♣ อย่าเผลอทำความรักหล่นหาย ♣















































กว่าจะมีรักได้สักครั้ง
บาง
คนต้องใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
บางคนแทบจะหมดหวังจนถึงบั้นปลายของ
ชีวิต
และกว่าจะได้ความรักมา
แต่ละคนต้องใช้เวลา ความอดทน
ความ
พยายาม ลงทุน ลงแรง ทุ่มใจ และกาย







ด้วย
เหตุผลที่ คนเราคือ มนุษย์ปุถุชนธรรมดา
ที่ตกอยู่ในห้วงกิเลสตัณหา
อยาก
ได้ อยากมี เพราะทุกคน มีความคิด
ความรู้สึก พฤติกรรม ดี เลว
ล้วน
แต่สร้างความพึงพอใจ ไม่พึงพอใจ แตกต่างกันไป

ฉะนั้น จงอย่าวาดหวัง
ให้คนรักเป็นดั่งที่ต้องการ
และจงยอมรับว่า นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง

ที่มีเกิด เสื่อมคลาย และดับสูญ







แม้แต่
สรีระของเราเอง เสื่อมโทรมไปดามกาลเวลา
ความรักจึงต้องถดถอย
เสื่อม
คลายลงไปบ้าง แต่คำว่ารัก
ยังติดตรึง อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเสมอ
อย่า
คาดหวังว่า ความรักที่ เขามอบให้เรา
จะพอกพูนทวีตามกาลเวลา



และอย่านำความสวย หล่อ ความรู้ ความสามารถ
และ
ความรู้สึกของตัวเอง
เป็นการเปรียบเทียบ เพื่อให้ได้รับความรัก
จาก
อีกฝ่ายหลายเท่าทวีคูณ
เพราะความรักที่คุณรัก แบบไม่แบ่งรักให้ใคร
สิ่ง
ใดเลย นอกจากเขาคนเดียว





แต่
เขา รักแม่ รักพ่อ รักญาติ รักเพื่อน และสิ่งอื่น ๆ อีก
เป็นเรื่อง
ธรรมดาของมนุษย์ที่มีจิตใจสะอาด
มีจิตสำนึกในการให้ความรักตอบแทนผู้
อื่น
และเป็นธรรมชาติของคน
ย่อมมีความรักสิ่งอื่น อย่างอื่นด้วย



รัก
บุพการีเทิดไว้เหนือดวงใจ
รักญาติพี่น้องเพราะมีสายเลือดและความผูกพัน
รัก
เพื่อน เพราะความใกล้ชิด เคยทุกข์ สุข ร่วมกันมา
รักคนรักอย่างบุรุษพึง
รักอิสตรี
และอิสตรีรักบุรุษ ซึ่งแตกต่างไปจากทุกรัก
รักเพื่อร่วม
ชีวิต รักเพื่อมีเพศสัมพันธ์
รักเพราะต้องการสร้างความมั่นคงเป็นปึก
แผ่น
รักที่ต้องการมีผู้สืบสกุล
รักหวังใช้ชีวิตบั้นปลายและดูแล
ทุกข์สุขกันและกัน












Free TextEditor





















































 

Create Date : 07 เมษายน 2553    
Last Update : 7 เมษายน 2553 18:50:38 น.
Counter : 444 Pageviews.  

ข้อแนะนำในการจัดการกับสิว

1.จะต้องขับพิษออกจากร่างกาย
โดยใช้การล้างพิษตามวิธีต่างๆ เช่น ดื่มแต่น้ำเปล่า น้ำผักผลไม้ สัก
2–7
วัน ใช้ยาถ่าย ยาระบาย หรือการสวนล้างลำไส้ สัก 2 สัปดาห์ โดยทำติดต่อกันทุกวัน



2 หลีกเลี่ยง เนื้อ นม ไข่
หรือกินให้น้อยๆหน่อยแล้วกินผักผลไม้ ธัญพืช ให้มากๆ เพื่อจะได้มีกากใย
ไปกวาดเอาของเสียออกจากร่างกาย และมีเอ็นไซม์ในการย่อยที่ดี
ถ้าระบบย่อยไม่สู้ดีก็ใช้ ขมิ้น ขิง ช่วยย่อย



3. หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม
ของทอดๆมันๆ



4. เช้าตื่นขึ้นมาดื่มน้ำ 2-5 แก้ว ระหว่างรับประทานอาหารอย่าดื่มน้ำมากนัก 40 นาทีแล้วจึงค่อยดื่มน้ำต่อไป โดยดื่มเรื่อยๆ อย่าดื่มครั้งละมากๆ
แต่ดื่มบ่อยๆ รวมแล้วควรจะให้ได้สัก
8-10 แก้วต่อ
วัน



5. ถ้าหน้าตาแดง ตัวร้อน
ก็หาสมุนไพรที่ขับพิษร้อนมากินบ้าง เช่น ใบบัวบกนำมาปั่นกินน้ำ
ใบย่านางมาคั้นหรือต้มกิน น้ำมะพร้าวอ่อน หรือสมุนไพรรสขมๆ
มาต้มกินเพื่อลดความร้อน ถอนพิษออกจากร่างกาย
เพราะพิษร้อนนี่แหละทำให้สิวเห่อขึ้นมา
อย่านอนให้ดึกนักเพราะจะทำให้ร่างกายร้อน


6. ดูแลใบหน้าและร่างกายให้สะอาดอยู่
เสมอ ใบหน้านั้นอาจใช้ผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นนำมาพอกก็ได้ เช่น แตงกวา
มะเขือเทศ มะเฟือง หรือ ถั่วเขียวปั่นละเอียด ก็ใช้ได้ดี





Free TextEditor





















































 

Create Date : 07 เมษายน 2553    
Last Update : 7 เมษายน 2553 18:48:08 น.
Counter : 353 Pageviews.  

10 ข้อ เอาไว้หลอกกอดสาวๆ
















































1. ดูหนังผีมีลุ้น

มุขนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสุดยอดเคล็ดวิชาที่จัดขึ้นหิ้งมุขคลา
สสิคได้เลย ถึงแม้เหล่าคุณเธอส่วนใหญ่จะรู้ทันกับมุขควายๆ ง่ายๆ แบบนี้
แต่ที่ไหนมีผีจำไว้ให้ดีว่าที่นั่นมีลุ้น หลักการง่ายนิดเดียว ท่องไว้ว่า
"ผีโผล่เธอโผกอด" อ้าาาา เหมือนจะง่ายใช่มั้ย
แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปอย่างนั้น
เพราะยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ไม่กลัวผีในจอ
พวกเธอเหล่านี้จิตแข็งพอที่จะแยกแยะออกว่ามันก็แค่คนทาขอบตาดำๆ ทำตัวแข็งๆ
ก็เท่านั้น ในกรณีนี้แนะนำให้ข้ามไป level 2 คือ พาเที่ยวบ้านผีจริงๆซะเลย
แล้วถ้าผีจริงยังเอาไม่อยู่
ให้คุณลองพิจารณาดูใหม่ว่าเธอหรือผีกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากัน

2. Hero กำมะลอ

อัน
นี้เป็นอุบายตื้นๆ ที่เห็นในหนังไทยทั่วไป
วิธีการคือไหว้วานเพื่อนคุณสักคนสองคนที่ไว้ใจได้
และมีวิญญาณนักแสดงนิดหน่อย เข้ามาลวนลามทางวาจากับเธอ
เมื่อนางเองกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็ถึงคิวพระเอกอย่างคุณที่จะต้องขี่
ม้าขาวมาช่วยเธอ อย่ารีรอ
รีบเข้าไปโอบกอดเธอเสมือนคุณนั้นเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แล้วพูดว่า "เฮ้ย
ยุ่งอะไรกับแฟนกูวะ" เมื่อเหล่าร้ายเตลิดไปแล้ว
ให้รีบเปลี่ยนบทกลับมาสู่ชีวิตจริงทันที "เออ ขอโทษที เมื่อกี๊ไม่ได้ตั้งใจ
จริงๆ แล้วผมก็กลัวมากเลยนะ" เธอจะยิ้มหน้าแดงพร้อมกับตบไหล่คุณแก้เขิน
แล้วพูดว่า "ไม่เป็นไรหรอก ก็เธออุตส่าห์ช่วยเรานิ่" โป๊ะเช๊ะ !
ตามสูตรทุกประการ

3. ซ้อนท้ายสบายแฮ

หาวันดีๆชวนเธอ
ไปขี่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เล่นกัน แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าคุณคือคนเมา
เมาไม่ขับซ้อนได้อย่างเดียว ยิ่งเธอขี่ไม่แข็งเท่าไหร่ยิ่งดี
ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเอื้อมมือไปช่วยบังคับแฮนด์ซะแล้วแตะเบรคหน้าถี่ๆ
ทีนี้ละพ่อ! นอกจากกอดแล้วยังได้ดมขี้หูขี้หัวถูไถกันให้ชื่นใจไปอีก
แต่ก็ดูให้ดีหน่อยอุบายแบบนี้เหมาะกับการขี่ที่ความเร็วต่ำและถนนโล่งเรียบ
ไม่งั้นอาจได้กอดกันยิ้มแฉ่งเป็นคางคกแบนทั้งคู่

4. สิ่งประหลาดล้านชนิด

สืบมาให้
ได้ว่าเธอกลัวสิ่งประหลาดประเภทไหน จิ้งจก หนู แมลงสาบ แมงมุม ตุ๊กแก งู
ฯลฯ หาสิ่งเหล่านี้มาไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองหรือตัวเป็นๆ
เลือกใช้ในสถานการณ์ที่อยู่กันคนน้อยๆ
ปล่อยมันออกมาแล้วรีบคว้าจังหวะที่เธอปี๊ดป๊าดกระตู้วู้เข้าไปโอบกอดให้
ปลอดภัย แต่ในกรณีที่เธอกลัวสิ่งประหาดที่มีอันตรายมากๆ อย่างเช่น งูเกี้ยง

ไม่ขอแนะนำให้ปล่อยมันอออกมาเด็ดขาดเพราะคุณอาจได้นอนกอดมุ้งสายบัวแทนตัว
เธอก็เป็นได้
























5. ปลาตอดหนุ่บหนับ

หาวันหยุดดีๆ ชวนเธอไปทะเลสวยๆ น้ำใสๆ แล้วลงไปเล่นน้ำกัน
พยามว่ายไปในจุดที่ระดับน้ำสูงประมาณอก
ดำน้ำลงไปแล้วใส่วิญญาณปลาหมึกว่ายเข้าปล่อยหนวดหนุ่บหนับตามแข้งขา
แต่จำไว้ว่าอย่าตระกละ
ตอดทีละนิดเพื่อให้เธอเห็นว่าเราขี้เล่นเป็นตัวไม่มีพิษภัย
จากนั้นค่อยไปที่ level สูงๆ ไต่ขึ้นไปทีละหน่อย
ตอดหนุ่บหนับๆบ่อยๆไปเรื่อย แต่ระวังไว้อย่าง
ถ้าทะเลแถวนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คนต้องหาพิกัดจุดยืนของเธอให้แน่นอน
ไม่งั้นไปกอดขาเมียชาวบ้านเดี๋ยวได้อาหารว่างเป็นแข้งผัวชุบน้ำเกลือ

6. mascot กอดเพลิน

ความน่ารักของเจ้าตัว mascot มีแรงดูดสาวๆและเด็กเสมอ
ยิ่งเป็นชุดสวมด้วยแล้วยิ่งมีเสน่ห์เข้าไปใหญ่ สิ่งที่คุณต้องทำคือหาชุด
mascot
น่ารักๆสักตัวมาสวมในโอกาสพิเศษที่เกี่ยวข้องกับเธอไม่ว่าจะเป็นวันเกิด
วันรับปริญญา วันฉลองได้รับตำแหน่งใหม่
แต่งานศพว่าที่พ่อตาแม่ยายหรือญาติโกโหติกาของเธออย่าทะลึ่งใส่ไปล่ะ
อัตราโดนถีบมีเยอะกว่ากอด และที่สำคัญต้องระวัง mascot
บางอย่างที่ให้ความหมายส่อเจตนามืด เช่น mascot ถุงยางอนามัย

7. ขาเพลงสำแดงผล

ถ้า
คุณเคยมีอาการขาแพลงมาก่อนคงแหลได้ไม่ยาก
เริ่มจากนึกถึงความเจ็บปวดในช่วงนั้นแล้วดึงมันออกมาให้ได้
ใส่ความอ่อนแองอแงเข้าไปเยอะๆ แต่อย่าลืมว่าสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย
หาจังหวะดีๆตอนทำกิจกรรมอยู่ใกล้ๆเธอแล้วค่อยออกอาการ อาทิ เดิน วิ่ง
เล่นกีฬา อย่าไปทะลึ่งขาแพลงตอนนั่งกินหมี่เกี๊ยวล่ะ น่าสงสัย
เมื่อออกอาการแล้วให้นั่งทุรนทุรายนานๆหน่อยอย่ารีบลุก
รอจนกว่าเธอจะมาประคองแล้วค่อยพยุงตัวขึ้น จะกอดเอวกอดคอก็ตามสบายเลยพ่อคุณ


8.
เสื้อกันฝนสุภาพบุรุษ

ถ้า
ฤดูฝนย่างเท้าเข้ามาจำไว้ว่าอย่าพกร่ม ให้พกเสื้อกันฝนอย่างเดียว
ข้อดีของเสื้อกันฝนก็คือเราสามารถกางมันออกมาคลุมให้คนที่เราหมายปองได้
และจังหวะที่คลุมหัวนั้นคุณสามารถหาเศษหาเลยไปกับอาการเก้ๆกังๆ
กำลังดึงชายเสื้อได้อย่างแนบเนียน หมั่นดึงชายเสื้อบ่อยๆ
ได้กอดอังๆหน่อยก็ยังดี

9.
สะดุดลม


ไม่ว่าจะอยู่ในงาน
รื่นเริงไหนๆก็สามารถใช้ท่านี้ได้เสมอ
แค่ทำขาอ่อนไหวไวต่อความรู้สึกเจออะไรก็สะดุดจึ๊กๆไว้ก่อน
โอเวอร์แอ็คชั่นมากๆยิ่งดีใหญ่ ไถลตัวเข้าไปอยากกอดเธอตรงไหนก็เลือกเอา
แต่ขอให้ถือความหน้าด้านเป็นที่ตั้ง

10. เหินฟ้าท้ากอด

กอดคนอื่นเป็นเรื่องง่าย แต่ทำให้เขากอดเรานี่สิยาก
แนะนำให้เอาวิธีนี้ไปใช้กันครับ เพียงแค่คุณหาที่สูงและหวาดเสียวสักแห่ง
ขึ้นไปยืนบนนั้นแล้วประกาศออกมา “ผมอยากตาย”
รอเวลาอีกนิดหน่อยให้ตำรวจเดินทางมาถึงแล้วยื่นข้อเสนอต่อรอง
บอกเขาไปว่าอยากเจอหน้าคนรักหรือคนที่กำลังแอบรัก
แต่ต้องเตรียมเบอร์โทรของเธอ
เลือกสถานที่ให้ใกล้ย่านที่เธอพักอาศัยและตรวจตราวันเวลาให้รอบคอบว่าเธอไม่
ไปไหนไกลแน่นอน เท่านี้ก็เตรียมวงแขนอุ่นๆของคุณไว้กอดได้เลย
แต่ถ้าพลาดตกลงมาตาย***ก่อนก็ซวยไป
เขียนความต้องการสุดท้ายใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก็ดีเผื่อเธอจะได้มากอดส่งวิญาณ









Free TextEditor





















































 

Create Date : 07 เมษายน 2553    
Last Update : 7 เมษายน 2553 18:45:49 น.
Counter : 434 Pageviews.  

หากจะโดนข่มขืน! ควรทำอย่างไร














































สมัยนี้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ จะไว้ใจใครง่าย ๆ ไม่ได้
รู้หน้าไม่รู้ใจ จะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวให้มาก ทางที่ดีควรมีวิชาติดตัว
ไว้
บ้าง ศิลปะป้องกันตัวจะช่วยให้สาว ๆ เอาตัวรอดจากการถูกข่มขืนได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ต้องมีสติเสียก่อน ถ้ามัวแต่ตื่นตกใจ กลัว
รับรองเสร็จมันแน่ ๆ เลยค่ะ




หากถูกลากไปข่มขืน
วิธีเอาตัวรอดมีดังนี้




1.
คนร้ายมักจะซุ่มรอทีเผลอ

ที่โดนบ่อย ๆ คือ ล็อคแขนไขว้หลัง มืออุดปาก แล้วกระชากหรือลากเข้าข้างทาง
ถ้าเตรียมตัวมาดี ก็อาจจะมีอาวุธจี้เพื่อไม่ให้เหยื่อขัดขืน
แน่นอนว่าเหยื่อน้อยคนที่เห็นมีด ปืนแล้วจะกล้าใช้วิชาที่เรียนมา




2.
เมื่อโดนลากเข้าข้างทาง

คุณก็จะโดนต่อยท้องเพื่อให้จุกจนไม่มีแรงดิ้นและตบปากหรือต่อยหน้าเพื่อให้
กลัวเจ็บหรือกึ่ง ๆ หมดสติ
จากนั้นถ้าคนร้ายหื่นแบบชาญฉลาดก็จะหาของมาอุดปากคุณไว้ไม่ให้ส่งเสียงดัง




3.
เมื่อคนร้ายเห็นคุณไม่มีแรงดิ้น

ก็จะทำการถลกส่วนล่างคุณออก โดยท่าที่นิยมคือนั่งคร่อมเอว
เอาเข่ากดแขนส่วนบนคุณไว้ทำให้ไม่มีแรงมากพอจะผลัก แถมยังจุกอยู่อีกตะหาก




4.
จากนั้นเมื่อคนร้ายเตรียมปฏิบัติการ

จังหวะนี้ถ้าคุณโชคดียังมีสติอยู่ให้พยายามเซฟแรงไว้รอข้อต่อไป




5.
เมื่อคนร้ายพยายามสอดใส่

ให้คุณอาศัยจังหวะนี้ซึ่งคนร้ายมักจะเผลอลืมกดแขน
คว้าลูกปิงปองทั้งสองลูกแล้วบีบให้เต็มที่ เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี
ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคิดจะฆ่าคุณในตอนนี้แน่ รับรองร้องเสียงหลง
ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง




6. หลังจากนั้น อย่าเพิ่งคิดหนีตอนนี้

พิจารณาดูคนร้ายให้ดีก่อน รีบประเมินสถานภาพคนร้ายว่า
ที่เราทำลงไปหยุดเขาได้ไหม
ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ตายตอนโดนข่มขืนแต่จะมาตายตอนนี้ละ เพราะจะหนีอย่างเดียว
ตัวเองก็วิ่งไม่ไหว คนร้ายก็ยังลุกขึ้นมาตาม ทุบหัวเอาได้
ดังนั้นหากเห็นว่าคนร้ายหมดสภาพแน่ ๆ และชุมชนอยู่ไม่ไกลจึงค่อยหนี  




7.
ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะ
คือ
อาจจะลงไปนอนงอก่องอขิงอยู่แป๊บเดียว และมีทีท่าจะลุกขึ้นมา
สิ่งที่คุณต้องทำคือ รีบหาอาวุธให้เร็วที่สุด จะเป็นไม้ ก้อนหิน ปากกา
(ใช้เสียบได้) คัตเตอร์ สเปรย์ ปืน ฯลฯ ทุกอย่างที่จะเป็นอาวุธ ได้
ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็รองเท้าส้นสูงของคุณนี่แหละ หวดเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้

- ที่เดิม
แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะคนร้ายมักจะกุมไว้
- กลางแสกหน้า ยิ่งถ้าคุณใส่ส้นสูงด้วย
ไม่ว่ามันจะตัวใหญ่แค่ไหนก็จอดมานักต่อนักแล้ว
- กกหู ขมับ ทุบรัว ๆ ไปเลย
(ไม่แนะนำท้ายทอยหรือคาง เพราะโดนยาก)
- ถ้ามีก้อนหินโต ๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลย รับรองเดี้ยง
ร้องสามบ้านแปด บ้าน
- ที่สุดท้าย
อาจจะโหดหน่อยแต่ถ้าทำได้ จะเวิร์คมาก "นิ้วเท้า" โดยเฉพาะ
- นิ้วเล็ก ๆ
ตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยนี่ละ หินทุบผัวะเข้าไป เอาให้เละไปเลย 
จาก
นั้นรีบจัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
คว้าสิ่งของมีค่าพาตัวเองออกไปให้ไวที่สุด


วิธีนี้อาจช่วยให้คุณรอด
จากปากเหยี่ยวปากกามาได้ แต่อย่างไรก็ตาม
อย่าทำพฤติกรรมเสี่ยงเป็นดีที่สุดค่ะ อย่าแต่งกายล่อแหลม
เช่นเสื้อผ้าแฟชั่นรัด ๆคอลึก ๆ กระโปรงหรือกางเกงสั้น ๆ
เครื่องประดับราคาแพงล่อตาล่อใจโจรหรือกลับบ้านคนเดียวดึก ๆ
อย่างนี้อยู่ในภาวะเสี่ยงแน่นอนค่ะ 













บทความดีดีจาก
ผู้หญิงนะคะ







Free TextEditor





















































 

Create Date : 07 เมษายน 2553    
Last Update : 7 เมษายน 2553 18:43:51 น.
Counter : 329 Pageviews.  

พรสำคัญของชีวิต, สมเด็จพระญาณสังวรฯ




























พรสำคัญของชีวิต

สมเด็จ
พระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


บัด
นี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต
ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม

พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงยกกาลเวลาขึ้นมาตรัสสั่งสอน
เป็นธรรมิกถาหรือถ้อยคำที่เป็นข้อธรรมะ
หรือเรียกสามัญว่าเป็นสุภาษิตเตือนใจ
ดั่งเช่นว่าตรัสสอนภิกษุให้พิจารณาเนืองๆ ว่าวันคืนล่วงไปๆ
บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
และได้ตรัสสอนไว้อีกว่าความเพียรควรเร่งรีบทำในวันนี้ทีเดียว
ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมาต่อวันพรุ่งนี้
และได้ตรัสสอนถึงสภาพของกาลเวลาไว้ว่า
กาลเวลาย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวเอง
ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้มีสติพิจารณาถึงกาลเวลา
เพื่อที่จะได้เกิดปัญญารู้จักว่า จะใช้กาลเวลาอย่างไร

ดังที่ตรัสสอนบอกวันคืนล่วงไปๆ เราทำอะไรอยู่
ก็เพื่อพิจารณาเข้ามาดูว่า
เราควรจะใช้กาลเวลาที่มาถึงจำเพาะหน้าประกอบกระทำอะไร และคำว่า อะไร
นี้ทุกคนเมื่อพิจารณาดูแล้วก็ย่อมจะเห็นว่า


ทุกคนต่างต้องมี
กิจที่พึงทำอยู่ด้วยกันทั้งนั้น
เช่นเมื่อยู่ในวัยเรียนก็คือตั้งใจเล่าเรียนศึกษา
เมื่อพ้นวัยเรียนถึงวัยทำการงาน ก็ประกอบการงานเป็นอาชีพ
และการงานที่พึงทำอย่างอื่น และโดยเฉพาะภิกษุนั้น
ก็ตรัสสอนให้ปฏิบัติในไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตราบเท่าบรรลุถึงนิพพาน
หรือวิมุติความหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ทั้งปวง
เมื่อยังไม่บรรลุถึงวิมุตินิพพานก็ต้องปฏิบัติในไตรสิกขาเรื่อยไป
จะหยุดว่าเพียงพอแล้วมิได้ แม้ผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไปก็เช่นเดียวกัน
ที่เป็นฝ่ายฆราวาสก็มีหน้าที่ปฏิบัติธรรม อันอาจรวมเข้าได้ในไตรสิกขาคือ
ศีล สมาธิ ปัญญา เช่นเดียวกัน
จนกว่าจะสิ้นกิเลสจึงจะเสร็จกิจแห่งการปฏิบัติในไตรสิกขา
เมื่อยังไม่สิ้นกิเลสก็ต้องปฏิบัติธรรมคือไตรสิกขานี้เรื่อยไปเช่นเดียวกัน



กิจที่พึงทำทุกวัน


เพราะฉะนั้น
กิจที่พึงทำเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้คือในปัจจุบัน
และในโลกหน้าคือในภายหน้า ก็เป็นกิจที่พึงทำอยู่ทุกวัน
การปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ก็พึงปฏิบัติ พึงกระทำอยู่ทุกวันเช่นเดียวกัน
เป็นกิจที่พึงทำ เพราะฉะนั้น
จึงพึงประกอบกระทำกิจเหล่านี้ให้งอกงามขึ้นทุกวันๆ
โดยไม่ให้กาลเวลาล่วงไปปราศจากประโยชน์
และได้ทรงกำชับอย่างหนักแน่นไว้อีกว่า
ควรกระทำความเพียรปฏิบัติกิจที่พึงทำดังกล่าวนั้นตั้งแต่ในวันนี้
ไม่ควรจะผลัดเพี้ยนว่าพรุ่งนี้ๆ
เพราะใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมาต่อวันพรุ่งนี้


๏ ข้อที่ตรัสเตือนไว้ถึงกาลเวลา

และ
ยังได้ตรัสเตือนไว้ถึงชีวิตอีกว่า
การที่ปล่อยให้กาลเวลาล่วงไปเปล่าปราศจากประโยชน์อะไร
ย่อมทำให้ชีวิตนี้แม้ที่ดำรงอยู่เป็นชีวิตเปล่า
และถ้าซ้ำร้ายใช้ชีวิตนี้ประกอบกระทำการที่ชั่วผิดต่างๆ

เป็น
บาปอกุศลทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจ ก็ทำให้ชีวิตนี้เป็น ทุชีวิตะ
คือชีวิตชั่ว แต่ถ้าใช้ชีวิตนี้ประกอบคุณงามความดีต่างๆ
ประกอบกิจที่พึงทำต่างๆ ตามหน้าที่ๆ พึงกระทำของตน
ให้บรรลุถึงความสำเร็จตามที่สามารถจะพึงบรรลุได้
ก็ชื่อว่าทำชีวิตนี้ให้เป็น สุชีวิตะ คือชีวิตที่ดี
































ชีวิตดีชีวิตชั่วเนื่องกับกาลเวลา

การที่ใครจะมีชีวิตเปล่า
หรือว่ามีชีวิตชั่ว หรือว่ามีชีวิตดี ก็ย่อมเกี่ยวเนื่องกับกาลเวลา
และการงานที่ไม่กระทำ หรือกระทำในกาลเวลานั้นๆ
และก็เป็นธรรมดาที่กาลเวลานั้นๆ ไม่ใช่ล่วงไปเปล่า
ย่อมทำให้ชีวิตนี้ของทุกๆ คนล่วงไปด้วย
แต่เมื่อยังมีสันตติคือความสืบต่อของชีวิต ชีวิตก็ดำเนินต่อไปตามกาลเวลา
แต่ในที่สุดเมื่อถึงกาลเวลา กายนี้ก็ต้องแตกสลายชีวิตนี้ก็ดับ

เพราะ
ฉะนั้น จึงเรียกความดับของชีวิตดังกล่าวว่า กาลกิริยา ที่แปลว่าทำ กาละ
คือกาลเวลา อันหมายความว่าเป็นกาลเวลาที่สิ้นสุดของชีวิตในโลกนี้
เพราะฉะนั้น
ทุกคนเมื่อระลึกถึงพระพุทธภาษิตที่ตรัสเกี่ยวแก่กาลเวลาดังกล่าวมานี้
มาถูกกาลเวลากินชีวิตอยู่ทุกวันให้ล่วงไป และกาลเวลานั้นก็ล่วงไปเองด้วย
จึงเรียกว่ากินตัวเองด้วย พร้อมกับกินสัตว์ทั้งหลาย
คือทำชีวิตของสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดมาในโลกนี้ให้ล่วงไป

เพราะฉะนั้น
ทุกคนจึงสมควรที่จะน้อมระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าดังที่กล่าวมา
และปฏิบัติใช้กาลที่ล่วงไปนี้ไม่ให้เปล่าประโยชน์ ไม่ให้เป็นชีวิตเปล่า
และไม่ใช้ชีวิตประกอบบาปอกุศลทุจริตต่างๆ อันทำให้เป็นชีวิตชั่ว
และใช้กาลเวลาประกอบกิจที่พึงทำตามหน้าที่ของตน
และกิจที่พึงทำคือกุศลสุจริตต่างๆ บุญต่างๆ ตลอดถึงการปฏิบัติธรรม


๏ ความไม่ประมาทในชีวิต

และ
เพื่อให้เป็นความสำคัญของการใช้ชีวิตให้เป็นชีวิตดีดั่งนี้
จึงได้ตรัสเอาไว้อีกว่า บุคคลที่ทุศีลมีจิตไม่ตั้งมั่นในกุศลธรรมทั้งหลาย
ถึงจะดำรงชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี แต่ความดำรงชีวิตอยู่ของผู้มีศีล
มีจิตเพ่งพินิจตั้งมั่นในกุศลธรรมทั้งหลาย
เป็นอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่า ดั่งนี้

เพราะฉะนั้นจึงเป็นอัน
ว่า เมื่อทุกคนได้ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
อันเกี่ยวแก่กาลเวลาดังที่กล่าวมา และตั้งใจที่จะใช้กาลเวลาวันหนึ่งๆ
ประกอบกิจที่เป็นประโยชน์ ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในศีล
และมีจิตเพ่งพินิจตั้งมั่นอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย
หรือกล่าวโดยสรุปว่าเจริญศีลสมาธิปัญญาอยู่ทุกวันๆ
ถึงจะต้องสิ้นไปในวันนั้นก็ไม่ต้องเสียใจ
และภูมิใจว่าเราได้ใช้กาลเวลาให้เป็นประโยชน์ ประกอบกระทำกิจที่พึงทำต่างๆ
ปฏิบัติธรรมเจริญศีลสมาธิปัญญาต่างๆ

ถ้าหากว่าถึงจะมีอายุยืนนานตั้ง
ร้อยปี แต่ใช้ชีวิตให้เป็นโมฆะชีวิตคือชีวิตเปล่า
ให้เป็นทุชีวิตะคือชีวิตชั่ว ก็ไม่ประเสริฐอะไร เพราะเมื่อเป็นชีวิตเปล่า
อายุยืนไปเท่าไหร่ก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร และยิ่งซ้ำร้ายใช้ชีวิตชั่วร้าย
ยิ่งมีชีวิตยืนนานก็เป็นโอกาสให้ยิ่งประกอบความชั่วร้ายมากขึ้น
สร้างบาปอกุศลธรรมมากขึ้น
สร้างความเดือดร้อนให้บังเกิดขึ้นแก่ตนเองและผู้อื่นยิ่งขึ้น

เพราะ
ฉะนั้น เมื่อเราทำความดีในวันหนึ่งๆ ปฏิบัติเจริญศีล เจริญสมาธิ
เจริญปัญญาในวันหนึ่งๆ อยู่ทุกวัน จะตายวันไหนก็ดีทั้งนั้น
ประเสริฐทั้งนั้น ประเสริฐกว่าคนที่มีอายุยืนๆ
ตั้งร้อยแต่ว่าไม่ทำอะไรให้เป็นประโยชน์
หรือซ้ำร้ายกลับใช้ชีวิตกระทำความชั่วร้ายดังกล่าว


เพราะ
ฉะนั้น จึงสมควรที่ทุกๆ คนจะมีความตั้งใจที่จะรับฟัง
และปฏิบัติตามพระพุทธภาษิตที่ตรัสสอนนี้
เมื่อเป็นดั่งนี้แล้วก็จะทำให้ทุกคนเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ไม่ประมาทในชีวิตเป็นต้น จะใช้ชีวิตทุกวันๆ ประกอบกิจที่เป็นประโยชน์
กิจที่เป็นหน้าที่ๆ พึงทำ ปฏิบัติธรรม และเจริญศีลสมาธิปัญญา
แล้วก็ทำความสำนึกว่า เมื่อเราปฏิบัติอยู่ดังนี้เรา
ก็จะมีความอุ่นใจ มีความสบายใจ มีความสว่างใจอยู่ทุกวันๆ
จะตายวันไหนก็ไม่ต้องกลัว
เพราะว่าในปัจจุบันเรามีคติคือการไปที่ดี
เป็นสุคติ ดั่งนี้ ต่อไปก็ย่อมมีสุคติคือคติที่ดี การไปที่ดี
การถึงที่ดีไม่ต้องสงสัย จะทำให้เป็นผู้ที่ไม่กลัวตาย จะทำให้เป็นผู้กล้า
เป็นผู้ที่สามารถ ที่จะกระทำกิจที่พึงทำ ที่จะทำความดี
ที่จะปฏิบัติธรรมอยู่ทุกวันทุกเวลา

เพราะฉะนั้น
เมื่อเป็นดั่งนี้ก็ชื่อว่าเป็นผู้เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
วันนี้ก็เจริญด้วยอายุวรรณะสุขะพละ พรุ่งนี้ก็เจริญด้วยอายุวรรณะสุขะพละ
เป็นผู้ที่มีความสว่างไปอยู่ทุกวันๆ อันนี้เป็นพรสำคัญของชีวิต เพราะฉะนั้น
จึงขออำนวยพรนี้แด่ท่านสาธุชนทุกท่าน ท่านผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน
ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจปฏิบัติทำความสงบสืบต่อไป







Free TextEditor





















































 

Create Date : 07 เมษายน 2553    
Last Update : 7 เมษายน 2553 18:41:22 น.
Counter : 314 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.