ผลจากการศึกษาและ
ค้นคว้าวิจัยของ อาจารย์หทัยพร ศิรินามารัตนะ ภาควิชาเภสัชเวท
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ให้ความรู้ว่าการทดสอบน้ำผึ้งว่าเป็นของแท้หรือไม่ ถ้าจะให้ถูกต้องแม่นยำ
ต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทดสอบปริมาณกลูโคส ไม่มีวิธีการทดสอบง่ายๆ
อย่างที่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม
มีหลักเกณฑ์วิธีที่พอจะใช้ได้สำหรับดูหรือสังเกตน้ำผึ้งแท้และดีได้ ดังนี้
1.น้ำผึ้งควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้
ที่ระบุไว้บนฉลากข้างขวดน้ำผึ้ง เช่น น้ำผึ้งลำไยก็ควรมีกลิ่นของลำไย
เป็นต้น
2.น้ำผึ้งต้องมีความหนืด แม้ในอากาศร้อนหรืออุณหภูมิห้อง
3.น้ำ
ผึ้งต้องมีสีอ่อนตามธรรมชาติที่ได้เก็บเกี่ยวมา
ถ้ามีสีเข้มมากจนดำแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งที่เก็บมานานแล้ว
ซึ่งน้ำผึ้งที่เก็บมานานคุณประโยชน์ก็จะลดลงเรื่อยๆ
ดังนั้นควรดูวันหมดอายุที่ข้างขวด แต่ทั้งนี้เป็นข้อมูลที่ไม่เที่ยงตรงนัก
เพราะน้ำผึ้งอาจถูกเก็บไว้นานเป็นปีก่อนนำมาขาย
4.น้ำผึ้งต้องไม่แยก
ชั้น ต้องอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน
แม้ในบางครั้งอาจพบน้ำผึ้งเกิดการตกผลึกเนื่องจากเป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากการ
เลี้ยงด้วยดอกไม้ต่างชนิดกัน
แต่น้ำผึ้งแท้ที่ตกผลึกจะมีผลึกเป็นแท่งเหลี่ยมแหลมเปราะบาง
และถ้าตกผลึกทั้งขวดจะมองเห็นสีผลึกเป็นสีเดียวกันทั้งขวด
ไม่เป็นสีเข้มปนสีอ่อนตกผลึกอยู่ที่ก้นขวด
เหนือผลึกขึ้นมาเป็นของเหลวและสีของเหลวนั้นมีสีเข้มกว่าผลึกอย่างเห็นได้
ชัด เรียกลักษณะนี้ว่าน้ำผึ้งตกตะกอน
โดยทดสอบน้ำผึ้งที่ตกตะกอนได้โดยนำไปแช่ตู้เย็นจะเห็นได้ชัดเจนและรวดเร็ว
ขึ้น
5.น้ำผึ้งต้องสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน
ถ้ามีแสดงว่าวิธีการเก็บเกี่ยวไม่ดี
ถ้าดูน้ำผึ้งไม่เป็นเลยก็อาจดู
จากฉลาก บริษัทผู้ผลิตว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
ได้รับการรับรองจากองคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่
เป็นแนวทางในการเลือกซื้อ
และเมื่อได้น้ำผึ้งที่ดีแล้วต้องเก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บในที่เย็น
แต่ไม่ควรแช่ตู้เย็น (อุณหภูมิห้องทั่วไปที่ไม่ร้อนมากนัก)
และควรเก็บในขวดปากแคบ
ถ้ารับประทานน้ำผึ้งทุกวันให้แบ่งน้ำผึ้งออกมาไว้ในขวดปากกว้างเพื่อสะดวก
ต่อการใช้และทำให้เก็บน้ำผึ้งได้นานไม่เสียง่าย
ส่วนการทดสอบทาง
วิทยาศาสตร์ น้ำผึ้งคือผลิตผลของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่งน้ำหวานอื่นๆ
ที่ผึ้งนำมาเก็บสะสมไว้ในรังผึ้ง ประกอบด้วย
1.น้ำ
โดยน้ำผึ้งจะประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกินร้อยละ 20
2.คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่มากที่สุด
คือมีปริมาณร้อยละ 79 ในรูปของน้ำตาลฟรักโทส และกลูโคส
โดยมีปริมาณน้ำตาลฟรักโทส มากกว่าน้ำตาลกลูโคสเล็กน้อย
ทำให้น้ำผึ้งไม่ตกผลึก และมีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่น
3.กรด มีประมาณร้อยละ 0.5
ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย โดยกรดที่พบมากคือกรดกลูโคนิก
4.แร่
ธาตุ มีประมาณร้อยละ 0.5 ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม โปตัสเซียม ฟอสฟอรัส
โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้มจะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มีสีอ่อน
5.วิตามิน
เช่น ไรโบเฟลวิน ไนอะซิน เป็นต้น