อุปกรณ์กันหนาว
ที่นี่ เขาจะมีถุงซึ่งภายใจบรรจุ..อะไรหว่า.. ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะบรรจุทรายประเภทที่มีผงแม่เหล็กประจุบวกลบอะไรประมาณนั้น ซึ่งถุงที่ว่านี่เวลาจะใช้ก็ต้องเขย่าๆมัน มันก็จะให้ความร้อนขึ้นมา ก็แค่อุ่นมากๆน่ะค่ะ ไม่ถึงกับร้อนมากมาย แต่ก็อุ่นพอให้ซุกมือหรือเท้าให้หายแข็งได้ ถุงที่ว่าจะมีทั้งแบบถือไปถือมา ซุกไว้ในกระเป๋ากางเกง กระเป๋าแจ็คเก้ต หรือแบบมีกาวติด เอาไว้แปะติดกับเสื้อข้างในให้มันอุ่นๆตัว หรือแบบที่เอาไว้แปะติดกับพื้นรองเท้าด้านในหรือถุงเท้า เวลาเดินออกไปก็ไม่ทรมานนัก
ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือหัวกับเท้าแหละค่ะ สำหรับป้าโซจะเป็นเท้า เพราะหัวค่อนข้างแข็งเอาการ แต่เจ้าถุงที่ว่านั่น คนที่ใช้ส่วนมากจะเป็นเด็กกับคนแก่ ซึ่งอย่างป้าโซยังไม่จำเป็น
มาปีนี้ เริ่มรู้สึกแล้วค่ะว่าหัวน่ะ คงต้องมีอะไรปิดเวลาออกไปเดินออกกำลังหรือขี่จักรยานไปซื้อกับข้าว เพราะลมที่พัดสวนกับเราเวลาขี่จักรยานน่ะ มันเย็นเยียบสะท้านทรวงทีเดียว ทุกวันนี้เวลาป้าโซขี่จักรยานออกไปข้างนอกก็ต้องใส่แจ็คเก้ตทับ หมวกใบนึง ผ้าพันคอผืนนึง ถุงมือคู่นึง ถุงเท้าหนาๆอีกคู่ ถ้าหนาวกว่านี้ก็ต้องซ้อนสองชั้นแหละค่ะ ยกเว้นเวลานั่งรถไปก็แค่เสื้อกันหนาวหนาๆ ยาวๆ มีฮู้ทตัวเดียว เพราะในรถเปิดเครื่องทำความร้อนอยู่แล้ว ใช่ว่าเรื่องความหนาวเย็นจะทำให้เราต้องใส่แต่เสื้อหนาวเพื่อทำให้ตัวอบอุ่นเท่านั้น ยังรวมไปถึงเราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันบางอย่างด้วย ยกตัวอย่างเช่น เครื่องนอน..
ตามปกติถ้าอากาศไม่หนาวเย็นจัด เครื่องนอนที่ใช้ก็เป็นผ้าธรรมดาแบบบ้านเรานี่แหละค่ะ มีผ้าห่มบางๆผืนนึงเท่านั้น.. แต่พออากาศเปลี่ยนเป็นหนาวปุ๊บ ไอ้เครื่องนอนที่เป็นผ้าธรรมดาชักเอาไม่อยู่แล้ว ต้องเปลี่ยนผ้าห่มเป็นแบบนวมหนาๆฟูๆ ซึ่งก็ยังไม่พอในยามหนาวจัดๆ ต้องมีผ้าห่มสักหลาดปูก่อนห่มผ้านวมอีกชั้นหนึ่ง ตัวที่นอนเองก็ต้องมีผ้าปูที่ให้ความอบอุ่นแทนความเย็นเฉียบของผ้าปูธรรมดา ปูทับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นผ้าขนสั้นๆนุ่มๆแบบขนสัตว์..ปูทับที่นอนอีกชั้นหนึ่ง ตัวหมอนก็จะมีผ้าหุ้มซึ่งเป็นสักหลาดเหมือนกัน ไม่งั้นนอนไม่มีความสุข พลิกตัวที อึ๋ยยย..
หากหนาวจัดๆ ก็จะมีพรมไฟฟ้า ซึ่งปรับอุณหภูมิได้ปูรองที่นอนอีกชั้น เจ้าความร้อนจากพรมไฟฟ้านี่จะทำให้ที่นอนเราอุ่นสบาย .. ตอนนอนที่สำคัญก็คือเท้าค่ะ เท้าจะเป็นส่วนที่เย็นจัด ซึ่งเวลาปูผ้าห่มนอนสักหลาด ต้องพับส่วนเท้าไว้ให้เวลานอนเอาเท้าสอดเข้าไปอยู่ระหว่างผ้าห่มสักหลาดนั้นจะได้อุ่นๆ
บ้านป้าโซไม่เปิดเครื่องทำความร้อนใดๆทั้งสิ้นเวลานอน ปกติเครื่องทำความร้อนจะมีแบบใช้น้ำมันกับแบบไฟฟ้า บ้านป้าโซก็มีทั้งสองแบบค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะใช้แบบน้ำมันมากกว่า แบบน้ำมันจะใช้กันตามสมัยก่อนๆ แต่เครื่องทำความร้อนแบบใช้น้ำมันนี้ ก็มีส่วนเสียตรงที่พอใช้ไปนานๆแล้ว ต้องเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทเนื่องจากต้องลดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ถ้าเราไม่เปิดให้อากาศถ่ายเท ก็จะรู้สึกวิงเวียนเหมือนอากาศไม่พอหายใจ ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนด้วยค่ะ เคยมีข่าวตามภาคเหนือเช่นเกาะฮอกไกโดซึ่งเป็นส่วนที่หนาวที่สุด มีคนนอนหลับไปแล้วตายยกครอบครัว เนื่องจากเปิดเครื่องทำความร้อนแบบน้ำมันนี่ไว้แล้วไม่แง้มหน้าต่างหรือประตูไว้ คงเป็นพื้นที่ที่จำกัดด้วยมังคะ จึงสูดดมแก๊สคาร์บอนไปในขณะหลับ ถ้าเป็นคนไทยก็คงว่าไหลตาย
ส่วนการเปิดเครื่องทำความร้อนแบบไฟฟ้า ก็เหมือนกับการใช้แอร์แหละค่ะ นั่นคือเราต้องเสียค่าไฟฟ้าแทนค่าน้ำมัน แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน สำหรับป้าโซชอบแบบน้ำมัน เพราะสามารถตั้งกาน้ำร้อนไว้บนเตา เวลาน้ำเดือดๆก็พ่นไอน้ำออกมาทำให้อากาศในห้องไม่แห้งมากนัก หายใจสะดวกดี อีกทั้งยังเอาน้ำร้อนนั่นมาชงกาแฟ ต้มมาม่าสำเร็จรูป หรือเผาเผือก ปิ้งโมจิบนเครื่องนี่แหละ เวลาเผือกสุกๆจะหอมอวลไปทั่วห้อง อ้าว.. ไปเรื่องกินซะแล้ว
พูดถึงเรื่องการนอนแบบหัวแทบจะซุกเข้าโปงผ้าห่มแบบนี้ นึกไปถึงหนังสือเรื่องบ้านเล็กในป่าใหญ่ของลอร่า อิงกัลส์ ไวเดอร์เลยค่ะ ใครเคยอ่านบ้างไหมคะ เรื่องนี้มีบทบรรยายที่ดีมาก ทำให้เราสามารถจินตนาการไปได้ว่าฉากในเรื่องเป็นอย่างไร เป็นหนังสือชุดที่ป้าโซซื้อมาเก็บไว้ เพื่อให้ลูกๆได้อ่านต่อไปค่ะ .. ในเรื่องนี้จะมีฉากที่หน้าหนาว ผู้คนต้องเอาหินเผาไฟร้อนๆมาหุ้มด้วยผ้าแล้วเอาไปวางไว้ตรงปลายเท้า เพื่อให้เท้าอุ่นเวลานอน.. เวลาหนาวมากๆป้าโซจะชอบนึกถึงเรื่องนี้ ในปัจจุบันถ้าต้องการทำอย่างนั้นก็จะเป็นกระเป๋าน้ำร้อนแทนละค่ะ แบบที่เขาวางอังท้องสำหรับคนอยู่ไฟหลังคลอดไงคะ
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2551 |
|
2 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2551 13:21:02 น. |
Counter : 1385 Pageviews. |
|
|
|