นายกฯเตือนใช้ชีวิตต้องมีสติชี้“น๊อต กราบรถกู”กฎหมายและสังคมลงโทษแล้ว-คู่กรณีผ่าตัดดั้งจมูกตำรวจเพิ่ม



นายกรัฐมนตรี เตือนใช้ชีวิตต้องมีสติระงับยับยั้งชั่งใจ เห็นใจคนอื่นอย่างโมโหจนเกิดความขัดแย้งไม่เกิดประโยชน์ ชี้กรณี“น๊อต กราบรถกู”กฎหมาย-สังคมลงโทษแล้ว ครม.เห็นชอบเพิ่มโทษทำร้ายร่างกายจำคุก 10 ปี ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่ม“น็อต”ข่มขืนใจผู้อื่น-คู่กรณีเข้าผ่าตัดดั้งจมูกที่รพ.เลิดสิน

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความเห็นภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ “น๊อต กราบรถกู”ส่งผลต่อสังคมในเรื่องความรุนแรงว่าเรื่องความรุนแรงนั้นไม่มีใครชอบ และไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

“ทุกคนต้องมีความระงับยับยั้งชั่งใจ ในเวลานี้ควรมองที่เจตนาก่อน และถึงอย่างไรก็มีกฎหมายบังคับอยู่แล้ว ดังนั้นต้องถูกดำเนินคดีไปและควรระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะเกิดขึ้นมา 2-3 ครั้งแล้ว อย่างเมื่อวันก่อน เรื่องด่านทางด่วน และอีกไม่กี่วันก็เกิดเรื่องนี้อีก ผมเกรงว่าจะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี จึงจำเป็นต้องเตือนไว้ก่อน ขอย้ำว่ากฎหมายมีอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และสังคมก็ลงโทษ ผมไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ต้องรู้จักระงับยับยั้งชั่งใจ และมีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องรู้จักเห็นใจคนอื่นบ้าง การโมโหกันไปมาไม่เกิดประโยชน์”นายกรัฐมนตรีกล่าว

ครม.เห็นชอบร่างแก้ไขกม.เพิ่มโทษจำคุก 10 ปีฐานทำร้ายร่างกาย

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. …  แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด เนื่องจากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22 ) พ.ศ.2558  ซึ่งแก้ไขอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษ ในภาค 3 เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ขณะที่อัตราโทษปรับสำหรับความผิดในภาค 2 ไม่ได้แก้ไขเพิ่มเติม จึงเกิดความไม่สอดคล้องกัน ครม.จึงเห็นชอบให้ปรับภาค 2 ให้เหมาะสมกับภาค 3

นอกจากนี้ยังได้พิจารณาในส่วนความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส มีบทเฉพาะกำหนดโทษจำคุก แต่ไม่ได้กำหนดโทษปรับเอาไว้ ทำให้ศาลพิจารณาลงโทษจำคุกได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับลักษณะการกระทำผิดหรือผลของการกระทำความผิดที่มีความร้ายแรงแตกต่างกัน ส่งผลให้สภาพบังคับโทษทางอาญาไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่

พ.อ.อธิสิทธิ์แถลงว่าร่างพรบ.แก้ไขฯได้เพิ่มอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด ในสัดส่วนอัตราโทษจำคุก 1 ปีต่ออัตราโทษปรับ 20,000 บาท ปัจจุบันปรับ 2,000 บาทเพิ่มโทษปรับ สำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ปัจจุบันมีโทษจำคุกเท่านั้น เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ของการกระทำผิดคือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี ตามมาตรา 297 และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท

มาตรา 298 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 - 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท และแก้ไขเพิ่มเติม ขณะที่มาตรา 99 กำหนดเพิ่มกรณีอายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สิน ใช้ค่าปรับที่ต้องทำภายในกำหนด 5 ปี นับแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุด

จากนี้จะส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ปนช.) พิจารณา ก่อนจะให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ต่อไป

กิตติศักดิ์ สิงโต ผ่าตัดดั้งจมูกแตกที่เลิดสิน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ อาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลเลิดสิน ความคืบหน้าอาการของนายกิตติศักดิ์ สิงห์โต อายุ 25 ปี คู่กรณีนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น๊อต อดีตพิธีกรจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ 25 ภายหลังสืบทราบว่าได้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ขณะนี้ยังคงนอนพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่บริเวณใบหน้ายังมีร่องรอยฟกช้ำไปทั่วบริเวณโดยรอบ และยังต้องใช้เจลประคบเย็นที่บริเวณบาดแผลอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ ยังไม่สามารถตอบข้อซักถามใดๆ ได้ โดยมี น.ส.สุธิรา หงษ์ทอง อายุ 53 ปี มารดาและทีมแพทย์ดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

น.ส.สุธิรา เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.วันที่ 7 พฤศจิกายนได้พาบุตรชายมาพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์ตรวจสอบแล้วเปิดเผยว่าดั้งจมูกแตกละเอียดต้องอยู่พักฟื้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกในช่วงเวลา 09.00 น. ของวันนี้ ก่อนใช้เวลาผ่าตัดจนแล้วเสร็จนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงนำตัวออกมานอนพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยพิเศษโดยย้ายจากห้องผู้ป่วยรวม ขณะนี้บุตรชายยังอยู่ในอาการบาดเจ็บ ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ มีอาการบาดเจ็บจากการผ่าตัดและต้องพักฟื้นดูอาการอีกประมาณ 2 - 3 วัน

น.ส.สุธิรา เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา นายอัครณัฐ ติดต่อมาทางโทรศัพท์ว่าจะเข้ามาเยี่ยมบุตรชาย และสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งตนได้ปฏิเสธไป เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น ขณะนี้บุตรชายใช้สิทธิประกันสังคม แต่ก็ต้องออกค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลเองในบางส่วน ยังไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร

ที่ทำงานของบุตรชายได้ติดต่อเข้ามา พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้การช่วยเหลือเช่นกัน ทั้งนี้ ต้องพักกิจการที่บ้านไว้ก่อน เพื่อมาดูแลอาการบุตรชายอย่างใกล้ชิด และไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากมาย รวมถึงมีอายุมากแล้วต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด

น.ส.สุธีราเปิดเผยว่าที่ผ่านมา มีผู้หยิบยื่นโอกาสให้ความช่วยเหลือหลายราย ไม่ว่าจะเป็นการออกค่าทำศัลยกรรมใบหน้า และเรื่องว่าคดีความนั้น ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวคิดว่า บุตรชายไม่จำเป็นต้องทำให้ใบหน้าหล่อเหลาถึงขนาดนั้น

ส่วนเรื่องคดีความ ขณะนี้ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้การช่วยเหลือว่าความในคดีนี้ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

“แม่ต้องการให้ลูกหายดีเป็นปกติก่อน ส่วนเรื่องคดีความปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากตนเองไม่มีความรู้เรื่องนี้ ส่วนในเรื่องของนายอัครณัฐ ที่จะขอเข้ามาเยี่ยมนั้น เรื่องที่ตนปฏิเสธไม่ได้รู้สึกไม่ดี แต่ต้องการความเป็นส่วนตัว หาก นายอัครณัฐ เดินทางเข้ามาเยี่ยม กองทัพสื่อมวลชนก็ต้องติดตามมาด้วย ส่วนตัวเพียงแค่อยากให้ลูกพักฟื้นรักษาตัวให้อาการดีขึ้นเสียก่อน นอกจากนี้ บุตรชายยังมีนิสัยที่รักความสงบ จึงต้องการความเป็นส่วนตัว” น.ส.สุธิรา กล่าว

เพิ่มข้อหา“น๊อต กราบรถกู”ข่มขืนใจผู้อื่น

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ สน.ยานนาวา พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผกก.สน.ยานนาวา เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายอัครณัฐทำร้ายร่างกายนายกิตติศักดิ์ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม  ยังไม่มีการเชิญใครมาสอบปากคำเพิ่ม แต่หากทางคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จะให้การอ้างใครเป็นพยานพนักงานสอบสวนก็จะมีการเชิญบุคคลนั้นมาสอบปากคำ

พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์เปิดเผยอีกว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อนายอัครณัฐ ในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น

เนื่องจากหลักฐานจากคลิปวิดีโอ พบว่านายอัครณัฐมีพฤติการณ์ฉุดกระชาก ก่อนบังคับข่มขู่ให้นายกิตติศักดิ์กราบรถมินิคูเปอร์คันดังกล่าว โดยได้มีการประสานไปยังนายอัครณัฐให้เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ หากไม่เดินทางมาก็จะถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการออกหมายจับต่อไป

มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายอัครณัฐ พร้อมได้รับการยืนยันว่า จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันนี้ เวลา 20.00 น.ที่ สน.ยานนาวา

ที่มา thaitribune




Create Date : 09 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2559 11:48:15 น. 0 comments
Counter : 247 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.