สังคมในโรงงานญี่ปุ่น (ทำงานครั้งแรก ตอน 5)

มาถึงตอน 5 ได้ยังไงคะนี่?
อ้อ.. คงเป็นเพราะคนเขียนลักปิดลักเปิด เขียนเท่าที่จะเขียนไหวในวันนั้น เพราะถ้าจะให้ลุยเล่าให้จบทีเดียวคงซิหลบ..

ด้วยความที่ป้าโซไม่เคยออกไปสังคมนอกบ้านเกินกว่าที่จำเป็นตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมา ด้วยความขี้ขลาดตาออกสีนวลๆ (ไม่ถึงกับขาวหรอกน่า ) เพราะกลัวเรื่องการสื่อสาร ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเอง ป้าโซจะรู้สึกถ่อมเนื้อถ่อมตัวกับสังคมข้างนอก เพราะคิดว่าเรามาอยู่ที่ๆเราไม่สามารถซ่าส์ได้ เป็นบ้านเขาเมืองเขา เราเป็นผู้อาศัย ฉะนั้นควรจะรอมชอมกับเจ้าของประเทศเข้าไว้ เพราะป้าโซคงไม่มีปัญญาไปต่อกรกับเขาในทุกกรณี กว่าจะอ้าปากพูดได้เขาคงจบเรื่องกับป้าโซไปแล้ว

เมื่อเข้ามาทำงานที่นี่นั้น ด้วยความเป็นคนต่างชาติคนแรกและคนเดียวเลยทำให้เป็นที่สนใจจากคนรอบข้าง การเป็นเป้าสายตาตั้งแต่ก้าวเข้าไปบริษัทนี่ค่อนข้างตระหนกเล็กๆสมควร เราจะทำอะไรเปิ่นๆหรือเปล่าฟระ ไอ้ที่เขาพูดกับเรานี่ เราเข้าใจและตอบเขาตรงเรื่องราวไหม? เอ้า!! เข้ามาแล้วหนิ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ด้านเข้าไว้เดี๋ยวดีเอง ..

เพื่อนที่ทำงานด้วยกันทุกคนดูมีอัธยาศัยดี ช่วยสอนช่วยบอกในสิ่งที่ป้าโซไม่รู้ บางคนก็อ้ำๆอึ้งๆที่จะพูดกับป้าโซ เพราะเขาก็กลัวเหมือนกันว่าจะพูดคุยกับป้าโซรู้เรื่องหรือเปล่า รู้สึกอย่างนี้แล้วป้าโซก็.. ฮะฮ้า.. ไม่ใช่เราคนเดียวร้อกที่จะกลัว มั่วลุยไปโลด ..

เริ่มจากผู้ฝึกที่จะสอนงานป้าโซ เธอพูดๆๆ แล้วก็ถามว่าป้าโซเข้าใจหรือเปล่า พอบอกเข้าใจค่ะดูเธอออกจะโล่งใจ แล้วก็บอกว่าตอนที่เธอรู้ว่ามีต่างชาติเข้ามา เธอก็ออกจะกลุ้มละว่าจะสอนกันรู้เรื่องหรือนี่ พอสอบถามประวัติคร่าวๆเธอก็ว่าป้าโซเก่งที่อยู่สามปีแล้วสื่อสารได้ถึงขนาดนี้ (นั่นเป็นคำหวานให้ตายใจก่อนจะเข่นฆ่าป้าโซเป็นลำดับต่อไป.. )

ภาษาญี่ปุ่นสำหรับป้าโซ พอสื่อสารได้กับคำที่ใช้ทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเกี่ยวเนื่องกับการทำงานแล้ว จะมีศัพท์เฉพาะสำหรับงานอีกซึ่งต้องใช้เวลาเรียนรู้และจำใส่หัวขะหมอง ยังดีอยู่บ้างที่ศัพท์บางตัวของญี่ปุ่นเขาใช้ทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ เลยพอจะเดาได้จำได้บ้าง แต่ศัพท์อื่นๆ.. เอาเรื่องเลยละค่ะกว่าจะซึมซับเข้าเซเรบรั่มอันน้อยนิดของป้าโซ

สำหรับงานดูไม่น่าเป็นห่วง ใช้เวลาเรียนรู้และฝึกฝนก็น่าจะไปได้ แต่ที่ทำให้ป้าโซรู้สึกแย่มากๆก็คือคำพูดที่พ่นออกมาของผู้ฝึก ยามที่เธอไม่ได้อย่างใจ

ปกติแล้วป้าโซจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยถือสาหาความกับคน ถึงแม้เธอผู้นี้ก็เช่นกัน ป้าโซพยายามมองในส่วนที่ดีของเธอไว้ ทำให้บรรเทาส่วนที่แย่ๆของเธอ แล้วก็พยายามทำในส่วนของป้าโซให้ดีต่อไป คิดเสียว่าที่ทำให้เธอพ่นๆๆๆๆออกมาน่ะ ก็เพราะป้าโซเองยังทำไม่ดีพอ ถ้าดีแล้วเธอก็คงไม่มายุ่งกับป้าโซ

สำหรับถ้อยคำที่ป้าโซรับๆมา ก็คงเป็นปกติของคนเวลาโกรธ แต่ที่ให้ป้าโซสะดุดแต่แรกเมื่อเข้ามาทำงานได้อาทิตย์แรกก็คือเธอจะเปรียบเทียบทำนอง... โรงงานที่เมืองไทยเป็นยังไงชั้นไม่รู้ แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ระบบจะเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นคุณต้องทำตามแบบนี้ .. เฟร้ยยย!! จะพูดอะไรก็พูดไปสิฟระ ทำไมต้องไปเกี่ยวถึงประเทศชาติช้านนน..

เรื่องนี้สามีเคยเตือนป้าโซก่อนแล้วค่ะ สำหรับการเป็นคนต่างชาติที่ทำงานนอกประเทศตัวเอง เขาบอกว่าต้องทำใจไว้เลยว่าจะโดนคล้ายๆอย่างนี้ คือเรื่องความแตกต่างของชาตินี่จะต้องมีอยู่ จะโดนมอง โดนเข้าใจ โดนรู้สึกว่าเราต่างกับเขา เขาจะแยกเราไว้อีกระดับหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับความต่ำกว่าสูงกว่าของระดับประเทศหรอกนะคะ แต่เกี่ยวกับความต่างกันของชาติ ของประเพณี ของการดำเนินชีวิตของเขากับเรา ซึ่งสามีป้าโซบอกว่าเมื่อเขาทำงานที่เมืองไทย เขาก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน ถึงแม้มันจะไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ทำให้เขารู้สึกแตกต่าง แบ่งแยกได้ .. คงเป็นความรู้สึกของคนไทยเรายามมองต่างชาติมังคะ เช่น.. ต่างชาติก็เงี้ย จะรู้อะไรลึกซึ้งอย่างเราๆ ในทางกลับกัน ยามเราไปอยู่ต่างชาติ ในหมู่ของเขา ถึงแม้เราจะพยายามทำตัวกลืนยังไง แต่..ก็ยังมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ติดอยู่ในความรู้สึกเขาค่ะ คำว่า "บ้านเกิด" ดูจะมีความหมายมากก็ตรงนี้เอง..

ต่อเรื่องครูฝึกค่ะ.. คนนี้มีบทบาททางความรู้สึกกับป้าโซมาก ต้องเล่ากันหน่อย ..

คิดว่าคน.. ไม่ว่าชาติไหนก็คงมีคล้ายๆกัน หมายถึงลักษณะนิสัยน่ะนะคะ คนแข็งๆ พูดจาขวานผ่าซาก พูดไปโดยไม่คิดถึงคนฟัง ที่ไหนๆก็มี และป้าโซก็เคยเจอมาแล้ว แต่ก็ผ่านมาได้เพราะพยายามเข้าใจว่าคนลักษณะนี้ก็เป็นแบบนี้ แต่น้ำใสใจจริงโดยแท้ของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายทุกคนไป

ระบบการทำงานของที่นี่ เป็นระบบซีเนียร์ค่ะ เอ.. คงไม่ใช่เฉพาะการทำงานหรอกนะคะ ทุกๆเรื่องของที่นี่จะเป็นระบบนี้ เช่นในโรงเรียน คำว่า "เซ็มไป้" หรือ "รุ่นพี่" นี่ค่อนข้างมีบทบาทกับที่ญี่ปุ่นนี่ค่ะ แต่สำหรับระบบการทำงานแล้ว ออกจะรุนแรงกว่า ให้ความสำคัญ ความเคารพ เชื่อฟังมากกว่า ที่ทำงานป้าโซก็เช่นกัน ..

ตอนอยู่เมืองไทยป้าโซเคยทำงานอยู่กับฝรั่ง ซึ่งมีอิสระทางความคิด เราคิดยังไงก็อธิบายนายไป ดีไม่ดีก็ถกกัน จบกันตรงนั้น ถ้าป้าโซโดนใส่มาแบบเราไม่มีความผิด ก็จะโยนใส่กลับไปเหมือนกัน ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่เหตุผล และป้าโซก็เข้าใจว่าสามารถทำแบบนั้นที่ญี่ปุ่นนี่ได้ แต่..คงไม่ใช่ค่ะ

ป้าโซเคยพยายามอธิบายครูฝึก ก็เขาถามด้วยนี่คะ ไอ้เราก็คนซื่อตอบไป .. แต่ไม่ว่าป้าโซจะตอบว่ายังไง เธอปิดประตูรับฟังทั้งสิ้น ทุกอย่างผิดไปหมด ฟระ!! แล้วจะถามเราทำซากอะไร กรอดดด.. เคยพยายามอยู่สองสามครั้ง ในที่สุดก็ยอมรับกับตัวเองว่าไม่มีประโยชน์อะไร ต้องหุบปากแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป เป็นกรรมของป้าโซที่บังเอิญทะลึ่งไปเข้าใจคำพ่นไม่ดีๆของเขาทั้งหมด ทำไมไม่เข้าใจคำพูดที่เขาสอนเรา เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆก็ให้กำลังใจกันนะคะ บอกว่าให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปซะ ยัยคนนี้เธอบร้า..

ป้าโซเข้าทำงานพร้อมๆกับคนญี่ปุ่นอีกสองคน คนหนึ่งลาออกไปหลังทำงานได้เดือนนึง และหลังจากนั้นมีคนเข้ามาใหม่อีกเรื่อยๆ ในจำนวนนั้นได้ลาออกไปห้าหกคนในระยะเวลาที่ป้าโซทำงานแค่เจ็ดเดือน พวกนั้นเป็นคนญี่ปุ่นหมดค่ะ

มาทำงานที่นี่ ที่เคยได้ยินๆมาว่าคนญี่ปุ่นป่วยเป็นโรคเครียดกันเยอะ ทีนี้เข้าใจแล้วละค่ะว่าเพราะอะไร .. ความเครียดจากที่ทำงานก็เป็นส่วนหนึ่ง ก็กดดันกันซะขนาดนี้นี่คะ เขาเอาจริงเอาจังกันมากกับทุกๆอย่าง เลยมีส่วนทำให้ไปกดดันอารมณ์คนด้วย ยิ่งถ้าคนนั้นมีปัญหากับการสื่อสารกันในครอบครัว จะยิ่งแย่กันไปใหญ่.. ว่างๆป้าโซจะมาเล่าให้ฟังเรื่องการสื่อสารภายในครอบครัวค่ะ

โชคดีแล้วนะคะ ที่เราเกิดเป็นคนไทย มีความง่ายๆสบายๆกับทุกเรื่อง ถึงแม้จะง่ายเกินไปบ้างกับบางเรื่อง ลุ่มๆดอนๆทางการเมืองบ้าง แต่บ้านเราก็คงไม่มีคนเป็นโรคเครียดเท่าเมืองศิวิไลซ์แบบนี้ ..


Create Date : 20 ธันวาคม 2551
Last Update : 20 ธันวาคม 2551 10:22:37 น. 5 comments
Counter : 1696 Pageviews.

 
คุณแม่เจ้าสตีเว่นคะ..

ช่วยย้อนกลับไปอ่านเม้นท์ตอน 4 ด้วยค่ะ ป้าโซลืมไปว่าน่าจะมาตอบกันตรงนี้ เผื่อไม่ได้ย้อนกลับไปเช็คเม้นท์ที่แล้ว ขอบคุณหลายเด้อค่ะเด้อ..


โดย: ป้าโซ วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:10:35:44 น.  

 
ก้อยก็ทำงานบริษัทที่มีญี่ปุ่นถือหุ้นอยู่มากกว่าคนไทย เข้าใจป้าโซเลยค่ะ ถึงแม้ว่าก้อยจำทำในตำแหน่งเล็กๆ แต่ด้วยความที่อยู่บริษัทนี้มานาน (จนจะกลายเป็นเจ้าที่เจ้าทางอยู่แล้วค่ะ) ก็เลยเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานของเขา

เป็นกำลังใจให้ป้าโซต่อไปนะคะ


โดย: Goizd วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:11:45:16 น.  

 


โดย: wbj วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:14:03:24 น.  

 
อุย เผลอไปห่อของขวัญคริสต์มาสแค่แป๊บเดียว เจ้าก้อยแอบเข้ามาอ่านเป็นคนแรกแซงหน้าเราไปซะละ เขามาปูเสื่อรออ่านทุกวันนะ เดี๋ยวเถอะน่าดู๊

ป้าโซคะ เข้าไปอ่านและตอบไว้แล้วค่าป้า ถ้าป้าโซมีบ้านที่นั่นก็แอ่ดรับกันมั่งนะคะป้า จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของป้าค่ะ อ่านถึงตอนที่ ๕ แล้วยิ่งชอบแนวคิดและการปรับตัวของป้าโซในที่ทำงานค่ะ ขอเป็นกำลังให้ป้าโซด้วยอีกคนค่ะ


โดย: แม่เจ้าสตีเว่น IP: 88.89.10.47 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:15:19:51 น.  

 
2 thumbs up for u ka.


โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:13:27:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ป้าโซ
Location :
คุรุเม่ ฟุกุโอกะ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]




สวัสดีค่ะ ..

ป้าโซอยู่อำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งอยู่ในเกาะคิวชู เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น

เรื่องราวที่เล่าๆสู่กันฟังนี่ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งสอดแทรกความคิดเห็นเข้าไปด้วย อันไหนไม่เข้าทีก็อ่านผ่านๆไปละกันนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาค่ะ
New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ป้าโซ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.