นายกฯแสดงวิสัยทัศน์ประชุม G20 –พบ สี จิ้นผิงเพิ่มสัมพันธ์ดึงนักท่องเที่ยวจีนมาไทยดูแลอย่างดี-เร่งขนส



นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ในกลุ่ม จี 20 ประสานนโยบายและแนวทางการพัฒนาใหม่เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจ เผยจีนสร้างสะพานเชื่อม G 77-G 20 สอดคล้องกับแนวนโยบายของไทย พบประธานาธิบดีจีนเดินหน้าการขนส่งระบบรางไทย-จีน เหตุล่าช้าเพราะติดบางข้อกฎหมาย

 

เมื่อเวลา 10.05 น. วันที่ 5 กันยายน 2559 ตามเวลาท้องถิ่นเมืองหางโจว ประเทศจีน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมฯหัวข้อ “การประสานนโยบายและแนวทางการพัฒนาใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (Strengthening Policy Coordination and Breaking a New Path for Growth) โดยพลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความประทับใจงานเลี้ยงต้อนรับที่อบอุ่นและการแสดงที่อลังการผสมผสานอารยธรรมจีนและตะวันตกอย่างลงตัวผ่านการใช้เทคโนโลยีทันสมัย พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่เชิญไทยในฐานะประธาน G77เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ โดยให้ความสำคัญกับวาระการพัฒนาและสะท้อนบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีนในการสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง G20 และ G77 ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและเผชิญกับความท้าทายในหลากมิติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันมากขึ้นโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือรูปแบบใหม่เพื่อเป็น “ยานยนต์แห่งศตวรรษที่ 21”ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกสู่แนวทางการพัฒนาใหม่ (New Path of Growth) ต้องกล้าคิดนอกกรอบและก้าวข้ามเส้นแบ่งในรูปแบบเดิมๆ เพื่อสร้างหุ้นส่วนระดับโลก ที่ไม่จำกัดรูปแบบของความร่วมมือ

ทั้งนี้ ในการผลักดันความร่วมมือใหม่เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ต้องลงมือทำใน 3 ส่วน ดังนี้

ประการที่หนึ่งการประสานนโยบายและความร่วมมือเพื่อให้โอกาสและทางเลือกและไม่ปิดกั้นประเทศกำลังพัฒนา

ประการที่สองการให้ความสำคัญกับการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากภายใน ได้แก่ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการส่งเสริม SMEs

ประการที่สามสนับสนุนทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วม ผ่านกลไกประชารัฐ เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากภายในลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งไทยเองได้พยายามเร่งแก้ไขปัญหาภายในควบคู่ไปกับการพัฒนา

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวสนับสนุนวาระการปฏิรูปของ G20 ที่เน้นการเติบโตที่เข้มแข็งยั่งยืนและสมดุล “ในฐานะตัวแทนของ G77 ขอให้ G20 ร่วมมือร่วมใจ โดยอาศัยประสบการณ์ และทรัพยากรที่มีอยู่ เป็นผู้นำขับเคลื่อนยานยนต์ใหม่ที่จะนำพาโลกไปสู่แนวทางการพัฒนาใหม่อย่างยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังดังคำกล่าวที่ว่า แข็งแกร่งไปด้วยกัน”

นายกฯพบสี จิ้นผิง คุยทวิภาคี

ก่อนหน้านี้เมื่อ เวลา 20.30 น. วันที่ 4 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ณ โรงแรมเจ้อเจียงซีจื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง (H.E. Mr. Xi Jinping) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม 20 (G20) ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า ประธานาธิบดีจีนกล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีในการประชุมผู้นำกลุ่ม จี 20 ณ นครหางโจว พร้อมกล่าวว่า ไทยและจีนควรส่งเสริมการติดต่อประสานงานและแสวงหาความร่วมมือเพื่อที่จะหาทางรับมือกับการท้าทายอย่างเหมาะสม รวมถึงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศและเอเชียโดยรวม

ทั้งนี้ จีนให้ความสำคัญเป็นอย่างสูงต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับไทยในการผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างทั้งสองฝ่ายให้พัฒนาก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณจีนที่ให้เกียรติเชิญไทยในฐานะประธาน G77 เข้าร่วมการประชุม G20 ในปีนี้ พร้อมชื่นชมการแสดงวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของประธานาธิบดีจีน ที่เชื่อมโยงระหว่างกลุ่ม G20 และกลุ่ม G77 แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อทุกประเทศ และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณชาวจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นจำนวนมาก พร้อมย้ำว่าได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของไทยดูแลชาวจีนเป็นอย่างดี

สำหรับความร่วมมือการขนส่งระบบรางไทย-จีน ประธานาธิบดีจีนพร้อมดำเนินความร่วมมือกับไทยต่อไป ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความร่วมมือการขนส่งระบบรางไทย-จีน จะต้องดำเนินต่อไป แต่ที่เกิดความล่าช้าเพราะติดขัดข้อกฎหมายบางประการ

รายงานข่าวเปิดเผยว่าหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดการประชุมกลุ่มจี 20 ที่สิ้นสุดลงวันที่ 5 กันยายนแล้วจากนั้นจะบินต่อไปไปร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มอาเซียน+3 ที่นครเวียงจันทน์ ประเทศสปป.ลาวที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน นี้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 06 กันยายน 2559    
Last Update : 6 กันยายน 2559 8:24:20 น.
Counter : 239 Pageviews.  

แสงอัจฉริยะ (Smart Lighting) วิถีใหม่การใช้แสงไฟสำหรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอล



"แสงคือชีวิต" คำกล่าวนี้คงจะไม่ได้กล่าวอ้างเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของเราไม่ได้ถูกจำกัดเพียงเฉพาะในเวลากลางวัน ที่ต้องพึ่งพาอาศัยแสงไฟธรรมชาติจากดวงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว แสงก่อให้เกิดการพัฒนาให้กับชีวิตในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านการอยู่อาศัย การศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข การประกอบธุรกิจ ไปจนถึงการตอบสนองไลฟ์สไตล์เพื่อความบันเทิง

ปัจจุบัน..เมื่อไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ก้าวข้ามสู่ยุคดิจิตอลที่สามารถเชื่อมโลกทั้งใบไว้ในสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และ Wi-Fi ความเร็วสูงที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตเพียงปลายนิ้วสัมผัสได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งหากย้อนกลับเมื่อ 20 ปีก่อน เราอาจจะคิดว่าเป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ล้ำอนาคตเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงยุคนี้ เมื่อชีวิตสมาร์ต...การใช้แสงไฟของเราก็พัฒนาสู่ "ระบบแสงอัจฉริยะ (Smart Lighting)" ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยี พัฒนาหลอดไฟที่ไม่เพียงแค่ให้แสงและความสว่าง แต่ยังมาพร้อมกับ "ความอัจฉริยะ" ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิต เพิ่มความปลอดภัย และลดการใช้พลังงานไปพร้อมๆ กัน

นางสาวพาขวัญ เจียมจิโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด ผู้จัดงาน Thailand Lighting Fair 2016กล่าวว่า "Smart Lighting เป็นเทคโนโลยีการออกแบบแสงสว่างให้ได้ซึ่งประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และตอบสนองการควบคุมแบบอัตโนมัติให้เป็นไปตามไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของแต่ละคน โดยตั้งค่าโปรแกรมข้อมูลไว้สำหรับช่วงเวลาในแต่ะวัน หรือสามารถปรับเลือกใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการในช่วงเวลานั้น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังระบบแสงอัจฉริยะยังให้ประโยชน์ในด้านความสวยงามและการสร้างบรรยากาศ ซึ่งความสวยงามของแสงก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ผู้ออกแบบระบบโคมไฟและแสงสว่างคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะรวมไปถึงงานแสงสว่างทั่วไป (General Lighting) แสงเพื่อควบคุมบรรยากาศ (Ambient Lighting) และแสงที่ให้บรรยากาศ (Accent Lighting)"

ในปี 2563 สำหรับรูปแบบของเทคโนโลยีจะถูกพัฒนาไปในรูปแบบของการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Energy Efficiency) เนื่องจากปัญหาสภาวะโลกร้อน และปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น และกฎหมายในการประหยัดและอนุรักษ์พลังงานของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ส่งผลให้ทางด้านตลาดไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ (Smart Lighting)ทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตอย่างเด่นชัด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อการประหยัดงานและโซลูชั่นที่สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จากผลการศึกษาของ MarketsandMarkets ในหัวข้อ "Smart Lighting Market - Global Forecast to 2020" คาดการณ์ว่าตลาดไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะจะมีมูลค่าสูงถึง 244,000 ล้านบาท (8,140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึงร้อยละ 22.07

วิวัฒนการของ "ระบบแสงอัจฉริยะ"

แนวคิดของระบบแสงอัจฉริยะ (Smart Lighting)เกิดจากความต้องการใช้แสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์เพื่อลดการใช้แสงที่มนุษย์สร้างขึ้น และการควบคุมการใช้แสงไฟ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่พัฒนาให้เกิดการคิดค้น ระบบแสงอัจฉริยะคือความต้องการที่จะลดการใช้พลังงาน ซึ่งจัดการควบคุมแสงสว่างแบบ Smart Lighting เป็นวิธีการที่ช่วยในการลดและประหยัดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ทั้งจากการควบคุมระยะไกล การทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อน แสงและการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ความสามารถนี้ช่วยประหยัดพลังงานและช่วยเพิ่มความสะดวกสบายจากการออกแบบแสงสว่างที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน
ในอดีต แสงไฟที่นิยมใช้คือแสงของหลอดฮาโลเจน เป็นหลอดขนาดเล็กที่ให้แสงสว่างและควบคุมลำแสงได้ดี อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับสวิตซ์ปรับแสง (Dimmer) ได้อีกด้วย แต่ข้อเสียคือมีอายุการใช้งานน้อย เปลืองพลังงาน และยังให้ความร้อนเช่นเดียวกับหลอดไส้ (Incandensence) ทำให้มีความร้อนสะสมเพิ่มอุณหภูมิภายในห้องอีกด้วย

ต่อมาได้มีการพัฒนาหลอดไฟ LED และมีการนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายด้วยประสิทธิภาพที่มีมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทั้งในเรื่องของการประหยัดพลังงานถึง 3 เท่าในปริมาณแสงสว่างที่เท่ากัน ราคาที่ถูกลงกว่าเดิม อีกทั้งยังพัฒนาให้มีแสง Warm White ที่สามารถทดแทนแสงจากฮาโลเจน และยังเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Dimmer ได้อีกด้วย นอกจากนี้ความปลอดภัยจากการใช้หลอดไฟ LED ทำให้แสงสว่างที่ได้จากการใช้งานไม่เกิดอันตรายจากรังสีอินฟาเรด รังสีอัลตร้าไวโอเลท สารปอท และการไม่เกิดการกระพริบของแสงซึ่งเป็นอันตรายต่อสายตา และจากการที่หลอดไฟ LED ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมากทำให้ลดการสูญเสียไฟฟ้าในส่วนของเครื่องปรับอากาศ ช่วยทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย

หลอดไฟ LED จึงตอบโจทย์ในเรื่องของการประหยัดพลังงานและความต้องการของไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นหลอดไฟ LED มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้มีแนวโน้มว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้หลอดไฟ LED ให้แสงสว่างแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ทั้งหมด

ปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ในยุคของ Digitalisation ที่การติดต่อสื่อสารมีอิทธิพลในการใช้ชีวิตของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ประกอบกับในชีวิตประจำวันที่สะดวกสบายมากขึ้นสามารถดูหนังได้ทุกที่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและ Wi-Fi หรือแม้กระทั่งสามารถควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย เปิดปิดประตูบ้าน เปิดแอร์ ไปจนถึงการควบคุมแสงสว่างจากหน้าจอมือถือ ระบบที่เข้ามาจัดการควบคุมและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานเรียกคลอบคลุมได้ว่าระบบ Smart System ซึ่งถ้าหากเป็นระบบที่ควบคุมเฉพาะแสงสว่างจะเรียกว่า Smart Lighting หรือนวัตกรรมเทคโนโลยีไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ

การใช้แสงแบบลดแสงอัตโนมัติ (Dimmer System) เป็นลักษณะของ Smart Lighting ที่ทำหน้าที่ในการลดการใช้พลังงาน วัตถุประสงค์หลักของการหรี่ไฟ หรือ Dim ไฟก็เพื่อความสวยงามและเพื่อการประหยัดพลังงาน เกิดจากการควบคุมการเปิดปิดที่เหมาะสม เป็นแนวทางการบริหารจัดการพลังงาน

การใช้เซ็นเซอร์ Daylight ตรวจจับ - เป็นการตั้งการค่าการเปิดปิดแสงสว่างอัตโนมัติโดยวัดจากระดับความเข้มข้นของแสงจากธรรมชาติโดยรอบเพื่อลดการใช้พลังงาน เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แต่แสงและระบบเหล่านี้ยังไม่ค่อยมีความเสถียร เนื่องจากหลายครั้งที่อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบ่อยครั้งที่ไฟอาจจะปิดและเปิดไม่เป็นเวลาก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนหรือเมื่อช่วงเวลาในเวลากลางวันที่มีความเปลี่ยนแปลงรอบชั่วโมงความสว่างก็เปลี่ยน และอื่นๆ เช่นการตรวจสอบความเคลื่อนไหว (Microwave) การตรวจจับความร้อน (Infrared) และการตรวจวัดเสียง กล้องอินฟาเรดตรวจจับ ความเคลื่อนไหวของแสงต่อกับเซ็นเซอร์ที่ประตู กล้องความร้อนเรดาร์ไมโคร การใช้ Smart Lighting เพิ่มความปลอดภัย ทั้งไฟฉุกเฉิน รวมถึงการเตือนความผิดปกติของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อัคคีภัย และผู้บุกรุก

การควบคุมจากระยะไกลโดย Application มือถือ - Smart Lighting ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตโดยให้เราสามารถควบคุมระบบแสงไฟและเข้าถึงได้ทุกที่ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือเพื่อความปลอดภัยในบ้านของเรา และสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ล็อกประตู ปรับอุณหภูมิ จากที่ใดก็ได้ในโลก การเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านเครือข่าย Wi-Fi เป็นแนวโน้มการเติบโตที่นำไปสู่การพัฒนา Smart Lighting ซึ่งสามารถควบคุมสวิตซ์ที่ต่อตรงไปยังระบบ Automation และสามารถควบคุมได้โดยตรงจากสมาร์ตโฟน ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการทำงานเดียวกันโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหลอดไฟทุกหลอด เพียงแค่ติดตั้งสวิตซ์ใหม่แบบ Automation และเชื่อมต่อสิ่งเหล่านี้ไปยังเครือข่าย Wi-Fi จะสามารถควบคุมไฟผ่านโทรศัพท์มือถือได้ไม่ว่าจะสุขสบายอยู่บนเตียงหรือกำลังพักผ่อนวันหยุดในต่างประเทศ

การรักษาความปลอดภัย - นอกจากนี้ Smart Lighting ยังสามารถช่วยตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าหรือในกรณีที่มีผูบุกรุกบ้านในขณะที่เราอยู่นอกบ้านด้วยความสามารถในการแจ้งเตือนและการเข้าถึงการควบคุมแสงภายในบ้านผ่านทาง Application มือถือซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Home Automation เพื่อเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยที่บ้านไม่ใช่เพียงแค่เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต

การออกแบบแสงตามไลฟ์สไตล์ - สิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของการออกแบบแสงสว่างคือบรรยากาศของแสงที่สามารถตอบสนองให้สอดคล้องกับการใช้งาน Smart Lighting จึงเป็นทางเลือก โดยเพียงปุ่มสัมผัสเดียวก็สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ของแสงได้ตามต้องการ กล่าวง่ายๆ คือ Smart Lighting ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศการจัดแสงให้สวยงาม และสะดวกสบาย อีกทั้งประสิทธิภาพในการควบคุมและการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยควบคุมแสงในระบบรักษาความปลอดภัย และสามารถกำหนดแสงของเราได้เองอัตโนมัติเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ และการใช้ชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย โดยไม่ต้องสัมผัสสวิตซ์ไฟใดๆ เลย

"Smart Lighting เป็นเทคโนโลยีการออกแบบแสงสว่างให้ได้ซึ่งประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และตอบสนองการควบคุมแบบอัตโนมัติให้เป็นไปตามโปรแกรมที่ป้อนข้อมูลไว้สำหรับช่วงเวลาในแต่ะวัน หรือสามารถปรับเลือกใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งความงามของแสงก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ผู้ออกแบบระบบโคมไฟและแสงสว่างคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะรวมไปถึงงานแสงสว่างทั่วไป (General Lighting) แสงเพื่อควบคุมบรรยากาศ (Ambient Lighting) และแสงที่ให้บรรยากาศ (Accent Lighting)" นางสาวพาขวัญ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจระบบแสงไฟอัจฉริยะสามารถเข้ามาศึกษานวัตกรรมเทคโนโลยีไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะได้ที่งานแสดงสินค้านานาชาติ Thailand Lighting Fair 2016 ซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Smart Lights. Smart Life- นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต" โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2559 ณ ฮอลล์ 101 –102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandlightingfair.com




 

Create Date : 06 กันยายน 2559    
Last Update : 6 กันยายน 2559 0:52:55 น.
Counter : 237 Pageviews.  

รัฐบาลเปิดตัวแอปพลิเคชั่น “สุขแท้ที่แม่ให้” ชวนคนไทยร่วมเฉลิมพระเกียรติพระราชินี



รัฐบาลเปิดตัว แอปพลิเคชัน “สุขแท้ที่แม่ให้” ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระราชินี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอสแล้ว เผยใส่เทคโนโลยีใหม่พร้อมเนื้อหา หวังประชาชนไทยดาวน์โหลดติดโทรศัพท์มือถือส่วนตัว เข้าร่วมกิจกรรมแม่หลวงได้ง่ายขึ้น

 

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2559  พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภาย หลังจากที่รัฐบาลเปิดตัวแอปพลิเคชัน "สุขพอที่พ่อสอน" ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย และอยากจะเรียนรู้แนวคิดจากพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวอย่างลึกซึ้ง มาในปีนี้รัฐบาลได้จัดทำแอปพลิเคชันใหม่คือ "สุขแท้ที่แม่ให้" ขึ้นมา เพื่อให้ทั้ง "สุขพอที่พ่อสอน" และ "สุขแท้ที่แม่ให้" เป็นแอปพลิเคชันที่ทุกคนควรมีติดตัวเอาไว้คู่กัน

แอปพลิเคชัน "สุขแท้ที่แม่ให้" จะมีรายละเอียดมากมาย ทั้งทางด้านเนื้อหาและเทคโนโลยีใหม่ แต่ถูกออกแบบให้ดูและใช้งานง่าย เหมาะกับให้ทุกคนสามารถใช้งานได้เอง และเมื่อพกติดตัวก็จะสามารถเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้มีการเปิดให้ดาวน์โหลดสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสาร เคลื่อนที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแล้ว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 กันยายน 2559    
Last Update : 5 กันยายน 2559 22:37:33 น.
Counter : 254 Pageviews.  

เชิญร่วมงานและฟังปาฐกถาพิเศษ Thailand Tech Show 8-10 กันยายนที่หอประชุมแห่งชาติสิริกิติ์



าน Thailand Tech show 2016 จัดขึ้น 8-10 กันยายนที่ห้องเพลนารี 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์พบกับเทคโนโลยีดี นวัตกรรมเด่นในงานเพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เติบโต วันแรกปาฐกถา “New S Curve กับการขับเคลื่อนประเทศสู่ Thailand 4.0”

 

ขอเชิญฟังการปาฐกถาพิเศษ “New S Curve กับการขับเคลื่อนประเทศสู่ Thailand 4.0” โดย ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  เพื่อเตรียมความพร้อมสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมวันที่8 กันยายนนี้ห้องเพลนารี 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  

สำหรับธุรกิจยุคใหม่กับการบรรยายพิเศษเรื่อง "10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจ" โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วันที่ 9 กันยายนนี้ ห้องเพลนารี 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ทั้ง 2 รายการลงทะเบียนร่วมงานที่ www.nstda.or.th/thailandtechshow2016  หรือ โทร. 02-564-8000

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 กันยายน 2559    
Last Update : 5 กันยายน 2559 2:03:51 น.
Counter : 307 Pageviews.  

ปาดเหงื่อ Apple เสี่ยงโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในไอร์แลนด์ 1.3 หมื่นล้านยูโร



งานนี้ต้องมีรายการปาดเหงื่อเม็ดโตๆ อย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับทาง Apple เมื่อทางคณะกรรมธิการยุโรป (European Commission) ได้ลงมติออกเสียงให้ทางรัฐบาลประเทศไอร์แลนด์นั้น จัดการดำเนินการเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลังกับทาง Apple ซึ่งอาจจะต้องค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้เป็นวงเงินสูงถึง 1.3 หมื่นล้าเหรียญยูโร (คิดเฉลี่ยได้ราว 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.018 แสนล้านบาท ชดใช้ต่อความผิดดังกล่าวนี้และแน่นอนว่าทั้งทาง Apple และตัวแทนของประเทศไอร์แลนด์นั้นต่างไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าว ทำให้จะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

การสืบสวนในเรื่องข้อกล่าวหาที่ว่าทาง Apple นั้นทำธุรกิจในแบบที่มีความพยายามหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีเงินได้ตามกฏหมายของสหภาพยุโรปนั้นดำเนินการสืบสวนความเป็นมาต่างๆ แล้วนั้นใช้เวลาไปกว่า 3 ปี ซึ่งผลการสืบสวนนั้นถูกระบุว่า Apple ได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทลูกในประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งได้รับการช่วยเหลืออย่างผิดกฏหมายในการลดหย่อนค่าใช้จ่ายด้านภาษีประเภท Corporate Tax ต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา แทนที่ตามกฏหมายแล้วจะต้องจ่ายในอัตราคงที่ 12.5 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้และกำไรที่เกิดขึ้นในเขตทวีปของสหภาพยุโรป

ทางด้านตัวแทนของคณะกรรมาธิการสืบสวน Margarathe Vestager ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปนั้นไม่สามารถดำเนินการลดหย่อนภาษีให้เฉพาะกับเอกชนเพียงบางราย ซึ่งภายใต้กฏข้อบังคับของสหภาพยุโรปแล้วนั้นถือว่าเป็นการผิดข้อตกลง ทำให้ทางทีมสืบสวนได้ข้อสรุปว่า แนวทางการปฏิบัติของประเทศไอร์แลนด์แล้วผิดกฏหมายที่มอบสิทธิประโยชน์ให้กับทาง Apple ได้จ่ายภาษีน้อยกว่าบรรดาเอกชนรายอื่นๆ เป็นเวลาหลายสิบปี และข้อตกลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้ยังไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นจริงของสภาพเศรษฐกิจที่ไอร์แลนด์เองก็เข้าขั้นย่ำแย่อย่างมากร่วมกับทาง อิตาลี สเปน โปรตุเกส และกรีซ ในช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้นมา

ทางด้านของ Apple นั้นได้ออกแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินครั้งนี้ ระบุใจความว่า คณะกรรมาธิการยุโรปนั้นได้มองข้ามกฏหมายด้านภาษีที่มีการบัญญัติใช้ขึ้นในประเทศไอร์แลนด์ และนำเอามาตรฐานกฏหมายภาษีนานาชาติเข้ามาเป็นตัวแปรในการพิจารณา ในกรณีนี้ไม่ใช่ว่า Apple ต้องจ่ายภาษีเท่าไร แต่เป็นรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ว่าจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีอย่างไร การตัดสินที่เกิดขึ้นจะสร้างผลกระทบต่อการลงทุนและอัตราการว่าจ้างงานในกลุ่มประเทศยุโรป โดยทาง Apple นั้นปฏิบัติตามกฏหมายและจ่ายเงินภาษีครบถ้วนในแต่ละท้องที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ซึ่งทางบริษัทจะยื่นคำร้องอุทธรณ์และมั่นใจว่าจะได้รับการยกฟ้องในท้ายที่สุด

เช่นเดียวกับทางด้าของรัฐมนตรีการคลังของไอร์แลนด์ Michael Noonan ได้ออกมาแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินในครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งทำให้ตัวเขาไม่มีทางเลือกนอกเสียแต่ว่าจะต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐบาลผู้บริหารชุดปัจจุบันเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อไป ด้วยความจำเป็นที่จะต้องปกป้องระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศ และแสดงถึงบรรทัดฐานการเรียกจัดเก็บอัตราภาษีต่อบรรดาบริษัทเอกชน สุดท้ายคือการเรียกร้องสิทธิในฐานะชาติสมาชิกให้มีนโยบายการจัดเก็บภาษีของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่มา macstroke




 

Create Date : 04 กันยายน 2559    
Last Update : 4 กันยายน 2559 23:38:06 น.
Counter : 276 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.