จูบของลูก สำคัญไฉน



















































แม่คนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเธอ


เพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองม้วนหนึ่งซึ่งมีราคาแพง
ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง
และเธอก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษสีทองราคาแพงนั้นมาห่อ
กล่องของขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส








แต่กระนั้น...


ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้แม่ของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น
และพูดว่า "นี่สำหรับแม่ค่ะ"


แม่ของเธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้
แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่อง
เปล่าเขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า "ลูกไม่รู้จริงๆ
อย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร
มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย?"









เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา และพูดว่า

" โอ.แม่จ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม"


หญิงคนนั้นสะอึกตัวชาด้วยความเสียใจ เธอทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น
เธอขอให้ลูกสาวขอโทษให้กับท่าทางโกรธเกรี้ยวเกินเหตุของเธา
ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูกสาวของเธอคนนั้นไป
และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้นไว้ข้างเตียงตลอดชีวิตของ
เธอเลยทีเดียว และเมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกท้อแท้ใจ
หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เธอจะเปิดกล่องใบนี้
เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ
แล้วรำลึกถึงความรักของลูกน้อยที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา









ในความเป็นจริง


ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่งบรรจุด้วยความรัก
ที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจากคุณพ่อคุณแม่, ลูกๆ, สามีหรือภรรยา,
ญาติมิตรเพื่อนฝูง และที่สำคัญที่สุดคือจากพระเจ้า ไม่
มีสมบัติใดล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้วหากแต่ว่าคนเรามักจะมองของขวัญจากสิ่งที่
จับต้องได้ แต่มองไม่เห็นของขวัญแห่งความรัก และความปรารถนาดี
ที่ได้รับอยู่เสมอ.........






Free TextEditor





















































 

Create Date : 09 เมษายน 2553    
Last Update : 9 เมษายน 2553 18:04:36 น.
Counter : 589 Pageviews.  

ทายนิสัยจากการเปลื้องผ้า































































มีอะไรสนุกๆ มาให้คิดกันอีกแล้วค่ะ


ลองนึกดูสิคะว่าคุณชอบถอดเสื้อผ้าวิธีไหนเพราะเค้าว่ากันว่า

- -> กองไว้ทั่วห้อง

- -> ถอดแล้วเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ

- -> ถอดรองเท้าและถุงเท้าเก็บก่อน

- -> เปลื้องทีละชิ้นอย่างช้า ๆ สบาย ๆ

- -> เปลื้องผ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

- -> ถอดเครื่องประดับก่อน

- -> ไม่แน่นอน แต่ละวัน มักทำไม่ซ้ำกัน








1. คุณเลือกวิธีถอดผ้า แล้วกองไว้ทั่วห้อง

แสดงว่า ... คุณเป็นคนร่าเริง เฮฮา รักความสนุกสนาน มีความคิดเสรี
และมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ค่อยแคร์ใคร ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา
ก็ชีวิตนี้เป็นของคุณนี่น่า แม้ว่าห้องนอนของคุณจะรกหน่อย
แต่คุณก็มีความสุขเสมอ








2. คุณเลือกวิธีเปลื้องผ้าโดยถอดแต่ละชิ้น
แล้วเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ

แสดงว่า ... คุณเป็นคนที่จริงจังกับชีวิต เป็นคนที่รักความสงบ
ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบ เป็นขั้นตอน ระมัดระวัง
คุณยึดหลักป้องกันไว้ดีกว่าแก้








3. คุณเลือกถอดรองเท้าและถุงเท้า
แล้วจัดเก็บก่อนเสมอ

แสดงว่า ... คุณเป็นขี้อาย แต่ช่างสังเกต
คุณจึงรู้จักคนอื่นมากกว่าที่เขาคิด

คุณเป็นคนที่ระมัดระวังในการใช้ชีวิต คุณจึงใช้เวลาในการตัดสินใจนาน
และมักจะทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน แต่ก็ทุ่มเท








4. คุณค่อย ๆ เปลื้องผ้าทีละชิ้น
แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ สบาย ๆ


บางครั้งคุณอาจถอดเสื้อตัวนอกหรือเสื้อเชิ๊ตก่อน
แล้วอีกเกือบสิบนาทีคุณจึงจะถอดกางเกง แสดงว่า ....
คุณมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง
ฉลาดหลักแหลม
ช่างคิด และมักชอบแก้ปัญหายาก ๆ คุณไม่ชอบชีวิตที่เร่งรีบ
หรือการทำงานที่เร่งด่วน คุณชอบชีวิตที่เป็นอิสระ มีเวลาเป็นของตัวเอง








5.
คุณเลือกวิธีเปลื้องผ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แสดงว่า ... คุณเป็นคนที่แคร์ความคิดของคนอื่น
และมักจะสับสนกับความต้องการของตัวเอง
คุณจะเป็นคนที่ดูยุ่ง ๆ อยู่เสมอ
จึงเครียดได้ง่าย เพราะชอบคิดทีละหลายเรื่อง หรือทำหลายอย่าง..
ในเวลาเดียวกัน และมีความคาดหวังสูงคุณ ควรทำชีวิตให้ช้าลงสักนิด
หากคุณจะทำอะไร พลาดไปบ้าง คิดเสียว่าเป็นเรื่องปกติ (เพราะ
คุณไม่ใช้มิสเพอร์เฟคสักหน่อย) จะช่วยให้คุณ เครียดน้อยลง








6. คุณเลือกถอดเครื่องประดับ จำพวก แหวน ตุ้มหู
สร้อยคอ หรือนาฬิกาก่อน

แสดงว่า ... คุณเป็นคนที่อบอุ่น โรแมนติด ช่างฝัน(หวาน) และอ่อนไหวง่าย บ่อย
ครั้งที่มักเกรงใจคนอื่น แต่ก็เป็นคนที่มีคำแนะนำดี ๆ ให้กับเพื่อนฝูงเสมอ








7. คุณไม่มีวิธีการเปลื้องผ้าที่แน่นอน แต่ละวัน
มักทำไม่ซ้ำกัน

แสดงว่า ... คุณเป็นคนที่กระตือรือร้นสูง รักความสนุกสนาน แอ๊คทีฟ
ชอบการผจญภัย กล้าเสี่ยง และเป็นสาวสังคมพันธ์แท้






Free TextEditor





















































 

Create Date : 09 เมษายน 2553    
Last Update : 9 เมษายน 2553 18:02:45 น.
Counter : 342 Pageviews.  

เหตุผลที่คนต้องอยู่ร่วมกัน























































































คนชอบเอาเปรียบเพื่อน :


มีไว้เช็คน้ำใจของเพื่อนในกลุ่มได้ ว่ายังมีน้ำใจให้กันอยู่เพียงใด








คนมองโลกในแง่ร้าย :


มีไว้เพื่อให้เรารู้จักระมัดระวังตัว
และสามารถอุดช่องว่างที่คาดไม่ถึงอันอาจจะทำให้เราเกิดความเสียหายได้ ...
เมื่อจัดทีมทำงานใหญ่ ควรจะมีคนมองโลกในแง่ร้ายเอาไว้คนนึงถึงจะเข้าท่า








คนตดเหม็น :


เอาไว้สอนเราว่า กินแกงจืดวุ้นเส้นถ้วยละ 10 บาท
กับกินพระกระโดดกำแพงหม้อละหมื่น
กลิ่นเกลิ่นก็ไม่ได้ดีเลวไปกว่ากันเท่าไรนัก








คนหูตาลามก :


ชอบสอดส่ายสายตาตามร่องกระดุมหรือช่องกระโปรงที่เปิดอ้าเวลาเผลอ
คนแบบนี้มีไว้เช็คว่าเรา (เฉพาะสาวๆ) แต่งตัวเรียบร้อยมิดชิดดีหรือยัง








คนขี้นินทา :


มีไว้เพื่อเช็คว่า เราเป็นที่รักหรือที่สนใจของเพื่อนในวงการหรือไม่
หากมีใครสักคนที่ไม่ถูกนินทาเลย ... ลองสำรวจตัวเองดูหน่อย
ว่าคุณไม่มีเรื่องอะไรให้เขานินทา หรือไม่มีใครสนใจจะอยากรู้เรื่องของคุณ








คนปากไม่ตรงกับใจ :


ถ้าเขาปากไม่ตรงกับใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ละก็ ง่ายมาก เขาเป็นคนรักความจริง
คุณคุยกับเขาคุณจะได้แต่ความจริง เพียงแต่คุณต้องมาคอนเวิร์ส
"ความจริง"ของเขาในหัวสมองเอาเองก็แค่นั้นแหละ








คนปากไม่ตรงกับใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์ :


ลุ้นดีออก คุณจะได้ลุ้นว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นจริงหรือไม่
โอกาสห้าสิบห้าสิบ








คนที่มากิ๊กกับแฟนคุณ :


เอาไว้บ่งชี้ว่า คุณเลือกแฟนไม่ผิด
เพราะคนอื่นเขาก็อยากจะเลือกแฟนคุณเหมือนกัน








คนเห็นแก่ตัว :


ทำให้เรารู้ว่า เราสามารถรักษาผลประโยชน์ของเราได้อย่างไร








คนเห็นแก่เงิน :


อย่างน้อยคุณก็รู้ว่า คุณจะเจาะใจเขาได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนด้วยอะไร








บริการห่วยๆ ในร้านอาหารดีๆ :


มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องมาเสียเงินให้ร้านนั้นบ่อยครั้งจนเกินไป








พระเวียนเทียนของบิณฑบาต :


รักษาทรัพยากรของโลกดีออก ... บุญก็ได้ อาหารก็ไม่เหลือทิ้งขว้าง








ผู้กำกับหนังห่วยๆ :


ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเข้าโรงหนังมันทุกสัปดาห์








ใครบางคนที่ชอบมาหลอกให้อยากแล้วจากไป :


อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจตื่นเต้นตื่นตัวขึ้นบ้าง ดีกว่าหมดหวังไปซะทีเดียว








คนที่เรารักเขา แต่เขาดั๊นไม่รักเรา :


มีไว้ให้คุณได้ลิ้มรสความรักที่ไม่มีความหวัง แต่ก็ยังรัก ...








และคุณจะสามารถ
เป็นคนที่สามารถทำอะไรๆ ให้เพื่อนมนุษย์ได้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมากที่สุด






Free TextEditor





















































 

Create Date : 09 เมษายน 2553    
Last Update : 9 เมษายน 2553 18:00:34 น.
Counter : 361 Pageviews.  

สุขภาพหญิงกับเชื้อโรครอบตัว






























































ในขณะที่ดำเนินกิจวัตรประจำวัน
ทุกคนต้องเผชิญกับมลภาวะที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ
ที่
นับวันจะยิ่งร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค
โดยเฉพาะในที่ที่มีผู้คนหนาแน่น
มีการแบ่งปันหรือใช้สิ่งของร่วมกันคุณอาจสงสัยว่า

ผู้หญิงกับผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงรับเชื้อต่างกันหรือไม่ คงตอบได้ว่าพอๆ
กัน


แต่น่าสังเกตว่าโดยลักษณะนิสัยตามธรรมชาติ แม้ผู้หญิงจะใส่ใจความสะอาด
สนใจการดูแลสุขภาพร่างกายมากกว่าชาย
แต่ก็ต้องเผชิญกับการรับเชื้อโรคไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
ซึ่งกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่อไปนี้ล้วนเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ผู้หญิงควรให้
ความสำคัญและเอาใจใส่มากขึ้น เพื่อลดอัตราการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้น










ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะระวังเชื้อโรค
ใน
ยุคน้ำมันแพงเช่นนี้ หลายคนจึงดำเนินนโยบายรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่าย
พึ่งพาบริการรถโดยสารสาธารณะเท่าที่ทำได้ เช่น เรือ รถประจำทาง รถไฟฟ้า
หรือรถไฟใต้ดิน ซึ่งคำนวณแล้วประหยัดกว่าขับรถ
หรือนั่งรถรับจ้างสาธารณะพอสมควร

แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรคมากเช่นกันเนื่อง
จากมีผู้โดยสารใช้บริการมาก
เกิดความแออัดในห้องโดยสารที่ไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ บานกระจก บานประตู
ราวจับ เบาะโดยสาร ฯลฯ ผ่านการจับ หรือสัมผัสจากมือนับไม่ถ้วน
ซึ่งหากมีคนใดคนหนึ่งป่วย ก็อาจแพร่กระจายโรคไปสู่คนอื่นอย่างง่ายดาย
ยกตัวอย่างเช่น เชื้อไข้หวัด โรคตาแดง ผื่นคัน เป็นต้น



เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้หญิงติดนิสัยสำรวจตนเองให้ดูดี จึงอาจเผลอเสยผม ลูบผม
จับหน้า ฯลฯ เปิดโอกาสให้ร่างกายรับเชื้อง่ายขึ้น
ดังนั้นหลังจากขึ้น-ลงรถโดยสารทุกครั้งพยายามล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสหน้า
ขยี้ตา เพราะอย่างน้อยก็อาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่าย










โต๊ะทำงานแหล่งสะสมเชื้อโรค!


ฟังดูแล้วอาจไม่น่าเชื่อ แต่โต๊ะคอมพิวเตอร์มีเชื้อโรคมากกว่าโถชักโครกถึง
400 เท่า หากละเลยการทำความสะอาดโต๊ะทำงาน ไม่ได้เช็ดถูเป็นประจำทุกวัน
ยิ่งสาวๆ คนใดนิยมหยิบขนมรับประทานพลางขณะพิมพ์งาน เศษขนมเอย
ความมันของอาหารที่ติดที่มือก็ยังคงติดอยู่บนแป้นพิมพ์ โต๊ะทำงาน ฯลฯ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเชื้อโรคที่ตรวจพบบนโต๊ะทำงาน
ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แต่ก็มีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ บ้างก็เป็นไวรัสไข้หวัด
ไวรัสหูด โดยจะตรวจพบบ่อยตามโทรศัพท์ แป้นพิมพ์
เพราะทั้งสองอย่างล้วนเป็นสิ่งที่จับต้องบ่อย
ยิ่งเอื้ออำนวยให้ติดเชื้อง่ายยิ่งขึ้นหากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ


ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การทำความสะอาดโต๊ะทำงานเป็นประจำ ใช้
ทิชชูเนื้อหนา หรือผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ด ก่อนลงมือทำงานทุกเช้า
หรือใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแป้นพิมพ์สัปดาห์ละครั้งก็ยังดี
ถ้าเป็นหูโทรศัพท์ให้ใช้แอลกอฮอล์ชุบสำลีเช็ดบางๆ
และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนจับ หรือสัมผัสหน้า































หุ่นสวยที่ฟิตเนสแต่กลับติดเชื้อที่ผิวหนังแทน?
โดย
ทั่วไปฟิตเนสที่ได้มาตรฐานจะมีการจัดการและดูแลความสะอาดอย่างดี
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน
จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องน้ำ
ซึ่งเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อไวรัสและราอย่างดี
เพราะทั้งเปียกและชื้นจากเหงื่อหรือน้ำเฉอะแฉะในห้องอาบน้ำ
ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คนเดินย่ำไปมาทำให้เชื้อโรคอาศัยอยู่ตามพื้น
โรคส่วนใหญ่ที่เกิดคือ หูดที่เกิดจากไวรัส
หรืออาการคันตามง่ามนิ้วเท้าจากการติดเชื้อรา


ดังนั้นจึงควรใส่รองเท้าฟองน้ำก่อนเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
และไม่ควรเดินเท้าเปล่าบริเวณห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า



นอกจากนี้หลังออกกำลังกายอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
ให้เช็ดเท้าให้แห้งทุกครั้งก่อนสวมใส่รองเท้า เปลี่ยนใส่ถุงเท้าคู่ใหม่
เพื่อป้องกันเท้าอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดเชื้อราที่เท้าเช่นกัน
ส่วนหญิงที่ติดเล็บปลอม หรือต่อเล็บอะคริลิค
ยิ่งต้องใส่ใจทำความสะอาดเล็บยิ่งกว่าคนอื่น
เนื่องจากการติดเล็บปลอมทำให้เชื้อแบคทีเรีย
และยีสต์เข้าไปซุกซ่อนตามขอบเล็บ และเข้าไปเติบโตได้ง่าย
ดังนั้นหยิบจับสิ่งใดต้องหมั่นใช้แปรงขัดเล็บให้สะอาด
หรือหากต้องสัมผัสอาหารด้วยมือโดยตรง ควรล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ










ทำธุระเบาหรือหนัก
ตามห้องน้ำสาธารณะยิ่งต้องระวัง


ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง ไปไหนมาไหนต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเป็นอันดับแรกๆ
การเข้าห้องน้ำยิ่งต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ ห้องน้ำปกติเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากมาย
แม้แต่ห้องน้ำส่วนตัวที่ใช้เป็นประจำทุกวันยังมั่นใจในความสะอาดได้ไม่ถึง
100% เมื่อไปใช้ห้องน้ำสาธารณะ ความมั่นใจยิ่งลดลงหลายเท่าตัว


ในกรณีห้องน้ำชักโครก ก่อนนั่งควรทำความสะอาดฝารองนั่งให้สะอาด
ใช้ทิชชูแบบเปียกชนิดฆ่าเชื้อ กระดาษชำระเช็ดให้สะอาด
หรือปูกระดาษรองนั่งก่อนทำธุระ (พกติดกระเป๋าไว้)
นอกจากนี้ยังต้อง
สังเกตว่าสายชำระสะอาดหรือไม่ ทางที่ดีควรฉีดให้น้ำไหลทิ้งประมาณ 1 นาที
เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ปะปนบริเวณรอบๆ สายชำระ หากมีสนิมขึ้นบริเวณหัวฉีด
แนะนำให้ใช้ทิชชู ดีกว่า
สุดท้ายหลังทำธุระทุกครั้งต้องล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดทุกครั้ง










อุปกรณ์แต่งหน้าเพิ่มความสวยแต่เต็มไปด้วยเชื้อ
โรค
อุปกรณ์แต่งหน้าไม่ว่าจะเป็นฟองน้ำ
แปรงแต่งหน้าซึ่งทำจากขนประเภทใด
เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคผิวหนัง เช่น
สิวอักเสบ หรือตาแดง จากเชื้อ Staphylococcus

ดังนั้นก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง
ต้องทำความสะอาดใบหน้าและมือทุกครั้ง หมั่นล้างพวกฟองน้ำ
แปรงแต่งหน้าทุกอาทิตย์ ตากให้แห้งในที่ลมพัด อากาศถ่ายเท
จนกระทั่งแห้งสนิทค่อยเก็บไปใช้ หรือหากไม่มีเวลาให้เช็ดแปรงต่างๆ
ด้วยแอลกอฮอล์ ที่สำคัญต้องไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น




เพราะยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อ แพร่กระจายเชื้อได้อย่างดี
ยกตัวอย่างเช่น เคาน์เตอร์เครื่องสำอางตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
มักมีบริการทดลองแต่งหน้าแก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งอุปกรณ์แต่งหน้ามักต้องแบ่งใช้
หากสังเกตดีๆ บางแห่งใช้จนฟองน้ำกลายเป็นสีคล้ำ
แปรงแต่งหน้ามีฝุ่นจากเครื่องสำอางจับหนา

ดังนั้นหากต้องการทดลองแต่งหน้า
สามารถบอกให้ช่างทำความสะอาดอุปกรณ์ก่อนทุกครั้ง

หรือยื่นอุปกรณ์แต่งหน้าส่วนตัวให้ใช้จะดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาสคาร่า
และลิปสติกแบบน้ำ ซึ่งต้องสัมผัสกับขนตา และผิวหนังโดยตรง หากลองใช้
อาจติดเชื้อตาอักเสบ หรือเป็นเริมที่ริมฝีปากเป็นของแถม
แทนที่จะสวยกลับต้องไปหาหมอ เสียเงินรักษา










โดยธรรมชาติผู้หญิงถูกกำหนดให้มีทรวดทรง
รูปร่างที่ซับซ้อน รักความสวยงาม มักมีการปรับปรุงแต่งเติมต่างๆ
จึง
จำเป็นต้องใส่ใจรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ ดังนั้นสภาพแวดล้อมใดที่เป็นปัจจัย
ที่ทำให้ติดเชื้อง่าย ก็ควรหลีกเลี่ยง หาทางป้องกันเสียก่อน

เพราะหากเป็นขึ้นมาแล้วจะยิ่งดูแลลำบากมากขึ้น
แม้ว่าเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก แต่หากหมั่นดูแลร่างกาย
จะสบายและภูมิใจที่เป็นหญิงค่ะ






Free TextEditor





















































 

Create Date : 09 เมษายน 2553    
Last Update : 9 เมษายน 2553 16:27:05 น.
Counter : 412 Pageviews.  

กฎ ๕ ข้อ สำหรับการหาคู่ชีวิต

<table width="100%" cellspacing="0" cellpadding="3" border="0" align="center">
    <tbody>
      <tr bgcolor="#ffffcc">
        <td valign="center"><br /></td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2">
                  <table cellspacing="2" cellpadding="2" border="0" bgcolor="#f5f5f5" align="left">
                    <tbody>
                      <tr>
                        <td><img align="left" src="//variety.teenee.com/foodforbrain/img0/3099.jpg" /></td>
                      </tr>
                      <tr>
                        <td align="center"><br /></td>
                      </tr>
                    </tbody>
                  </table> <br />
                </td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>ที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์ในชีวิตคู่กล่าวถึงกฎ
ข้อที่ใช้ในการประเมินโอกาสของความสำเร็จในระยะยาว <br /></strong></font>เมื่อถึง
เวลาที่จะต้องตัดสินใจเลือกคู่ชีวิตคงไม่มีใครอยากตัดสินใจผิดพลาด
แต่กระนั้นก็ตามจากอัตราของการหย่าร้างเกือบ ๕๐%
ดูเหมือนว่ามีคนมากมายที่กำลังทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในวิธีการเสาะหา
Mr./Mrs.Right ของตัวเอง <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">ถ้าคุณลองถามบรรดาคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานว่า
ทำไมพวกเขาจึงตัดสินใจแต่งงานพวกเขาจะตอบว่า </font></strong><br /> <br />
&quot;เพราะเรารักกัน &quot;
ซึ่งผมคิดว่าเป็นความผิดพลาดอันดับแรกที่คนมักจะทำเวลาคบกับใครสักคน <br /> <br />
การเลือกคู่ชีวิตไม่ควรที่จะมีพื้นฐานมาจากความรัก (เพียงอย่างเดียว)
ถึงแม้ว่ามันจะฟังไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่
แต่มันมีความจริงที่มีความหมายลึกซึ้งในเรื่องนี้ <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">ความรัก (เพียงอย่างเดียว)
ไม่ใช่พื้นฐานการแต่งงาน
แต่ความรักเป็นผลลัพธ์จากการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จต่างหาก </font></strong><br /> <br />
เมื่อส่วนอื่นๆ ประกอบกันเข้าอย่างลงตัวแล้ว
เมื่อนั้นความรักก็จะบังเกิดขึ้น ขอให้ผมได้พูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
คุณไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ยืนยาวตลอดชีวิตได้จากความรักเพียงอย่าง
เดียว <br />
คุณต้องการมากกว่านั้นมาก <br /> <br /> <br /> <br /> <br /></td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>ต่อไปนี้เป็น ๕ คำถามที่คุณจะต้องถามตัวเอง
ถ้าคุณจะจริงจังกับการค้นหาและรักษาคู่ชีวิต <br /></strong></font><br /> <br /> <strong>คำถามที่ ๑ </strong><br /> <br />
เราทั้งคู่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่เหมือนกันหรือไม่?
ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญมากนัก? ผมขอให้คำอธิบายแบบนี้ <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">ถ้าคุณแต่งงานเป็นเวลาสัก ๒๐ หรือ ๓๐ ปี <br />
นั่นเป็นเวลาที่ยาวนานที่จะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน </font></strong><br /> <br /> <strong>คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรด้วยกันในช่วงเวลานั้น? เดินทางท่องเที่ยว กินอาหาร
 หรือไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน?</strong> <br /> <br />
คุณจะต้องมีส่วนร่วมในสิ่งที่ลึกซึ้งและมีความหมายมากกว่านั้นมาก <br />
คุณจะต้องมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่เหมือนกัน
ความสัมพันธ์ในชีวิตการแต่งงานจะเป็นไปได้สองทาง <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">คุณสองคนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น
หรือคุณจะรู้สึกห่างกันออกไป</font></strong><font color="#ff00ff">
คู่ที่แต่งงานแล้ว ๕๐% รู้สึกว่ายิ่งนานยิ่งห่างกันออกไป </font><br /> <br />
การจะทำให้การแต่งงานประสบความสำเร็จ
คุณจะต้องรู้ว่าคุณต้องการและคาดหวังอะไรจากชีวิตของคุณ ตัดสินใจให้ดี
จงเลือกแต่งงานกับคนที่ต้องการในสิ่งที่เหมือนๆกัน <br /> <br /> <br /></td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>คำถามที่ ๒ <br /></strong></font><br /> <br />
ฉันรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความรู้สึกหรือความคิดเห็นของฉันกับคนๆ
นี้หรือไม่? <br /> <strong>คำถามนี้เจาะลึกลงไปถึงแก่นแท้ของคุณภาพของความสัมพันธ์ของคุณ </strong><br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">การรู้สึกปลอดภัยหมายความว่าคุณสามารถจะพูดคุย
สื่อสารกับคนคนนี้ได้อย่างเปิดเผย พื้นฐานของการสื่อสารที่ดี คือ
ความไว้เนื้อเชื่อใจ </font></strong><br /> <br />
นั่นคือ เชื่อใจว่าฉันจะไม่ถูก<strong> &quot;ลงโทษ &quot;</strong> หรือ <strong>&quot;รู้สึกเจ็บปวด &quot;</strong>
 ที่จะแสดงความเห็นและความรู้สึกที่แท้จริงออกมา <br /> <br /> <br />
เพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งให้ความหมายของ คนที่มีความทารุณ
ว่าเป็นคนที่เรารู้สึกกลัวที่จะแสดงความคิดเห็นหรือระบายความในใจให้ฟัง
จงซื่อสัตย์กับตัวเองในเรื่องนี้
คุณต้องมั่นใจว่าคุณรู้สึกปลอดภัยในด้านอารมณ์กับคนที่คุณตั้งใจจะแต่งงาน
ด้วย <br /> <br /> <br /></td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2">
                  <table cellspacing="2" cellpadding="2" border="0" bgcolor="#f5f5f5" align="left">
                    <tbody>
                      <tr>
                        <td><img align="left" src="//variety.teenee.com/foodforbrain/img0/3103.jpg" /></td>
                      </tr>
                      <tr>
                        <td align="center"><br /></td>
                      </tr>
                    </tbody>
                  </table> <br />
                </td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>คำถามที่ ๓ <br /></strong></font><br /> <br /> <strong>เขาเป็นคนที่เรียกว่า Mensch หรือเปล่า?</strong> <br />
คำว่า Mensch หมายถึง คนที่มีความบริสุทธิ์และละเอียดอ่อนลึกซึ้ง <br /> <br /> <strong>คุณจะทดสอบได้อย่างไร?</strong> <br /> <br />
ต่อไปนี้เป็นข้อเสนอแนะของผม ลองดูว่า
พวกเขาพยายามสร้างพัฒนาการของตัวเองอย่างสม่ำเสมอหรือเปล่า? <br />
พวกเขาจริงจังกับการปรับปรุงตัวเองหรือเปล่า? <br /> <br /> <br />
ครูคนหนึ่งของผมให้นิยามของ <strong>&quot;คนดี &quot; </strong>ว่าเป็น <br />
&quot;คนที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเป็นคนดีและทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ตลอดเวลา &quot; <br /> <br /> <br />
ดังนั้นลองคิดถึงคนคนนั้นของคุณ เขาใช้เวลาของเขาอย่างไร? <br />
เขาเป็นพวกวัตถุนิยมหรือเปล่า?
ปกติแล้วพวกวัตถุนิยมมักจะไม่ใช่คนคิดว่าสิ่งที่<br /> <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">สำคัญที่สุดคือการพัฒนาตัวเอง</font></strong><font color="#ff00ff"> <br />
จริงๆ แล้วในโลกนี้มีคนอยู่แค่ ๒ ประเภท คือ </font><br /> <br />
คนที่มุ่งมั่นกับความเติบโต และพัฒนาการของตัวเอง
และคนที่มุ่งมั่นกับการมองหาความสะดวกสบาย <br /> <br />
คนที่เป้าหมายของชีวิตคือความสะดวกสบาย <br />
มักจะนึกถึงความสบายส่วนตัวก่อนการทำในสิ่งที่ถูกต้อง <br /> <br /> <strong>คุณจะต้องรู้สิ่งเหล่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงาน</strong> <br /> <br /> <br /> <br /></td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>คำถามที่ ๔ <br /></strong></font><br /> <br /> <strong>เขาหรือเธอคนนั้นปฏิบัติต่อคนอื่นๆ อย่างไร?</strong> <br /> <br />
สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากใน การที่จะทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี
คือ การรู้จักให้ <br /> <br />
คำว่า การให้ นี้จะหมายถึง
ความสามารถในที่จะให้ความสบายใจและความสุขแก่ผู้อื่น
ลองถามตัวเองดูว่าคนคนนี้เป็นคนที่มีความสุขกับการให้ความสุขกับคนอื่นๆ
หรือ เขาเป็นคนที่เก็บมันไว้กับตัวเองและคิดถึงแต่ตัวเอง?
การที่จะวัดในเรื่องนี้ <br /> <br /> <strong>ลองคิดถึงสิ่งต่อไปนี้ดู </strong><br />
เขาปฏิบัติตัวอย่างไรกับบุคคลที่เขาไม่จำเป็นต้องทำดีด้วย เช่น <br />
พนักงานเสิร์ฟ กระเป๋ารถเมล์ คนขับรถแท็กซี่ หรือคนอื่นๆ
เขาปฏิบัติอย่างไรกับพ่อแม่หรือพี่น้องของเขา <br /> <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">เขามีความกตัญญูและรู้คุณคนหรือไม่
เขามีความเคารพหรือไม่ <br />
ถ้าเขาไม่มีความกตัญญูรู้คุณต่อคนที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเขา </font></strong><br /> <br />
คุณไม่สามารถคาดหวังให้เขาเห็นมีความกตัญญูต่อคุณ <br />
ซึ่งไม่สามารถจะทำให้ได้มากเท่ากับครอบครัวของเขา <br /> <br /> <br /></td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2">
                  <table cellspacing="2" cellpadding="2" border="0" bgcolor="#f5f5f5" align="left">
                    <tbody>
                      <tr>
                        <td><img align="left" src="//variety.teenee.com/foodforbrain/img0/3106.jpg" /></td>
                      </tr>
                      <tr>
                        <td align="center"><br /></td>
                      </tr>
                    </tbody>
                  </table> <br />
                </td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>คำถามที่ ๕ <br /></strong></font><br /> <br />
มีสิ่งใดเกี่ยวกับคนคนนี้ที่ฉันหวังจะเปลี่ยนแปลงหลังจากแต่งงานแล้วหรือ
ไม่? <br />
คนมากมายคิดผิดพลาดอย่างมากในการแต่งงานกับคนใดคนหนึ่ง <br /> <br /> <br />
โดยตั้งใจว่าจะพยายามปรับปรุงเขาหลังจะที่ได้แต่งงานไปแล้ว <br />
อย่างที่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของผมเคยพูดไว้ <br /> <br /> <strong>&quot;คุณอาจจะสามารถคาดหวังว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้หลังจากแต่งงานไปแล้ว
แต่เป็นการเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงเท่านั้น &quot;</strong> <br /> <br />
ถ้าคุณไม่สามารถยอมรับคนคนนี้อย่างที่เขาเป็นได้อย่างเต็มใจ
คุณก็ยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับเขา <br /> <br /> <br /> <br /></td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
      <tr>
        <td valign="top" align="center">
          <table width="95%" cellspacing="2" cellpadding="2" border="0">
            <tbody>
              <tr>
                <td valign="top" class="A2"> <font color="#003399"><strong>สรุปก็คือ <br /></strong></font><br /> <br /> <strong>การจะออกเดทหรือลองคบกับใครสักคนไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องยากหรือน่า
หวั่นใจ</strong> <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">สิ่งสำคัญ</font></strong> คือ
การพยายามที่จะนำการตัดสินใจด้วยสมองให้มากขึ้น และใช้หัวใจให้น้อยลง <br /> <br />
มันจะให้ผลคุ้มค่าในการที่จะมองถึงจุดประสงค์ให้มากที่สุดเมื่อคุณคบกับใคร
สักคน <br /> <br />
อย่าลืมที่จะถามคำถามที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงเรื่องที่เป็นสิ่งสำคัญ
การมีความรักเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอด <br /> <br /> <strong><font color="#ff00ff">แต่เมื่อคุณตื่นขึ้นพร้อมกับแหวนแต่งงานสวมอยู่
ที่นิ้วนาง คุณไม่ต้องการจะพบว่าคุณกำลังมีปัญหา
เพียงเพราะว่าคุณไม่ได้ทำการบ้านที่คุณควรจะต้องทำ</font></strong><br /> <br /> <br /> </td>
              </tr>
            </tbody>
          </table>
        </td>
      </tr>
    </tbody>
  </table>


<br><br><a href=//www.pantip.com/cafe/richtext/ target=_blank>Free TextEditor</a>





















































 

Create Date : 09 เมษายน 2553    
Last Update : 9 เมษายน 2553 16:23:41 น.
Counter : 407 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.