คนไทยต้องระวังการล่วงละเมิด หลอกลวง ฉ้อฉลในร้านขายยาที่เมืองจีน



ในไลน์ที่ส่งต่อกันมาเมื่ออ่านแล้วเรื่องนี้มีประโยชน์สำหรับคนที่จะไปเที่ยวเมืองจีน อาจถูกไกด์ทัวร์พาไปร้านขายยาแล้วนำยาออกมาจำหน่ายทั้งๆที่ท่านไม่ได้เป็นโรคอะไร เป็นเรื่องของการหลอกลวง การทำไฟฟ้าสถิตย์ให้ช๊อทในร่างกายเรา การพบกับลามะ(เก๊)อ้างว่ามาจากธิเบต จำเป็นที่ต้องอ่าน ดังนี้.....

เรื่องนี้ยาวหน่อย แต่มีประโยชน์ โดยเฉพาะคนที่ไปเที่ยวเมืองจีน

การล่วงละเมิด การฉ้อฉล หลอกลวงของร้านขายยาในจีน

เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 27 พย.2557 ขณะที่ นศ.วปอ.57 เดินทางศึกษาดูงานที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน

ในรายการที่ถูกกำหนด เราต้องแวะชมร้านค้าของรัฐบาลจีน ซึ่งจะมีการบริการนวดเท้า และจำหน่ายสินค้า บัวหิมะ, ตังทั่งเฉ้า และเห็ดหลินจือ

พอเข้าไปในห้อง เขาก็ให้พวกเราแช่เท้าในน้ำอุ่น

บัวหิมะเป็นเรื่องที่คนไทยทั่วไปรู้จักสรรพคุณ ดังนั้นทางร้านจึงพยายามอธิบายถึงสรรพคุณของตังทั่งเฉ้า ที่มาจากทิเบต และในช่วงนี้มีลามะจากทิเบตได้เดินทางมาพอดี ซึ่งลามะนั้นมีกำลังภายในสามารถรักษาโรคได้ และได้ถามคณะว่ามีผู้ใดอยากจะลอง

มีพี่ท่านหนึ่งได้อาสา ลามะได้เพ่งและเบ่งกำลังไปตามจุดต่างๆตามร่างกายของพี่ท่านนั้น และถามตลอดเวลาว่ารู้สึกกับพลังที่ลามะส่งออกมาหรือไม่ ซึ่งพี่ท่านนั้นก็ตอบว่ารู้สึก

ในจังหวะสุดท้าย ลามะได้ให้พี่ท่านนั้นนอนคว่ำ เพื่อรักษาบริเวณหลัง ระหว่างการเพ่งพลังทั้ง 2 มือ ชี้ผ่านแผ่นหลังพี่ท่านนั้น เกิดความอัศจรรย์คือมีรอยแดงเป็นแนวลากตามนิ้วที่ลามะชี้ไป ทุกคนเห็นต่างทึ่งในสิ่งที่เห็น

ลามะจึงถามว่ามีใครต้องการที่จะให้ช่วยรักษาอีกบ้าง ทีนี้มีคนยกมือประมาณ10คน รวมทั้งผมด้วย

ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปดออก บรรดาลามะนับสิบคนพร้อมล่าม เดินเข้ามาหาคนที่ยกมือ

ณ ครั้งแรกที่เขาได้เพ่งมาที่ผม สิ่งที่รู้สึกได้คือมีประจุไฟฟ้าวิ่งมากระทบกับร่างกาย ตามบริเวณที่เขาได้เพ่งไป ความแปลกใจได้เกิดขึ้น สิ่งที่เชื่อคือไฟฟ้าสถิตย์ ซึ่งจะไม่ต่างอะไรหากเรารู้สึกเหมือนไฟฟ้าช๊อทในหน้าหนาว ตอนที่เราเปิดประตูรถยนต์

สิ่งที่แปลกมากๆคือเขาพยายามรักษาภายในให้เรา เขาให้เปิดเสื้อขึ้น แล้วเพ่งพลังมาที่ท้องด้านขวา สิ่งที่เห็นชัดเจนคือมีประจุแลบบริเวณผิวหนังที่เขาได้เพ่งมา เหมือนโดนไฟช๊อทตลอดเวลาที่เพ่ง กลิ่นไหม้ของผิวหนังมีเล็กน้อย และเขาได้เอาน้ำมันมาฉีดที่ท้อง และอธิบายว่าด้านขวาที่มีเลือดซึมออกมานั่นคือพิษที่ถูกขับออกมา ดูได้จากบริเวณท้องด้านซ้ายที่ไม่มี เพราะไม่ได้เพ่งพลัง

การวินิจฉัยของเขาผมเป็นหลายโรคมาก แต่ตรงกับของที่เขามีขายทั้งหมด

หลังจากที่เสร็จ พี่ๆได้ถามผมว่ารู้สึกยังไง ผมตอบว่าผมไม่เข้าใจว่าเขาสร้างไฟฟ้าสถิตย์ได้อย่างไร พี่ท่านหนึ่งตอบว่า เดี๋ยวพี่พาไปค้นตัวพวกมัน ผมจึงถึงบางอ้อ ว่าพวกมันใช้ถ่าน 9โวลท์ มาช๊อทผม

พอหลังมื้อเที่ยง มีพี่อีกท่านมาเล่าเรื่องให้ฟังว่าอะไรเกิดขึ้นกับท่านบ้าง เมื่อท่านโดนช๊อท ท่านเริ่มสังสัย ท่านเลยยกเท้าขึ้น ลามะบอกให้วางเท้าลงกับพื้น พอวางเท้าลงกับพื้น ท่านก็โดนช๊อทอีก

ท่านก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า เมื่อเท้าเราเปียกก็สื่อไฟฟ้าที่ดี ที่จะให้ไฟฟ้าผ่านเข้ามาและมาช๊อทตัวเรา ท่านจึงนิ่ง เมื่อลามะ(เก๊) เพ่งพลังมาสู่ท่านอีกรอบ ท่านจึงยกขาของท่านไปเตะที่ขาของลามะ(เก๊) ปรากฏว่ากระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านจากท่านไปสู่ลามะ(เก๊) มันถูกช๊อท มันสะดุ้ง และกระโดดถอยหลัง มันจึงเลิกรักษาพี่ท่านนั้น

ในช่วงบ่ายวันนั้น ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้ใหญ่คนไทยที่มาดูแล ท่านพำนักอยู่ที่คุนหมิง  ท่านได้ให้ข้อมูลว่า ร้านค้าดังกล่าวไม่ได้เป็นของรัฐบาลจีนอย่างที่แอบอ้าง และรัฐบาลจีนไม่มีนโยบายบังคับกรุ๊ปทัวร์ให้แวะสถานที่เหล่านี้ รวมทั้ง ราคาของที่ขายสูงท้องตลาดไม่น้อยกว่า 20-30 %

สิ่งที่อยากจะถ่ายทอดสู่ พี่ๆน้องๆ เพื่อนๆคนไทยทุกคน

1.อย่าได้ไปเชื่อว่ารัฐบาลจีนบังคับกรุ๊ปทัวร์ ให้แวะร้านขายของสารพัด

2.ร้านค้าดังกล่าว ไม่ใช่ของรัฐบาล และผลประโยชน์ เกิดขึ้นเฉพาะร้านค้ากับไกด์ที่พาเราไป

3.เมื่อวานนี้ เรามาเที่ยวเมืองจีน เจอบังคับให้แวะสารพัด ทริคที่เขาใช้เมื่อก่อนคือนวดเท้า แล้วให้หมอมาแมะ แล้ววิเคราะห์โรคขาย

แต่วันนี้ มันก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคลของเรา ด้วยการกล่าวอ้าง หลอกลวงว่ามีกำลังภายใน แล้วเอาไฟฟ้ามาช๊อท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิด และมองเราอย่างโง่เขลา

สิ่งที่ผมอยากจะชวนพี่น้อง ผองเพื่อนที่มีโอกาสได้มาประทศจีน จงสังวรณ์ว่า การฉ้อฉลรูปแบบใหม่ได้เกิด ขอให้พวกเราอย่าได้กลัวมัน และให้เข้าใจในหลักวิทยาศาสตร์ของไฟฟ้า

เมื่อเท้าเปียก มันเป็นสื่อไฟฟ้าอย่างดี จงตั้งสติ แล้วหาจังหวะเอาขาของเรา แขนของเราไปแตะตัวมัน เพื่อโน้มนำกระแสไฟฟ้าให้วิ่งไปหามัน มันจะได้รู้ว่า คนไทยไม่ใช่เป็นนักท่องเที่ยวโง่ๆ ให้มันมาหลอกอีกต่อไป

ขอให้จงช่วยกัน ต่อต้าน   ร้านค้าที่ดูหมิ่นปัญญาของเรา

และจงช่วยต่อต้าน และประนามบริษัททัวร์ ที่ยังเห็นแก่ได้ พาพวกเราไปพวกมันหลอกซ้ำซาก..

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2559    
Last Update : 6 ธันวาคม 2559 21:32:32 น.
Counter : 295 Pageviews.  

สัญญาณเตือนภัยที่ผู้บริหารต้องทนฟัง โดย พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานกรรม



สัญญาณเตือนภัยจากการพลิกผันดิจิทัล (Digital disruption) ที่กำลังเกิดผลกระทบภายใน 2-5 ปี จากนี้ (สรุปจากบทวิเคราะห์และงานวิจัยหลายแหล่งและจากงานในระดับนานาชาติ เช่น CEBIT, GSMA และ ITU เป็นต้น) ซึ่งผู้เขียนวิเคราะห์ว่าข่อมูลดังกล่าว สามารถนำมาสะท้อนภาพสถานการณ์การ disruption ของประเทศไทยได้ และจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ใช้กระดาษมีความต้องการลดลงจนหนังสือที่มีชื่อเสียงในทุก sector หลายฉบับจะปิดตัว และโรงพิมพ์จะลดการทำงานลงกว่าครึ่ง โดยจะเกิดสื่อใหม่จากบริษัทใหม่และ startup ที่ไม่เคยอยู่ในตลาดมาก่อนเกิดขึ้นมากมาย เช่น LINE กระโดดเข้ามาทำข่าวคล้ายๆสื่อหนังสือพิมพ์, Facebook มีการ share ข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นแบบ realtime รวมไปถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่อ่านตัวอักษรน้อยลง แต่ดูข่าวสารในรูปแบบ vdo แทน และพฤติกรรมจะก้าวไปสู่การใช้เวลามากขึ้นกับสื่อ vdo ที่นำเสนอแบบ realtime จนทำให้สื่อเดิมที่เป็นรูปแบบสิ่งพิมพ์ที่รายงานข่าวที่ไม่สดเพียงพอ และนิตยสารที่ถูกแย่งเวลาการอ่านไป จะถูกลบออกจากความสนใจและออกจากตลาดไปอย่างรวดเร็ว (ย้ำ...อย่างรวดเร็ว)

ธุรกิจ Broadcasting จะมีการเกิดใหม่ของบริษัท start up เล็กๆ ของคนรุ่นใหม่ (อาจมีพนักงานไม่เกิน 10 คน แต่มีเครือข่ายการ share content) ทำรูปแบบธุรกิจ vdo realtime เช่น สารคดีสด, สัมภาษณ์สด, สัมมนาสด, รายงานข่าวสด, ติดตาม celebrity สด ไปจนถึงผู้มีชื่อเสียงที่มีองค์ความรู้ในลักษณะผู้เชี่ยวชาญจะถ่ายทอดสดด้วยตัวเอง โดยอาจมี studio เล็กๆ หรือไม่มีเลย แต่จะใช้เทคโนโลยี broadband mobile ด้วยการใช้ application คล้ายๆ Facebook Live (แต่จะมีประสิทธิภาพมากกว่า Facebook Live มาก ใน 2-5 ปีข้างหน้า) จนทำให้เวลาของคนทั่วไปถูกแบ่งจากสื่อองค์กรใหญ่แบบดั้งเดิมไปเสพสื่อที่เกิดใหม่เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะในกลุ่ม Y Generation

การเช่าที่เพื่อขายสินค้าต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าระดับ mass จะมีผลกระทบเนื่องจากสินค้าเหล่านั้นกว่าครึ่งสามารถขายผ่านระบบ online เช่น e-commerce หรือ social media ต่างๆ ได้ และที่สำคัญ แนวโน้มการซื้อสินค้าที่เป็น mass ในกลุ่ม Y Generation เปลี่ยนไปซื้อสินค้าใน online ที่มีอัตราที่สูงมาก และสินค้าเหล่านั้นมีการเสนอขายแบบ realtime บนเครือข่าย social media และสามารถสื่อสารเสนอสินค้ากับลูกค้าด้วย realtime vdo อีกด้วย และไม่น่าเชื่อว่า ขณะนี้มีการซื้อขายเสื้อผ้าผ่าน online แล้วมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงจะมีผลต่อห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงธุรกิจให้เช่าที่ขายสินค้า จะต้องปรับตัว

ธุรกิจการเงินการธนาคาร ที่พฤติกรรมของลูกค้าหันไปใช้ระบบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ online มากขึ้นอย่างชัดเจน การทำธุรกรรมบนระบบ ATM และที่ธนาคารจะลดลงไปอย่างมาก จนทำให้จะต้องลดต้นทุนโดยการลดสาขาและตู้ ATM ที่มีต้นทุนสูงมากลงไปโดยปริยาย อีกทั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี Blockchain จะทำให้รูปแบบ business model ของธนาคารที่เคยเป็นตัวกลางหลัก ต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก และ ธุรกิจใหม่อย่าง Fintech จะเข้ามาท้าทายอย่างรวดเร็ว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2559    
Last Update : 3 ธันวาคม 2559 22:27:51 น.
Counter : 408 Pageviews.  

คลัง-สำนักนายกฯเชิญช้อปที่ตลาดคลองผดุง 1-23 ธันวาคม 10.00-19.00 น.ไม่มีวันหยุด-สินค้าราคาถูกเพียบ



กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดงาน“คลังพัฒนาชาติ ตลาดคลองผดุงสร้างชีวิต เสริมสร้างเศรษฐกิจมั่นคง”จัดขึ้นวันที่ 1-23 ธันวาคมที่ตลาดคลองผดุงฯข้างทำเนียบรัฐบาลไม่มีวันหยุด 10.00-19.00 น.แถมนั่งรถเมล์ฟรีจากอนุสาวรีย์ชัยหรือนั่งเรือฟรีในคลองผดุงเส้นทางหัวลำโพง-เทเวศร์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ที่ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ร่วมกับ น.ส. เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานกรรมการดำเนินโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ภายใต้ชื่องาน “คลังพัฒนาชาติ ตลาดคลองผดุงสร้างชีวิต เสริมสร้างเศรษฐกิจมั่นคง” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 23 ธันวาคม 2559

นายอำนวย แถลงว่าการจัดงานครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมในช่วงเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งมีวันสำคัญของคนทั้งชาติ คือวันที่ 5 ธันวาคม 2559 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ทั้งนี้ การจัดงานจะมีการน้อมนำแนวคำสอน และพระราชดำริต่างๆ ขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้เป็นแนวทาง โดยเฉพาะเรื่องการออมถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ท่านได้ทรงปลูกฝังนิสัยรักการออมให้ประชาชนชาวไทยจนเป็นที่มาของ“วันออมแห่งชาติ” กระทรวงการคลังได้นำแนวคิดพระราชทานนี้มาใช้เป็นหัวข้อหลักในการจัดงานตลอด 3 สัปดาห์ที่จะถึงนี้

สัปดาห์แรกของการจัดงาน ระหว่างวันที่ 1 - 9 ธันวาคม 2559 “คลังรวมใจถวายองค์พ่อหลวง” จะสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ผ่านการออมเศรษฐกิจ ออมสังคม และออมสิ่งแวดล้อม หมายถึงการดูแลสิ่งต่างๆ รอบตัวเราในทุกมิติ รวมถึงได้นำสินค้าและการจำหน่ายอาหารจากผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้า SMEs มาจำหน่ายในราคาถูก

สัปดาห์ที่สอง ระหว่างวันที่ 10 – 16 ธันวาคม 2559 ก็จะเป็นการนำของดีจากภาคต่าง ๆ ทั่วไทย สินค้า SMEs สินค้า OTOP ภายใต้แนวคิด “คลังของดี 4 ภาค” โดยจะมีการจัดกิจกรรมในหัวข้อ “เศรษฐกิจพอเพียง” “ความรู้ทางการเงิน”“การจัดตลาดประชารัฐ” ด้วยการนำสินค้าของดีของแต่ละภาคมาจำหน่ายในราคาถูก

สัปดาห์สุดท้าย ระหว่างวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2559 เป็นการรวบรวมสินค้าดีมีคุณภาพที่เหมาะจะซื้อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ รวมทั้งยังมีบริการห่อของขวัญฟรีภายใต้แนวคิด “คลังของขวัญวันปีใหม่” พร้อมด้วยการให้บริการทางเงิน การเขียนแผนธุรกิจ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ”

นายอำนวยเปิดเผยว่าการจัดงานครั้งนี้ กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจในสังกัด และหน่วยงานในกำกับได้คัดเลือกสิ่งที่ประชาชนสนใจมารวมไว้ในการจัดงาน อาทิ การนำพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เคยทรงพระราชนิพนธ์ไว้เพื่อน้อมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพ การจำหน่ายเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกประเภทต่าง ๆ การจำหน่ายสินค้าราคาถูกจากกลุ่ม SMEs ต่าง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ OTOP จากทั่วประเทศ ผลิตภัณฑ์สินค้าประชารัฐ หมวกกันน็อก และประกันภัยชนิดต่างๆ ในราคาถูก

พร้อมทั้งมีการจำหน่ายของขวัญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ในราคาย่อมเยา การจำหน่ายจักรยานมือสองในราคาถูก และการให้บริการทางการเงินประเภทต่าง ๆ ซึ่งประชาชนจะสามารถเข้ามาขอรับบริการได้ในคราวเดียว

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Highlight กระทรวงการคลังได้คัดสรรสินค้าคุณภาพดีราคาถูก อาหารอร่อยจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศมาจำหน่ายทั้งในรูปแบบของตลาดน้ำ (วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์) และตลาดริมคลอง โดยจำลองมาจากตลาดน้ำคลองลัดมะยม รวมถึงการเปิดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกฯ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากพี่น้องประชาชน

น.ส. เรณู รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองในฐานะประธานกรรมการดำเนินโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษมแถลงเพิ่มเติมว่า การจัดงานตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษม จัดมาแล้วทั้งหมด 25 ครั้ง ผลของการดำเนินงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง และที่สำคัญทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้ารายย่อย ได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าและช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

ตลอดจนทำให้ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชาวกรุงเทพมหานคร สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเชื่อมั่นว่าการจัดงานครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนได้เข้ามาเยี่ยมชม และเลือกจับจ่ายใช้สอยสินค้าดีอาหารอร่อย ราคาถูกในงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม “คลังพัฒนาชาติ ตลาดคลองผดุงสร้างชีวิต เสริมสร้างเศรษฐกิจมั่นคง” ระหว่างวันที่ 1 - 23 ธันวาคม 2559 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 10.00 น. - 19.00 น. ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล

พร้อมกันนี้กระทรวงการคลังได้จัดบริการรถเมล์ฟรี รับ-ส่ง และ ไป-กลับ จาก อนุสาวรีย์ชัย (เกาะพญาไท) – ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม หรือจะเลือกใช้บริการเรือในคลองผดุงกรุงเกษมไป-กลับ จากหัวลำโพง - เทเวศร์ ฟรีทุกวัน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2559    
Last Update : 2 ธันวาคม 2559 21:18:06 น.
Counter : 335 Pageviews.  

ตัวเลขส่งออก ต.ค.ทรุดอีกครั้ง ลบ 4.2% เหตุสินค้าอุตสาหกรรม-เกษตร ตกต่ำทุบสถิติ



ที่กระทรวงพาณิชย์ น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกเดือนตุลาคม 2559 ติดลบ 4.2% และมีมูลค่า 17,738 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากขยายตัวมา 2 เดือนก่อนหน้านี้ สาเหตุที่การส่งออกกลับมาติดลบอีกครั้ง เพราะการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมติดลบครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และติดลบ 2.7% จากมูลค่าส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ติดลบ 27.6% คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ติดลบ 9.3% ทองคำ ติดลบ 40% และรถยนต์และส่วนประกอบติดลบ 5.8% เป็นต้น

ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรกลับมาหดตัวอีกครั้ง หลังจากขยายตัวสูงสุดรอบ 2 ปี ในเดือนกันยายนปีนี้ และติดลบ 8.1% จากสินค้าสำคัญติดลบ ได้แก่ น้ำตาลทราย ติดลบ 52.6% ข้าว ติดลบ 24.4% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ติดลบ 22.9% และยางพารา ติดลบ 5.0% อย่างไรก็ตาม หากหักรายการน้ำมันและทองคำ ตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคมจะติดลบเหลือ 2.8%

น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า การนำเข้าเดือนตุลาคม 2559 มีมูลค่า 17,535 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 6.5% ซึ่งบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และยังได้ดุลการค้า 248 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ 10 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่า 178,251 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 1% นำเข้ามูลค่า 160,073 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 5.9% จึงได้ดุลการค้า 18,178 ล้านเหรียญสหรัฐ

“แม้ตัวเลขการส่งออกตุลาคม จะติดลบถึง 4.2% แต่สถานการณ์การส่งออกของไทยยังดีกว่าประเทศอื่นมาก โดยจากการจัดอันดับการส่งออกขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 11 ถือว่าสามารถรักษาอันดับได้ดี ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว และส่วนแบ่งตลาดของไทยยังมีแนวโน้มสูงขึ้นในเกือบทุกตลาด อาทิ ญี่ปุ่น จีน เอเชียใต้ และกลุ่มซีแอลเอ็มวี ยังขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์การส่งออกปี 2559 การส่งออกทั้งปี ไม่น่าจะติดลบมากถึง 0.4% อย่างที่สภาหอการค้าไทยประเมิน และน่าจะขยับขึ้นมาเป็นบวกได้เล็กน้อย โดยถ้า 2 เดือนที่เหลือ มีมูลค่าการส่งออกได้รวม 36,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขการส่งออกจะเท่ากับ 0%” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว


ที่มา thaienews




 

Create Date : 01 ธันวาคม 2559    
Last Update : 1 ธันวาคม 2559 19:33:26 น.
Counter : 255 Pageviews.  

ครม.หนุนการท่องเที่ยวตลอดธันวาคมลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่น-ทำเศรษฐกิจสะพัดพันล้าน



ครม.สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ-กลับภูมิลำเนาตลอดเดือนธันวาคมลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท เมื่อรวมการลดหย่อนก่อนหน้านี้ 1 ม.ค.ถึง 31 ธ.ค.ได้ถึง 30,000 บาท คาดจัดเก็บรายได้ลดลง 150 ล้านบาท แต่เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจพันล้านบาท

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559  นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2559 โดยให้นำค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และค่าที่พักในโรงแรมให้ผู้ประกอบการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค.2559 มาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

ถ้ารวมกับมาตรการเดิมที่กำหนดให้ลดหย่อนภาษีด้านการท่องเที่ยวในช่วง 1 ม.ค. - 31 ม.ค.2559 วงเงิน 15,000 บาทไปแล้ว จะทำให้ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงเดือนธ.ค.นี้ จะได้รับการลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท

ทั้งนี้กระทรวงการคลังแจ้งว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีในเดือนธ.ค.2559 เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมและฟื้นฟูการท่องเที่ยว จึงสมควรให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้ที่ใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งค่าบริการนำเที่ยวและค่าที่พัก ซึ่งรวมกับมาตรการเดิมต้องไม่เกิน 30,000 บาท

“กรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 150 ล้านบาท แต่จะช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ 1,000 ล้านบาท”นายณัฐพรกล่าว

ทางด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า หลังจากที่ครม.เห็นชอบมาตรการดังกล่าวแล้ว ในมาตรการอื่นๆ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการใช้จ่ายการซื้อสินค้า และมาตรการลดภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง ยังไม่ได้เสนอให้ครม.มาพิจารณาในครั้งนี้ แต่กระทรวงการคลังก็กำลังเตรียมความพร้อมอยู่ และถ้าพร้อมก็นำเสนอเข้ามาให้ที่ประชุมพิจารณาต่อไป

เที่ยวอย่างฉลาดเคลมภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท

//webboard.edtguide.com/forum.php?mod=viewthread&tid=36396

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2559 9:18:42 น.
Counter : 278 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.