ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก“สนธิ ลิ้มทองกุล”20 ปีทำเอกสารเท็จกู้กรุงไทย-ส่งเข้าเรือนจำพร้อมสตรีอีก 2 คน



ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 20 ปี สนธิ ลิ้มทองกุล คดีทำเอกสารรายงานเท็จกู้ธนาคารกรุงไทยกว่าพันล้านพร้อมผู้หญิงอีก 2 คน เจ้าหน้าที่นำส่งเรือนจำทันที เผยเป็นคดีมาตั้งแต่ปี 2539 นสพ.ผู้จัดการมีคลิปให้ชมด้วย

 

เมื่อเวลา 10.25 น.วันที่ 6 กันยายน 2559 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1036/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการและอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.),นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ,น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.ยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3) , 313

กรณีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2539 - 31 มีนาคม 2540 จำเลยทั้งสี่ เป็นกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ ฯได้ร่วมทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการบริษัทเป็นเท็จว่า กรรมการมีมติให้บริษัท เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัท เดอะ เอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายสนธิ จำเลยที่ 1 ถือหุ้นอยู่ รวม 6 ครั้ง จำนวน 1,078 ล้านบาท โดยไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมกรรมการบริษัท และยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ได้นำภาระการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ ละสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดดหลักทรัพย์ (กลต.) เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นบริษัท แมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ลงโทษนายสนธิ จำเลยที่ 1 และ น.ส.เสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่โดยทุจริตเป็นเหตุให้บริษัทเสียหาย โดยร่วมกันกระทำการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ , ร่วมกันไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของบริษัท และร่วมกันทำบัญชีไม่ครบถ้วนไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ตรงต่อความเป็นจริงเพื่อลวงให้บริษัท และผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯ มาตรา 307,311,312,313 ให้จำคุกคนละ 17 กระทงๆละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 ทั้งสิ้น 85 ปี

ส่วน น.ส.ยุพิน จำเลยที่ 4 ให้ลงโทษตามความผิดเดียวกัน 13 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 65 ปี ขณะที่นายสุรเดช จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 5 ปี ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ฯมาตรา 313

จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 42 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงผิดแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1,3,4 สูงสุดตามกฎหมายมาตรา 91(2) คนละ 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน

ต่อมามีการอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่วนนายสุรเดช จำเลยที่ 2 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ คดีจึงถือที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน

ในชั้นฎีกา จำเลยที่ 1,3,4 ยื่นฎีกา ต่อสู้ว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดกรรมเดียว โดยขอให้ศาลพิพากษาลงโทษสถานเบาและให้รอการลงโทษ

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่า ในการทำรายงานการประชุมเท็จหนึ่งครั้ง แต่พวกจำเลยนำสำเนาไปยื่นค้ำประกันการกู้ยืมเงินถึง 6 ครั้ง ในวัน-เวลาที่แตกต่างกัน รวมเวลา 1 ปี ขณะที่จำนวนเงินกู้ยืมเงินแต่ละครั้งก็ไม่เท่ากัน ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยรายกระทงนั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ศาลเห็นว่า การบริหารบริษัทต้องมีหลักธรรมมาภิบาล โดยบริษัทของจำเลยเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก หากกรรมการบริษัทกระทำผิดเสียเองย่อมสร้างต่อบริษัท และส่งผลกระทบจำนวนมาก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดร้ายแรง ที่จำเลยอ้างถึงคุณงามความดียังไม่เพียงพอที่จะให้รอการลงโทษได้  ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นชอบแล้ว พิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังคำฟังคำพิพากษา นายสนธิ ได้โอบกอดให้กำลังใจจำเลยร่วมอีก 2 คน ก่อนที่นายสนธิจะออกมาโทรศัพท์แจ้งข่าวผู้ใกล้ชิด จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวทั้งสามมายังห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาล

ต่อมาเวลา 11.00 น. เศษ เจ้าหน้าราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัวนายสนธิ,น.ส.เสาวลักษณ์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.ยุพิน อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ เพื่อส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง โดยน.ส.เสาวลักษณ์ ได้ร้องไห้ ขณะขึ้นรถเรือนจำเดินทางไปเรือนจำด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายของนายสนธิ,นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรฯ,นายปานเทพ พัวพงษ์พัน ,นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการ,กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการอาวุโส นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการเดินทางมาให้กำลังใจด้วย

น.ส.อัจฉรา แสงขาว หนึ่งในทีมทนายความของนายสนธิ เปิดเผยว่า ปกติแล้วนายสนธิเป็นคนที่มีกำลังใจดี การอยู่ในเรือนจำจึงไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตาม การดำเนินการหลังจากนี้คงต้องรอให้การคุมขังครบกำหนดที่ต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ตามคำพิพากษาของศาลจึงจะดำเนินการยื่นเรื่องขอพักการลงโทษตามหลักเกณฑ์ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ต่อไป คงใช้เวลาอีกนานสักระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลนั้นต้องขึ้นอยู่กับความประสงค์ของนายสนธิอีกครั้ง

ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก “สนธิ” ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ (มีคลิป)

//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000089404

ที่มา thaitribune




Create Date : 07 กันยายน 2559
Last Update : 7 กันยายน 2559 0:18:55 น. 0 comments
Counter : 280 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.