยิปต์ ไฉนเลยจีนจะไม่กังวลว่าจะไม่เกิดขึ้นกับตัวบ้าง แม้กระทั่งคอมมิวนิสต์ขนาดใหญ่อย่างโซเวียตก็แตกแยกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยกันหมดแล้ว และปัจจุบันการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตก็สามารถเปิดให้เห็นโลกภายนอกได้มากขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจีนจะจัดการบล็อกอย่างไรก็ตา่มมันก็ยังมีทางเล็ดลอดให้ดูกันได้ ชีวิตความเป็นอยู่ภายในและภายนอกกำแพงจึงมีเปรียบเทียบให้เห็น แล้วผู้คนจะไม่คิดอยากจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตของเขารึ?
รู้สึกเอ็นทรี่นี้ขึ้นต้นกับลงท้ายดูมันคนละเรื่องยังไงไม่รู้ ขอจบเอาดื้อๆเช่นนี้แหละจ้ะ พบกันใหม่บล็อกหน้าที่เบาสมองกว่าีนี้ดีกว่า ขอบคุณที่ติดตาม สวัสดีค่ะ..
Create Date : 30 กันยายน 2555 |
Last Update : 30 กันยายน 2555 20:10:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2617 Pageviews. |
|
|
|
|
|