หนึ่งวันต่อปี..ในร้านเหล้าญี่ปุ่น
เป็นวันเดียวในรอบหนึ่งปีที่ป้าโซจะออกไปดื่มแบบไม่ยั้ง..
เจ้าสองตัวของป้าโซเข้าร่วมกิจกรรมยูโดกับกลุ่มที่อยู่ไม่ไกลบ้านนัก ซึ่งในกลุ่มนี้จะต้องเปลี่ยนเวรกันทำงานปีต่อปี งานที่ว่าก็ไม่ใช่งานใหญ่โตอะไรนักหรอกค่ะ เป็นเรื่องภายในกลุ่มเล็กๆน้อยๆ แต่ต้องมีคนกลางช่วยจัดการให้กิจกรรมของกลุ่มดำเนินต่อไปได้ ดังนั้นบรรดาพ่อๆแม่ๆของเด็กๆก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ โดยจะมีอยู่สามคนที่ตั้งเป็นกรรมการปีต่อปี และปีนี้ก็เป็นเวรของบ้านป้าโซที่จะต้องทำ..
ในกลุ่มยูโด จะมีงานสังสรรค์ส่งท้ายปีเก่ากันปีละหนึ่งครั้งซึ่งจะจัดกันตอนกลางคืน งานที่ว่านี่ก็แล้วแต่กรรมการจัดการว่าจะไปจัดกันที่ไหน หาสถานที่กันไป ส่วนมากก็อิงของปีที่แล้วละค่ะ ยกเว้นปีไหนใครมีไอเดียใหม่ๆมาก็ไปที่ใหม่กัน
หลังจากกินกันเสร็จสรรพ ส่วนมากพ่อๆแม่ๆก็จะไปดื่มกันต่อที่ร้านเหล้าซึ่งผู้ปกครองคนหนึ่งของเด็กในกลุ่มเป็นเจ้าของกิจการ เป็นร้านดื่มเหล้าเล็กๆ จุคนได้ไม่เกินยี่สิบห้าสามสิบคน ร้านดื่มเหล้าอย่างนี้เขาเรียกกันว่า snack bar ซึ่งภายในจะมีที่นั่งดื่มตามเคาน์เตอร์และตามโซฟาที่จัดไว้ติดผนัง มีจอทีวีสำหรับร้องเพลงคาราโอเกะ และจะมีสาวๆคอยชงเหล้า คุยกับแขกตามโต๊ะ อ๊ะๆๆ อย่าถามป้าโซนะคะว่าสาวๆเหล่านี้เธอจะทำงานพิเศษหลังงานหรือเปล่า อันนี้ป้าโซไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดค่ะ แต่เท่าที่ทราบมาตามบ้านนอกเช่นนี้เขาไม่ทำงานพิเศษอย่างนั้นกัน แล้วคนที่มาดื่มก็เพื่อผ่อนคลาย หาเพื่อนคุย ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องเซ็กส์กัน ที่สำคัญคือสภาพเศรษฐกิจที่นี่คงไม่อำนวยให้ซื้อบริการเช่นนั้นได้ สาวๆที่ทำงานที่นี่ส่วนมากก็ต้องการรายได้แค่เงินเดือนประจำเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้น แต่ตามเมืองใหญ่ snack bar เช่นนี้สาวๆที่ทำงานส่วนมากจะเป็นพวกต่างชาติ เช่น จีน เกาหลี ฟิลิปปินส์
ร้านเหล้าที่ป้าโซไปนี่ เจ้าของเป็นผู้หญิงมีลูกสาวคนเดียวช่วยทำงานด้วยกัน มีสาวๆประจำร้านสองคน เมื่อคืนที่ป้าโซไปนั้น มีแต่พวกพ่อๆแม่ๆยูโดที่ขนไปกัน ติดลูกๆไปกันด้วยซึ่งเด็กๆก็จะแยกไปขึ้นชั้นบนของร้านในส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย เพราะเจ้าของร้านและลูกสาว ต่างก็มีลูกเล่นยูโดอยู่ในกลุ่มนี้ค่ะ ปกติตามร้านเช่นนี้เขาจะไม่มีเด็กๆเข้ามาวุ่นวายแต่เมื่อคืนเด็กๆเดินเข้าเดินออกกันเป็นว่าเล่น แถมเจ้าตัวเล็กของลูกสาวเจ้าของร้านยังมานั่งร้องเพลงเด็กๆอีกหนึ่งเพลง
ปกติป้าโซจะไม่ค่อยดื่ม ยกเว้นกรณีพิเศษเช่นนี้ ส่วนตัวแล้วป้าโซเป็นคนดื่มค่อนข้างจะไม่เมาง่าย (จะด้วยมาจากทางสายเลือดหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ที่พ่อป้าโซเป็นคนดื่มเก่ง คอแข็ง .. ป้ายไปถึงพ่อโน่น อิอิ.. ) แต่เมื่อคืนนี้ดื่มแก้วต่อแก้วตามความขยันชงของสาวน้อยประจำร้าน..
เครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันก็คือเบียร์ กับเหล้าญี่ปุ่นที่เรียกว่าโชจูซึ่งผสมกับน้ำร้อนก็ได้หรือจะดื่มแบบเย็นก็ได้ อันว่าเจ้าโชจูนี่คงจะคล้ายเหล้าโรงของบ้านเราแหละค่ะ ไม่มีสี บางชนิดก็ผสมกับบ๊วยออกรสหวานเล็กน้อยให้ดื่มง่ายๆ สำหรับผู้หญิง ซึ่งป้าโซชอบดื่มชนิดนี้ทึ่สุด นอกจากหวานดื่มง่ายแล้ว ยังไม่อืดท้องเหมือนดื่มเบียร์หรือเหล้าอื่นผสมโซดา เพราะป้าโซผสมน้ำเปล่า..
ระหว่างดื่มนั่นพวกเพื่อนก็กรึ่มได้ที่กันทั้งชายหญิง ต่างแหกปากร้องเพลงกันอย่างเมามัน สนุกสนาน มีแม่เด็กคนหนึ่งกระเตงเจ้าตัวจิ๋วอายุหกเดือนไปด้วย กอดลูกคาอกมือนึง อีกมือก็ถือไมค์แหกปากร้องเพลงเย้วๆ เมาได้ที่แหละค่ะ จนบางทีเพื่อนๆต้องผลัดกันช่วยอุ้มเจ้าตัวเล็ก ป้าโซเองก็ไปผลัดอุ้มกับเขาเหมือนกัน โชคดีที่เป็นเด็กไม่งอแง ใครอุ้มก็ไปกับเขา ไม่ร้องเล้ย.. เจ้าตัวนี้คลุกคลีอยู่ในกลุ่มยูโดตั้งแต่แม่เริ่มตั้งท้องยันคลอด ออกมาได้เดือนนึงก็กระเตงกันไปๆมาๆตามกิจกรรมของกลุ่มอย่างนี้แหละค่ะ
หลังจากพวกชักเหนื่อย ป้าโซก็ใส่เพลงร้องมั่ง ไหนๆไปแล้ว เรื่องอะไรจะมานั่งเอี้ยมเฟี้ยมอยู่ล่ะคะ อาศัยที่ทุกคนกำลังคุยๆๆๆ ดื่มๆๆๆ กัน ป้าโซก็โซ้ยไปเพลงสองเพลง พอจบเพลง พ่อเด็กที่นั่งตรงข้ามก็ถามว่าป้าโซเคยทำงาน snack bar มาก่อนหรือเปล่า เพราะทั้งดื่มแข็งทั้งร้องเพลงได้ดี .. ป้าโซหัวเราะก๊ากแล้วหันไปให้อีตาพ่อตอบแทน หนอย..ดั๊นนน ไปตอบหน้าตาเฉยว่า ไม่รู้เหมือนกัน เลยเบิ๊ดกะโหลกไปทีนึง ก่อนจะหันไปตอบเขาเองว่า เราเจอกันตอนป้าโซกำลังโหนเสาร้องเพลงอยู่ในบาร์ค่ะ พอปลงใจจะแต่งงานถึงเลิกทำงานอย่างนั้น เออเนาะ!! ทะลึ่งไปเล่นยังงั้น เขาคิดว่าจริงขึ้นมาคงติดต่อจ้างป้าโซไปรูดเสาให้ดูซักวัน
บรรยากาศภายในร้านเป็นไปอย่างสนิทสนม เพราะแม้กระทั่งแขกอื่นพวกเราก็ไปแจมร้องเพลง ปรบมือ ชื่นชมกับเขาว่าซึโก้ยยย.. มีอยู่หนึ่งหนุ่มร้องเพลง I don't want to miss a thing พอขึ้นอินโทร ป้าโซก็ตั้งใจฟังว่าจะออกมาในแนวไหนแต่.. เข้าท่าแฮะ ถ้าตัดสำเนียงกับการลากเสียงซะแทบจะติดกันทุกประโยคออกไป ร้องได้เข้าจังหวะดี .. ตอนท้ายๆก่อนจะกลับ ป้าโซก็ได้แจมกับหนุ่มนี้แหละค่ะ ท่าทางเธอจะชอบเพลงสากล เลือกมาร้องท่อนนึงป้าโซก็แจมกับเขาอีกท่อนนึง เป็นที่สนุกสนานของกองเชียร์เพื่อนๆมาก ท่าเธอจะประทับใจกับการร้องเพลงกับป้าโซ เธอเรียกป้าโซว่า "โอะเน่จัง" ซึ่งแปลว่า พี่สาว ในขณะเดียวกับที่เรียกเพื่อนที่อายุเท่ากับป้าโซว่า "โอะบะจัง" ซึ่งแปลว่า ป้า วู้ยยย.. เล่นเอาเน่จังอย่างป้าโซยิ้มไม่หุบ..
และแล้วตีสองกว่า ก็ได้ฤกษ์จรลีเรียกแท็กซี่กลับบ้านกัน กว่าจะได้นอนก็ตีสามกว่าๆ ตื่นมาตัวยังไม่หายเบาเลยค่ะ ก็เมื่อคืนฟาดไปถึงขนาดนี่นา.. เฮ้อออ.. ปีนึงวันนึง
Create Date : 21 ธันวาคม 2551 |
|
10 comments |
Last Update : 21 ธันวาคม 2551 13:42:31 น. |
Counter : 1613 Pageviews. |
|
|
|
เพิ่งแง้มอ่านไปตอนเดียวค่ะ เรื่องส.ค.ส. ซึมซับได้ถึงความรู้สึกคนเขียนเลย .. ความรู้สึกเช่นนี้อยู่ติดไปตลอดชีวิตแหละค่ะ