ม.44 เด้ง 72 ราย พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ พ้นรองผบ.ตร.-ตั้งพล.ต.สรรเสริญรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์-



นายกฯใช้ม.44 เด้งพล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ พ้นรองผบ.ตร.มานั่งตรวจราชการสำนักนายกฯ-ตั้งพล.ต.สรรเสริญรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สั่งระงับข้าราชการปฎิบัติหน้าที่ 72 ราย อปท.มหาสารคามเกือบยกจังหวัดตรวจบัญชีรายชื่อได้

 

เมื่อวันที่ 27 กันายน 2559 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๙/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๘ และการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐ

ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ นั้น

โดยที่หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เนื่องจากถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าใช้ตําแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายจากปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และมีมูลอันสมควรตรวจสอบ จึงจําเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและกําหนดมาตรการบางอย่างเพิ่มเติม

นอกจากนี้ โดยที่จําเป็นต้องปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของงาน และแก้ไขปัญหาซึ่งไม่อาจดําเนินการโดยวิธีการปกติได้ อีกทั้งมีความจําเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านของการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน โดยผู้มีรายชื่อที่เกี่ยวข้องมิได้มีความผิดหรืออยู่ระหว่างการถกตรวจสอบใดๆ

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจํา หน่วยงานนั้นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

ข้อ ๒ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๒ ข้าราชการตํารวจ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการโดยไม่ขาดจากตําแหน่งเดิมและให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัดเดิม เป็นการชั่วคราว โดยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติจะมีคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการ ในกองบัญชาการตํารวจแห่งใดแห่งหนึ่งตามที่เห็นสมควรเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบก็ได้

ข้อ ๓ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ ผู้บริหารและผู้มีตําแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

ข้อ ๔ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๔ ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้าย คําสั่งนี้ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย เป็นผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้

ข้อ ๕ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๕ กรรมการพนักงานส่วนตําบล ตามบัญชีท้ายคําสั่งนี้ พ้นจากการเป็นกรรมการ และให้ผู้มีอํานาจหน้าที่ดําเนินการคัดเลือกกรรมการใหม่ตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังมิได้มีการคัดเลือกกรรมการแทนกรรมการซึ่งพ้นจากตําแหน่ง ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่และให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้

ข้อ ๖ ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุ แห่งการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ถึงกลุ่มที่ ๔ ให้หน่วยงานทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ศอตช. เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นหรือเพื่อดําเนินการทางวินัยต่อไป ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของ เจ้าหน้าที่ผู้นั้น แล้วแต่กรณีเพื่อขยายเวลาได้ตามความจําเป็น

ข้อ ๗ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ ๖ หากไม่พบว่ามีการกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดําเนินการทางวินัยให้ผู้บังคับบัญชาสรุปผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว แจ้งให้ ศอตช. ทราบ ในการนี้ ให้ประธาน ศอตช. แต่งตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นข้าราชการ ไม่มีข้อขัดแย้งหรือส่วนได้เสียกับบุคคลหรือเรื่องที่มีการกล่าวหา และไม่เคยเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อน มีจํานวน ๓ ถึง ๕ คน เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชาของ ผู้ถูกตรวจสอบกับรายงานหรือพยานหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่งและให้มีอํานาจเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคําได้ โดยคณะบุคคลดังกล่าว อาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกตรวจสอบแต่ละรายหรือหลายรายพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาถูกต้องแล้ว หรือไม่มีเหตุ อันควรเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ ในกรณีที่ผลการตรวจสอบไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชา และมีเหตุ อันควรเปลี่ยนแปลง ให้สรุปพยานหลักฐานที่มีอยู่และหารือร่วมกับผู้บังคับบัญชาแล้วให้ผู้บังคับบัญชา ดําเนินการตามผลการหารือ โดยถือว่าการดําเนินการตามคําสั่งนี้ทุกขั้นตอนเป็นการดําเนินการทางวินัย โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับข้าราชการนั้น ๆ แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกตรวจสอบจะอุทธรณ์ต่อไปตามกฎหมาย หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดอาญาให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ข้อ ๘ เมื่อได้ดําเนินการตามข้อ ๗ แล้ว ในกรณีไม่ปรากฏว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความบกพร่องใดๆ ในการปฏิบัติงานหรือไม่มีมูลความผิดทางวินัยหรือความผิดอาญาหรือมีความผิดวินัยแต่มิใช่เป็นความผิดวินัย อย่างร้ายแรงจึงมีเหตุอันควรงดโทษหรือรับโทษสถานเบาขั้นภาคทัณฑ์ ให้เยียวยาโดยให้ผู้ถูกตรวจสอบ ไปดํารงตําแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิม ยกเว้นผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ให้กลับไปดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ทั้งนี้ ศอตช. อาจมี คําแนะนําการเยียวยาด้วยก็ได้ โดยคํานึงถึงข้อมูลความเหมาะสมเกี่ยวกับตําแหน่งหน้าที่และพื้นที่ใหม่ การให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกตรวจสอบ และประโยชน์ของทางราชการประกอบกัน

ข้อ ๙ ในกรณีจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่ง หากปรากฏว่า ผู้มีรายชื่อตามคําสั่งยังคงถูกดําเนินการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ ศอตช. รอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจนกว่า จะแล้วเสร็จหรือได้รับแจ้งให้ดําเนินการเยียวยาไปก่อนได้ จึงจะสามารถเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่งได้ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการในกรณีของผู้บริหารและผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น

คําว่าผู้บังคับบัญชาให้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง และคําว่ารัฐมนตรีให้หมายถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีเยียวยาบุคคลดังกล่าว ซึ่งไม่อาจไปดํารงตําแหน่งอื่น นอกพื้นที่ได้ นายกรัฐมนตรีอาจเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้โดยให้ไปปฏิบัติงานในตําแหน่งเดิมได้

ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ชื่อและตําแหน่งของผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไม่ตรงตาม ทะเบียนประวัติของทางราชการแต่เห็นได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสํานักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีเพื่อดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน

ข้อ ๑๑ การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อ ในกลุ่มต่าง ๆ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ

ข้อ ๑๒ ในกรณีมีปัญหาให้องค์กรบริหารงานบุคคลกลางที่เกี่ยวข้องกับผู้มีรายชื่อตามคําสั่ง เสนอปัญหาและแนวทางดําเนินการให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

ข้อ ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ต่อเนื่องและไม่กระทบต่อการปฏิบัติงานซึ่งกําลัง ดําเนินไปด้วยดี ให้นายนที ขลิบทอง ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติต่อไปจนถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ผู้มีอํานาจหน้าที่ดําเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

ข้อ ๑๔ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง การตรวจสอบข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ การให้บริการประชาชน การตรวจราชการ และการปฏิบัติภารกิจเพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อย ตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ให้พลตํารวจเอก วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พ้นจากตําแหน่งรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ และให้โอนไป เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง รับเงินประจําตําแหน่ง ๒๑,๐๐๐ บาท ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ตามกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่จัดให้มีขึ้นในสํานักนายกรัฐมนตรีตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ โดยให้ขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม และให้นําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ให้มีผล ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

ข้อ ๑๕ เพื่อประโยชน์ในการขับเคลื่อนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐให้มีลักษณะสอดคล้องกัน ระหว่างการประชาสัมพันธ์ของทางราชการ การประชาสัมพันธ์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลโดยเฉพาะการบริหารแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อการปฏิรูป ให้พลตรี สรรเสริญ แก้วกําเนิด ผู้ชํานาญการกองทัพบก โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการในตําแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราว อีกตําแหน่งหนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

ข้อ ๑๖ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคําสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ ตามที่เห็นสมควร

ข้อ ๑๗ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ที่มา thaitribune




Create Date : 27 กันยายน 2559
Last Update : 27 กันยายน 2559 22:08:29 น. 0 comments
Counter : 372 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.